ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

นักวิจัย ม.ราชภัฏภูเก็ต ชี้ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพภูเก็ต ยังเติบโต แม้พลาดเจ้าภาพ Expo 2028

นักวิจัย ม.ราชภัฏภูเก็ต ชี้ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพภูเก็ต ยังเติบโต แม้พลาดเจ้าภาพ Expo 2028 Thumb HealthServ.net
นักวิจัย ม.ราชภัฏภูเก็ต ชี้ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพภูเก็ต ยังเติบโต แม้พลาดเจ้าภาพ Expo 2028 ThumbMobile HealthServ.net

นักวิจัย ม.ราชภัฏภูเก็ต ชี้ “การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness)” ยังคงเติบโต แม้ภูเก็ตพลาดเจ้าภาพ Expo 2028

มีงานวิจัยที่รายงานว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาเดินทางเข้ามาภูเก็ตในกลุ่ม “ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ” มีการใช้จ่ายเงินสูงกว่านักท่องเที่ยวกลุ่มทั่วไปมากถึง 13 เท่า อีกทั้งเป็นกลุ่มที่กลับมาท่องเที่ยวและใช้บริการดังกล่าวซ้ำอีก จึงไม่น่าแปลกใจที่รัฐบาลและภาคเอกชน หมายหมั้นปั้นมืออย่างมาก สำหรับการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised Expo 2028 ภายใต้ชื่องาน Expo 2028 – Phuket, Thailand เพื่อผลักดันบทบาทของประเทศไทยและจังหวัดภูเก็ตสู่ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ หรือ Medical hub และเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก
 
ในขณะที่ ณ เวลาที่ผู้เขียนได้ยกเรื่องราวนี้ขึ้นมา ผู้อ่านคงได้รับทราบแล้วว่าถึงคนภูเก็ตจะลุ้นจนตัวโก่ง! แต่ Expo ที่จะอุบัติขึ้นในปี 2028 ไม่ได้เลือกปักธงบนเกาะภูเก็ตอย่างที่เรามุ่งหวัง จึงเกิดคำถามว่า 1 ใน 10 เสาหลักด้านการท่องเที่ยวจากโปรเจกต์ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ต้นที่เรียกว่า “การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ” จะยังคงเป็นเสาที่ตั้งตระหง่านและแข็งแกร่งเช่นเคยหรือไม่
 
 
นักวิจัย ม.ราชภัฏภูเก็ต ชี้ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพภูเก็ต ยังเติบโต แม้พลาดเจ้าภาพ Expo 2028 HealthServ
 นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต และผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา (RDI PKRU) ดร.พุทธพร บุญณะ ผู้เชี่ยวชาญด้าน Wellness Tourism นำเสนอข้อมูลและทัศนะต่อประเด็นดังกล่าวว่า “หากเปรียบงาน Expo 2028 - Phuket เป็นพลุไฟ ก็คงเป็นพลุลูกขนาดมหึมาที่รัฐและเอกชนอยากจุดครั้งเดียวแล้วสว่างไสวให้คนทั้งโลกได้มองเห็น เราหวังว่าคุณภาพของสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลกของภูเก็ตจะถูกประกาศศักดาและขยายตลาดลูกค้าเพิ่มมากขึ้นในเชิงปริมาณ


แต่ในมุมมองของตน ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health Tourism) ที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ Medical Tourism การรักษาและดูแลสุขภาพโดยแพทย์ และ Wellness Tourismซึ่งถูกเรียกว่าเป็นกลุ่มธุรกิจบริการมูลค่าสูง ที่ประกอบด้วย Spa / Physical Fitness / Nutrition / Spiritual / Beauty Care ในภูเก็ตมีศักยภาพสูงมาหลายปีแล้ว เนื่องจากมีผู้ประกอบการที่นำเสนอบริการด้านสุขภาพจากแบรนด์ระดับโลกหลายแห่ง (World-class Services) เช่น Banyan Tree Spa และการมอบประสบการณ์การใช้บริการระดับไฮเอนด์ ส่งผลให้มีฐานลูกค้าจากทั่วโลกเลือกเดินทางมาภูเก็ตเพื่อรับบริการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโดยเฉพาะ เนื่องจากจุดเด่นด้านภูมิศาสตร์ของเกาะภูเก็ตที่สวยงาม การจัดแตกต่างสถานที่และการออกแบบบริการมีความหลากหลายเจาะทุกความต้องการของตลาด
 

จากองค์ประกอบดังกล่าว จึงเชื่อมั่นว่าการพลาดโอกาสเป็นเจ้าภาพ Expo 2028 ไม่ถือว่าเสียเปล่าใด ๆ เนื่องจากตอนนี้เครือข่ายของ Health Tourism ได้ถูกถักทอโยงใยขึ้นมาสำเร็จแล้ว จากการเตรียมขอเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ ดังนั้นแนวคิดโครงการ หรือแผนงานในหลายส่วน จังหวัดภูเก็ตสามารถเดินหน้าต่อได้ โดยเฉพาะการสร้าง Value Chain ให้เกิดขึ้นในภาคธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพทุกระดับ เนื่องจากเป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับการท่องเที่ยว รวมไปถึงทำให้ประชาชน เจ้าของกิจการ แรงงาน เกิดรายได้และความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เช่น การทำ Eco Spa เพื่อสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การเสริมอัตลักษณ์ความเป็นไทย Thainess อย่างนวดแผนไทยในคอร์สการทำสปาพื้นบ้าน การผลิตอาหารเสริมเพื่อสุขภาพและเครื่องสำอางจากสมุนไพรในชุมชนท้องถิ่น จัดจำหน่ายในสถานประกอบการ และรวมถึงการอบรมหลักสูตรวิชาชีพด้านสปาเพื่อสุขภาพ เป็นต้น 
 

นักวิจัยผู้จัดทำคู่มือ Eco Spa และผู้ดูแลศูนย์นวัตกรรมสปาและการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพ PKRU กล่าวเสริมอีกว่า ลักษณะของธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพนั้น เป็นการท่องเที่ยวที่เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ อีกทั้งไม่มี High หรือ Low Season เนื่องจากสภาพอากาศไม่ส่งผลต่อบริการ ดังนั้นการพลาดโอกาสในการจัดงาน Expo 2028 คงไม่ใช่การบ่งบอกถึงขาลงของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ แต่กลับเป็นโอกาสในการผลักดันภูเก็ตสู่การเป็นศูนย์กลาง Medical Hub ทั้งด้าน Health และ Wellness โดยใช้โรดแมปที่คณะทำงานได้จัดเตรียมไว้แต่อาจลดขนาดลงตามศักยภาพในด้านเงินทุน เนื่องจากตอนนี้หน่วยงานราชการ เอกชน และสถาบันการศึกษาในพื้นที่ล้วนมีศักยภาพ และมีเป้าหมายร่วมกันคือการเป็น Medical Hub ระดับโลก ดังนั้นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นต่อจากนื้คือการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (Eco-System) และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่คำนึงถึงการรักษาทรัพยากรในพื้นที่ (Sustainable Toursim) ให้ประชาชน ผู้ประกอบการ ผู้ผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพ และแรงงาน กระจายรายได้กันทั้งระบบอย่างแท้จริง เสาหลักที่ชื่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจะยังคงสามารถหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจการท่องเที่ยวได้อีกยาวนานและมั่นคง”
 
ติดตามบริการของ ศูนย์นวัตกรรมสปาและการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพ Spa & Wellness Tourism Innovation-PKRU

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด