1. ผู้ป่วยจะรู้สึกเหมือนมีเสมหะติดอยู่ในลำคอ หรือรู้สึกหนาๆ ภายในลำคอ ซึ่งเป็นอาการที่เกิดจากฤทธิ์ของยาชา จะคงอยู่ประมาน15-30 นาที หลังจากหมดฤทธิ์ยาชาแล้ว อาการเหล่านี้จะค่อยๆหายไปเป็นปกติเช่นเดิมเอง
2. ระหว่างคอชาอยู่ ให้บ้วนน้ำล้างปากได้ เพียงแต่อย่างรีบดื่มน้ำ หรือรับประทานอาหารเพื่อป้องกันการสำลัก
3.หลังจากคอหายชาแล้วให้เริ่มจิบน้ำก่อน เพื่อทดสอบการกลืนว่าเป็นปกติหรือยัง จึงให้รับประทานอาหารได้ ควรเป็นอาหารอ่อนก่อน เพื่อให้สามารถกลืนได้ง่ายขึ้น ไม่ควรรับประทานอาหารร้อนจัดหรือเย็นจัด
5. หากผู้ป่วยบางรายที่ได้รับยาฉีดเพื่อนอนหลับให้คลายกังวล อาจจะมีอาการง่วงอยู่จะต้องนอนพักฟื้นต่อสังเกตอาการรอให้ตื่นรู้สึกตัวดีก่อนประมาณ 90 นาที หากเห็นว่าปลอดภัยดีแล้วจึงจะฟังผลตรวจกับแพทย์ และจะให้ย้ายกลับหอผู้ป่วย หรือกลับบ้านได้
6.สำหรับผู้ป่วยที่กลับบ้านได้ เมื่อกลับบ้านแล้วควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการรับประทานยาและอาหารให้ครบตามที่แพทย์สั่ง เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ควรมารับการตรวจรักษาตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง
การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy)
การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) เป็นวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการประเมินปัญหาในลำไส้ใหญ่ โดยใช้กล้องส่องลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) ซึ่งมีลักษณะเป็นท่อขนาดเล็ก ผอม ยาว และยืดหยุ่นได้ มีกล้องวีดีโอและดวงไฟขนาดเล็กมาก ติดอยู่ที่ปลายท่อ เมื่อทำการขยับและปรับกล้องส่องลำไส้ใหญ่อย่างเหมาะสมแล้ว แพทย์จะสามารถเคลื่อนไหวกล้องให้ไปในทิศทางที่ต้องการได้ ภาพที่กล้องบันทึกได้ใน
ลำไส้ใหญ่จะปรากฏบนจอโทรทัศน์ ให้คุณภาพความชัดที่ดี และสามารถเก็บรายละเอียดภายในลำไส้ใหญ่ได้ทั้งหมด ซึ่งจะให้ความถูกต้องแม่นยำมากกว่าการทำเอกซเรย์
โดยการส่องกล้องตรวจควรทำในผู้ที่มีอาการดังต่อไปนี้
• มีความผิดปกติเกี่ยวกับการขับถ่ายอุจจาระเช่นท้องผูกหรือท้องเสียเป็นประจำ หรือท้องผูกสลับท้องเสีย
• ถ่ายอุจจาระมีเลือดปน อาจจะเป็นสีแดงสดหรือคล้ำ มีกลิ่นเหม็นผิดปกติ
• เวลาเบ่งถ่ายอุจจาระมีติ่งเนื้อยื่นออกมาจากทวารหนักและมีเลือดออก
• มีอาการแน่นท้อง ท้องอืด และปวดท้องร่วมด้วย
• มีก้อนในท้อง น้ำหนักลด ซีด อ่อนเพลีย
• ผู้ที่มีอายุ 50ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจทางทวารหนักโดยการส่องกล้องทุกๆ3-5 ปี
สิ่งที่ตรวจพบจากการส่องกล้องลำไส้ใหญ่
• ริดสีดวงทวาร
• ลำไส้อักเสบ
• ติ่งเนื้อ
• หลุมในลำไส้ใหญ่ (Diverticulum)
• เนื้องอก
• มะเร็งลำไส้ใหญ่
การเตรียมตัวก่อนการรับการตรวจส่องกล้องลำไส้ใหญ่
• 3 วันก่อนตรวจ ให้รับประทานอาการอ่อนย่อยง่าย
• งดรับประทานผัก ผลไม้ อาหารที่มีกากใย
• รับประทานยาระบายให้ครบตรงตามจำนวน และเวลาที่แพทย์สั่ง
• คืนวันก่อนตรวจ งดอาหารและน้ำดื่ม จนกว่าจะทำการตรวจ
• ควรมีญาติมาด้วย (ในบางรายอาจได้รับยาระงับความรู้สึกทางหลอดเลือดดำทำให้ไม่รู้สึกตัวขณะตรวจ)และเมื่อตื่นจากฤทธิ์ยานอนหลับ อาจมีอาการง่วงซึมได้
ขณะตรวจผู้ป่วยอาจรู้สึกอยากถ่ายอุจจาระหรืออึดอัดแน่นท้อง เนื่องจากแพทย์ได้เป่าลมให้ลำไส้ขยายเพื่อดูพยาธิภาพภายใน อาการเหล่านี้จะบรรเทาได้โดยปฏิบัติ ดังนี้
• หายใจช้าๆ สูดลมหายใจเข้า-ออก
• ปล่อยตัวตามสบาย ไม่เกร็ง
• ห้ามดิ้น หรือขยับตัวขณะแพทย์ส่องกล้อง
อาการที่อาจพบได้ภายหลังการตรวจ
• ท้องอืด แน่นท้อง จะทุเลาลงเมื่อผู้ป่วยผายลม
• เจ็บ บริเวณท้องน้อย หรือทวารหนัก อาการเหล่านี้ จะค่อยๆทุเลาลงและหายไป
การปฏิบัติตัวหลังส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่
• ให้สังเกตอุจจาระ อาจมีเลือดปนบ้างเล็กน้อย หรือถ้ามีเลือดออกมากผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์
• ห้ามขับรถหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร หรืองานที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
เนื่องจาก ยังมีฤทธิ์ยานอนหลับค้างอยู่ ผู้ป่วยอาจจะมีอาการง่วงซึม
• มีอาการผิดปกติ เช่นปวดท้องมาก ท้องแข็ง มีไข้สูง ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
• ติดตามการรักษาและมาตรวจตามนัด
เอกสารอ้างอิง
มหาวิทยาลัยมหิดล. ศูนย์ส่องกล้องทางเดินอาหาร. “การส่องตรวจหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น”. [ ระบบออนไลน์ ]. แหล่งที่มา http://www.si.mahidol.ac.th/office_d/adm/Gi_scope/egd.html (07 กันยายน 2560.)
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์. ศูนย์ระบบทางเดินอาหาร. “การส่องกล้องระบบทางเดินอาหารส่วนต้น”.
[ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา https://www.bumrungrad.com.th/digestive-diseases-gi-center-tretment-bangkok-thaoland/procedures/upper-gi-endoscopy#Benefits (07 กันยายน 2560).
“การส่องตรวจกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น”. [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http://siamhealth.net/public_html/investigation/gi/endoscope.htm#.WbiAS6gxWEd (07 กันยายน 2560).