วัยทองจะเริ่มเมื่อไร
หญิงอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป สามารถเกิดวัยทองได้ โดยเฉลี่ยคืออายุ 50 ปี ผู้ที่สูบบุหรี่จะเกิดวัยทองได้เร็วกว่าผู้ไม่สูบบุหรี่ ผู้ที่ตัดรังไข่ก็สามารถเกิดวัยทองได้ทันทีหลังตัดรังไข่
อาการเตือนของวัยทองมีอะไรบ้าง
1. ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เช่น มาเร็ว มาช้า มามาก มาน้อย
2. ร้อนวูบวาบตามตัว ผู้ป่วยจะมีร้อนโดยเฉพาะส่วนบนของร่างกาย แก้ม คอ หลังจะแดง หลังจากนั้นจะตามด้วยเหงื่อออกและหนาวสั่นในเวลากลางคืน อาการนี้จะเป็นนาน 1-5 นาที
3. ปัญหาเกี่ยวกับช่องคลอดและกระเพาะปัสสาวะ เนื่องจากระดับ Estrogen ลดลงทำให้เยื่อบุช่องคลอดแห้งและบางลง ผู้ป่วยจะมีอาการแสบร้อนในช่องคลอด ปวดขณะร่วมเพศ และมีการติดเชื้อในช่องคลอดบ่อยขึ้น นอกจากนั้น ยังมีเรื่องกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ปัสสาวะเล็ดเวลาจากหรือไอ
4. ปัญหาเรื่องการนอน นอนหลับยาก ตื่นเร็ว อาจจะตื่นกลางคืนและเหงื่อออกมาก ผู้ป่วยจะบ่นเรื่องเหนื่อย
5. ผู้ป่วยจะมีอารมณ์ผันผวนโกรธง่าย ไม่ค่อยมีสมาธิ
6. การเปลี่ยนแปลงทางรูปร่าง เอวจะเริ่มหายไป ไขมันที่เคยเกาะบริเวณขาจะเปลี่ยนไปเกาะบริเวณเอว กล้ามเนื้อลดลงมีไขมันเพิ่ม ผิวหนังเริ่มเหี่ยว
7. ปัญหาอื่น เช่น ปวดศีรษะ ความจำลดลง ปวดตามตัว
วัยทองของโรค
เมื่อเข้าสู่วัยทองจะมีโรคหลายโรคเกิดมากในวัยนี้ ได้แก่ โรคหัวใจ โรคกระดูกพรุน มะเร็งเต้านม แต่ไม่มีใครสามารถที่จะคาดเดาว่าเป็นใครจะเป็นโรคดังกล่าว แต่เราจะพิจารณาจากปัจจัยเสี่ยงว่า วัยทองคนใดมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคอะไร ดังนั้นท่านที่อยู่ในวัยทองท่านจะต้องรู้สิ่งต่อไปนี้เพื่อการตัดสินใจรับฮอร์โมนทดแทน
- รายละเอียดเกี่ยวกับโรคหัวใจ โรคกระดูกพรุน โรคมะเร็งเต้านม
- ปัจจัยเสี่ยงของแต่ละโรค
- ผลของฮอร์โมนทดแทนต่อภาวะดังกล่าว
โรคที่มักจะเกิดกับวัยทอง
- ผู้ป่วยจะเกิดโรคกระดูกพรุนได้เร็ว
- ผู้ป่วยวัยทองจะมีอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองเพิ่ม ผู้ป่วยควรควบคุมปัจจัยเสี่ยง
- มะเร็งเต้านม
การปฏิบัติตัวเมื่อเข้าสู่วัยทอง
- ให้รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง ลดไขมัน
- ลดปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
- เลิกบุหรี่ และแอลกอฮอล์
- ใช้สารหล่อลื่นก่อนร่วมเพศ
- ตรวจมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก ทุกปี
การรักษาโรคที่มากับวัยทองโดยไม่ใช้ฮอร์โมน
