กรุ๊ปเลือด A
ในทางทฤษฎี เชื่อว่า คนกรุ๊ปเลือดเอ เหมาะกับอาหารมังสวิรัติ เพราะคนกรุ๊ปเลือดเอจะกินเนื้อสัตว์ได้น้อย เนื่องจากมีกรดในกระเพาะอาหารต่ำ มีความเข้มข้นของเลือดสูง หากกินเนื้อสัตว์บ่อยๆ จะทำให้เลือดหนืดและไหลเวียนช้า ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมา และระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายก็จะทำงานได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นจึงควรเน้นการทานผักให้มากกว่าการทานเนื้อ
ควรหลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ต่างๆ ยกเว้นปลาแซลมอน ปลาทู ปลาค้อด ปลากะพง และปลาซาร์ดีน เพื่อช่วยเสริมโปรตีน และควรหลีกเลี่ยงการรับประทานปลาจะละเม็ด และปลาตาเดียว เนื่องจากมีเลกตินสูง
ส่วนโปรตีน ควรได้รับจากถั่วเหลือง หรือน้ำนมถั่วเหลือง ทดแทนจากเนื้อสัตว์ ไข่กินได้บางครั้ง ข้าวกล้องหรือซีเรียล กินได้วันละ 1-2 ครั้ง
สำหรับผัก สามารถเลือกทานได้ทั้งแบบสดๆ และ โดยเฉพาะหอมหัวใหญ่ และบรอกโคลี มีสารแอนติออกซิแดนท์สูง แครอต ฟักทอง ผักโขม และกระเทียม ช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกัน กินผลไม้ได้แทบทุกชนิด ยกเว้น แตงโม แคนตาลูป มะม่วง มะละกอ กล้วย ส้ม เพราะย่อยยาก เครื่องดื่มเน้น ชาสมุนไพร เพราะจะไปเพิ่มกรดในกระเพาะ สำหรับไวน์แดงดื่มได้บ้าง แต่ควรเลี่ยงเบียร์ และน้ำอัดลม
ส่วนการออกกำลังกายให้เน้นออกกำลังกายแบบเบาๆ ไม่ออกแรงมากนัก เช่น โยคะ และเมื่อมีความเครียดก็แก้ไขได้ด้วยการนั่งสมาธิเป็นประจำ
ตัวอย่างเมนูอาหารที่น่าสนใจ
- ข้าวผัดปลาซาร์ดีนต้มยำ
- ข้าวยำธัญพืช
- ยำแซลมอนสดกับกระเทียม
- ยำใบชะพลูกุ้งคั่ว
- ซุปฟักทอง
- สเต๊กแซลมอนราดซอสเต้าหู้
กรุ๊ปเลือด B
สำหรับคนกรุ๊ปบี เป็นกรุ๊ปที่ค่อนข้างมีความยืดหยุ่นทางอาหารสูง คือ สามารถกินได้ทั้งเนื้อสัตว์และผักในปริมาณที่พอดี ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป เพราะมีความเข้มข้นของเลือดอยู่ในระดับกำลังดี แต่ปัญหาจะมีปัญหาในเรื่องภูมิคุ้มกันบกพร่องง่าย อ้วนง่าย มีอาการปวดตามข้อเป็นประจำ รวมไปถึงโอกาสเกิดโรคเกี่ยวกับประสาทสูง
ดังนั้น การออกกำลังกายควรออกกำลังกายแบบไม่หักโหมมาก แต่ได้ออกแรงเผาผลาญร่างกาย เช่น เล่นเทนนิส ศิลปะป้องกันตัว การปีนเขา เป็นต้น
สำหรับอาหาร ควรหลีกเลี่ยงแป้งสาลี แป้งโฮลวีท ข้าวโพด งา มะเขือเทศ และถั่ว เพราะไม่ดีต่อระบบเผาผลาญ และอาหารที่เหมาะสำหรับคนกรุ๊ปบี ต้องบาลานซ์ให้พอเหมาะ ทั้งเนื้อสัตว์ และผักผลไม้ คือ เนื้อแกะ เนื้อแพะ ปลาจะละเม็ด ปลาซาร์ดีน และปลาค้อด
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง คือ อาหารจำพวก แป้งสาลี แป้งโฮลวีต และถั่วลิสง เพราะไม่ดีต่อระบบเผาผลาญ ทำให้อ้วนได้ง่ายและส่งผลไม่ดีต่อเลือด
ผักสามารถทานได้หมด แต่ที่เราจะแนะนำหลักๆ คือ กะหล่ำปลี บรอกโคลี หอมหัวใหญ่ ขิง รวมไปถึงผักใบเขียวทุกชนิด เพราะมีแมกนีเซียมสูง สามารถช่วยป้องกันอาการผื่นคัน และภูมิแพ้ได้ สำหรับผลไม้ กินได้แทบทุกชนิด โดยเฉพาะ สับปะรด เนื่องจากมีเส้นใยอาหารสูง แถมยังช่วยทำให้เลือดหมุนเวียนได้ดีอีกด้วย แต่ผลไม้ที่ควรจะหลีกเลี่ยงคือ ลูกพลับ ลูกแพร์ และทับทิม
ตัวอย่างของเมนูอาหารที่น่าสนใจ
- กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา
- ปลาจะละเม็ดนึ่งขิง
- เนื้ออบสับปะรด
- ถั่วแดงกวน
- สมูทตี้แตงโมมินต์
- น้ำขิง, ชาเขียว
- ไอศกรีมโยเกิร์ตน้ำผึ้ง
กรุ๊ปเลือด O
ในขณะที่ คนกรุ๊ปโอ จะเป็นกลุ่มกรุ๊ปเลือด ที่สามารถกินเนื้อได้เยอะที่สุด เนื่องจากกระเพาะมีความเป็นกรดสูง ทำให้ย่อยอาหารจำพวกเนื้อได้ดีกว่ากรุ๊ปอื่นๆ แถมยังดูดซึมสารอาหารได้ดี แต่เพื่อความสมดุลของร่างกาย จึงไม่ควรกินเนื้อมากเกินไป โดยเลือกกินผักให้มากขึ้น หรือกินในอัตราส่วนครึ่งหนึ่งของอาหารแต่ละมื้อควบคู่ด้วย
ทั้งนี้ เพราะในกรุ๊ปเลือดโอเอง ก็ยังมีปัญหาในเรื่องของน้ำหนักตัวที่ขึ้นง่าย และเรื่องเลือดมีความเหลวมาก จึงควรเลือกอาหารเสริมสร้างเลือดแข็งตัวได้เร็วขึ้น ส่วนการออกกำลังกาย ให้เน้นกีฬาที่ออกแรงมากๆ เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิก ว่ายน้ำ ก็จะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้เป็นอย่างดี
อาหารที่เหมาะกับคนกรุ๊ปโอ นอกจากเนื้อสัตว์แทบทุกชนิดแล้ว ยังรวมไปถึงอาหารทะเลต่างๆ ที่มีไอโอดีนสูง แต่ต้องระวังเรื่องไขมันและคอเลสเตอร์อลจากเนื้อสัตว์ด้วย ดังนั้นจึงควรกิน นม เนย และไข่ ในปริมาณที่พอเหมาะ และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ
งดคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว, แป้ง, น้ำตาล รวมไปถึงถั่วชนิดต่างๆ และควรเน้นอาหารที่มีมีวิตามินเคด้วย เช่น ผักโขม บรอกโคลี เนื่องจากมีวิตามินเคสูง แต่ควรหลีกเลี่ยงผักตระกูลกะหล่ำ มะกอกดอง มะเขือยาว มันฝรั่ง และเห็ดหอม เพราะจะทำให้เกิดอาการแพ้ มีผลต่อต่อมไทรอยด์ และไขข้อ
ส่วนผลไม้ เราขอแนะนำเป็นเชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ เกรปฟรุต ควรเลี่ยง ส้ม สตรอว์เบอร์รี่ มะพร้าว แคนตาลูป เพราะมีความเป็นกรดสูง
ตัวอย่างของเมนูอาหารที่น่าสนใจ
- หมูอบขิง
- ตับหวาน
- ข้าวอบสับปะรดปลา
- ไก่ทอดกระเทียมกับขมิ้น
- ซุปบรอกโคลี
- ปลาหมึกชุบแป้งทอด
- สมูทตี้บลูเบอร์รี่แอนด์เชอร์รี่
- น้ำลูกพรุน
กรุ๊ปเลือด AB
เนื่องจาก คนกรุ๊ปเอบี เป็นกรุ๊ปที่ผสมระหว่างกรุ๊ปเอและบี ดังนั้นจึงกินอาหารที่ใกล้เคียงกับสองกรุ๊ปนี้ได้ แต่จะทานเนื้อสัตว์ได้น้อยกว่าคนกรุ๊ปบี และไม่ต้องทานผักมากเท่ากับคนกรุ๊ปเอ
เพราะคนกรุ๊ปเลือดเอบีมีกรดในกระเพาะอาหารต่ำ ที่สำคัญคือควรงดอาหารหมักดองทุกชนิด เพราะไม่ดีต่อสุขภาพ ทำให้การออกกำลังกาย ให้เน้นการออกกำลังกายแบบเบาๆ อย่าง เล่นโยคะ การเดินออกกำลังกาย เป็นต้น
สำหรับอาหารการกินนั้น เราแนะนำ เต้าหู้ หรือผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เป็นหลัก หรือปลาซาร์ดีน ส่วนเนื้อสัตว์ที่กินได้เล็กน้อย ควรหลีกเลี่ยงพวก ปลาเทราต์ ปลาลิ้นหมา และแซลมอน
เพราะคนกรุ๊ปเอบี มีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอกว่ากรุ๊ปอื่น จึงควรทานผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง แนะนำ พวก กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำ บรอกโคลี พาร์สลีย์ กระเทียม ขิง ขมิ้น หอมหัวใหญ่ หอมเล็ก แครนเบอร์รี่ เชอร์รี่ เลมอน สับปะรด องุ่น น้ำมันมะกอก และโยเกิร์ต เป็นต้น
ตัวอย่าง เมนูอาหารที่น่าสนใจ
- ปลากะพงผัดขิง
- ปลาย่างพาร์สลีย์ซอสซาวร์ครีม
- สลัดแซลมอนสดกับมายองเนสวาซาบิ
- ลาบปลากระป๋อง
- ซุปเต้าหู้เห็ดหอม
- วุ้นน้ำเต้าหู้แมงลัก
- เชอร์รี่ปั่นกับโยเกิร์ต
เชื่อถือเทรนด์นี้ได้มากน้อยแค่ไหนกัน ?
อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด ก็ยังมีเป็นเพียงทฤษฎี เป็นเรื่องของแพทย์ทางเลือกเท่านั้น เพราะมีข้อโต้แย้งจากนักวิทยาศาสตร์ แพทย์ และนักโภชนาการจำนวนหนึ่ง ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนเท่าที่ควร
หากพูดให้เข้าใจง่าย คือ การกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด ไม่ได้ช่วยให้ผู้เลือกทานมีสุขภาพที่ดีขึ้น ระบบเผาผลาญดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้ส่งผลร้ายต่อร่างกายแต่อย่างใด เพราะอาหารที่ถูกหยิบยกมาเป็นตัวอย่าง ก็นับว่าเป็นอาหารที่มีประโยชน์ แต่การกินอาหารซ้ำๆ เดิมๆ ไม่หลากหลาย ไม่ครบ 5 หมู่ ก็อาจจะเกิดปัญหาได้
ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การเลือกอาหารเพื่อสุขภาพ มีประโยชน์ เหมาะสมกับร่างกายของเราต่างหาก
โดยเฉพาะการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และถูกต้องตามหลักโภชนาการ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย จะเห็นผลได้ชัดเจนมากกว่า
ส่วนผู้ที่มีโรคประจำตัว ก็ควรต้องคำนึงถึงข้อจำกัดในการรับประทานอาหารของตัวเองอย่างถี่ถ้วน เน้นปฎิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เป็นหลัก จะปลอดภัยกว่า หรืออาจจะขอคำแนะนำจากแพทย์ก็ได้
แม้การกินอาหารตามกรุ๊ปเลือดจะฟันธงว่าดีหรือไม่ดีไม่ได้ ดังนั้นถ้าจะเลือกทานตาม ก็ควรเลือกให้บาลานซ์กับสุขภาพ ครบ 5 หมู่ และคำแนะนำของแพทย์ในกรณีที่มีโรคประจำตัวควบคู่ไปด้วย เพื่อสุขภาพของคุณยังไงล่ะ
เพราะเรื่องสุขภาพไม่ใช่เรื่องไกลตัว ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม การไม่ประมาทไว้จะดีที่สุด