ก่อนการให้ฮอร์โมนทดแทน จะต้องประเมินความรุนแรงของโรคที่พบร่วมกับวัยทอง เช่นอาการร้อนวูบวาบตามตัว กระดูกโปร่งบางและต้องมาเปรียบเทียบกับความเสี่ยงที่จะเกิดโรค จาการให้ฮอร์โมน เช่น มะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด และจะต้องพิจารณาว่ามีทางเลือกอื่นอีกหรือไม่ ในการรักษาภาวะเหล่านี้
ถ้าหากท่านมีอาการร้อนวูบวาบตามตัว (วัยทอง)
ควรปฏิบัติตัวดังนี้
- เมื่อเริ่มเกิดอาการ้อนให้ไปอยู่ที่เย็นๆ
- ให้นอนในห้องที่เย็น
- ให้ดื่มน้ำเย็นเมื่อเริ่มรู้สึกร้อน
- หลีกเลี่ยงอาหารเผ็ด ๆ และร้อน
- หลีกเลี่ยงสุรา
- หลีกเลี่ยงความเครียด เมื่อเวลาเครียดให้หายใจเข้าออกยาวๆ ช้าและใจเย็นๆ
- ถ้าหนาวให้ใส่เสื้อหลายชั้น และหากร้อนก็สามารถถอดทีละชั้น
- แพทย์บางท่านแนะนำให้ใช้วิตามินอี ซึ่งจะลดอาการได้ร้อยละ 40 และยาลดอาการซึ่งเศร้ากลุ่ม SSRI เช่น Prozac Zoloft
- อาหารซึ่งมีถั่วเหลืองจะช่วยลดอาการร้อนตามตัว
อาการช่องคลอดแห้ง เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ ปัสสาวะบ่อย
ควรปฏิบัติตัวดังนี้
เนื่องจากเนื้อเยื่อของช่องคลอดและกระเพาะปัสสาวะจะฝ่อทำให้เกิดอาการดังกล่าว และหากมีข้อห้ามในการรับประทานฮอร์โมนทดแทน หรือผู้ป่วยไม่อยากจะรับความเสี่ยงจากการให้ฮอร์โมน ก็สามารถใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนชนิดทาช่องคลอดได้ โดยระดับยาในเลือดจะมีน้อยกว่าชนิดรับประทาน 1 ใน 4 แต่จะให้ผลดีต่อช่องคลอดมากกว่าชนิดรับประทาน 4 เท่า ในการใช้ยาครั้งแรกให้ทาทุกวัน หลังจากนั้นให้ทาอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง หรือแล้วแต่การปรับของผู้ป่วย
นอกจากนั้น บางคนอาจจะใช้ยาที่เพิ่มความชุ่มชื่นแก่ช่องคลอดแต่ไม่ทำให้เนื้อเยื่อหนาตัว
อาการนอนไม่หลับและอารมณ์แปรปรวน
ควรปฏิบัติตัวดังนี้
หลีกเลี่ยงความเครียด ออกกำลังกาย งดการดื่มกาแฟที่ทำให้นอนหลับยากขึ้น ใช้ยาลดอาการซึมเศร้ากลุ่ม SSRI ซึ่งจะไปเปลี่ยนแปลงระดับ Serotonin ในสมองทำให้ลดอาการซึมเศร้า
การให้ฮอร์โมนทดแทนในผู้ป่วยวัยทอง
ผู้หญิงที่เข้าสู่วัยทองบางรายที่มีอาการรุนแรง มีผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน มีแปรปรวน เครียด หรือซึมเศร้าค่อนข้างรุนแรง กระดูกบางหรือพรุนอย่างรวดเร็ว แพทย์อาจจะพิจารณาให้ฮอร์โมนที่มีส่วนประกอบของ Estrogen และ Progesterone (ในกรณีที่เคยได้รับการผ่าตัดเอามดลูกออกไปแล้ว จะใช้ฮอร์โมน Estrogen อย่างเดียว) ผลดีของการให้คือ ลดอาการต่าง ๆ ที่เกิดจากที่ฮอร์โมนน้อยลงป้องกันกระดูกพรุน และอาจจะป้องกันโรคหัวใจ แต่ต้องระวังโรคแทรกซ้อนคือ โรคตับอักเสบ ไขมัน Triglyceride สูง เส้นเลือดดำอุดตัน โรคมะเร็งเต้านม