จอลลี่ กู๊ด อิงค์ (Jolly Good Inc.) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเขตชูโอ กรุงโตเกียว และนำโดยเค็นซูเกะ โจจิ (Kensuke Joji) ผู้เป็นซีอีโอ และในที่นี้จะเรียกว่า "จอลลี่ กู๊ด" ร่วมกับมหาวิทยาลัยจุนเทนโด (Juntendo University) ในเขตบุงเกียว กรุงโตเกียว โดยมีฮาจิเมะ อาราอิ (Hajime Arai) เป็นอธิการบดี จะเริ่มโครงการสาธิตเพื่อนำเสนอเทคโนโลยี VR เพื่อการศึกษาทางการแพทย์ ด้วยจุดประสงค์เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทางการแพทย์ผ่านการใช้ VR ที่มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งมีนายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ เป็นอธิการบดี โดยในที่นี้จะเรียกว่า "มหาวิทยาลัยมหิดล" และตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย นับเป็นครั้งแรกที่เทคโนโลยี VR ทางการแพทย์ของญี่ปุ่นถูกมหาวิทยาลัยในต่างประเทศนำไปใช้
ในโครงการนี้ จอลลี่ กู๊ด จะจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกในการผลิตสื่อการสอน VR และอุปกรณ์ประสบการณ์ VR ต่าง ๆ ให้กับมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้ผลิตสื่อการสอน VR ได้ด้วยตนเอง สำหรับการให้ความรู้เกี่ยวกับการรักษาโรคติดเชื้อที่มหาวิทยาลัยมหิดล เทคโนโลยีดังกล่าวจะเปิดตัวใน 4 แผนก ได้แก่ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ภาควิชาพยาบาลศาสตร์และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และศูนย์จำลองการศึกษาที่สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ สื่อการเรียนการสอน VR จะใช้ในชั้นเรียนสาธิตที่มหาวิทยาลัยมหิดลเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพ หลังจากนั้นจะนำไปใช้ในการศึกษาทางการแพทย์โดยใช้ VR ที่โรงพยาบาลในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย
โครงการดังกล่าวยังได้รับการสนับสนุนส่วนหนึ่งจากโครงการพัฒนาทรัพยากรบุคคลโดยใช้เทคโนโลยีไอทีของมหาวิทยาลัยจุนเทนโด สำหรับโรคติดเชื้อและเวชศาสตร์ชุมชนในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(*) ซึ่งเป็นโครงการที่สนับสนุนโดยกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการญี่ปุ่น (MHLW)
Mahidol University, the Top University in Thailand, Has Officially Adopted Jolly Good’s Medical VR
ผู้เสียชีวิตราว 15% ในไทยมีสาเหตุจากโรคติดเชื้อ ทำให้จำเป็นต้องให้ความรู้เกี่ยวกับการรักษาโรคติดเชื้อในการปฏิบัติทางการแพทย์ในประเทศไทย
ผลการสำรวจของสถาบันวัดและประเมินผลด้านสุขภาพเผยว่า ประเทศไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อสูงที่สุดในบรรดาประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าระบบการรักษาพยาบาลสำหรับโรคติดเชื้อนั้นล้าหลัง
ในประเทศไทยนั้น 0.9 ใน 1,000 คนเป็นหมอ ซึ่งบ่งชี้ว่าประเทศไทยขาดแคลนแพทย์เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ นอกจากนี้ แพทย์ในไทยยังต้องทำงานใช้ทุนในโรงพยาบาลชุมชนเป็นเวลา 3 ปีหลังเรียนจบ แต่ไม่ได้รับการฝึกอบรมหรือการศึกษาที่เพียงพอสำหรับโรคติดต่อ และจำเป็นต้องมีระบบเพื่อพัฒนาบุคลากรที่ตอบสนองต่อโรคติดเชื้อต่าง ๆ ได้ รวมถึงโรคโควิด-19 และให้การรักษาพยาบาลในชุมชน
วิสัยทัศน์ระยะกลางและระยะยาวในการเปิดตัวและสาธิตโปรเจกต์
ในปีแรก โปรแกรม VR ทางการแพทย์จะดำเนินการจนเสร็จสิ้นที่มหาวิทยาลัยมหิดล ส่วนในปีต่อ ๆ มา โครงการดังกล่าวจะมุ่งเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ในระยะเริ่มต้น และปรับปรุงคุณภาพการรักษาพยาบาล รวมถึงการรับมือกับวิกฤตสุขภาพด้านเวชศาสตร์ชุมชน ให้การศึกษาโดยใช้ VR แก่นักศึกษาแพทย์ ผู้อยู่อาศัย และแพทย์ในแวดวงเวชศาสตร์ชุมชนตามแนวชายแดนไทย
ปีที่ 1: สร้างสภาพแวดล้อมการผลิตสื่อการสอน VR ด้วยตนเองที่มหาวิทยาลัยมหิดล ดำเนินการหลักสูตรการศึกษาจนเสร็จสิ้น และเริ่มดำเนินการที่มหาวิทยาลัย
ปีที่ 2: จัดหาสื่อการเรียนการสอน VR ให้กับโรงพยาบาลในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทยที่ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดล และนำสื่อไปใช้ในการดำเนินงานทั่วประเทศไทย
ปีที่ 3 ขึ้นไป: จัดหาสื่อการสอน VR ให้กับเวียดนามและประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องในโครงการ
<รองศาสตราจารย์ ดร.องอาจ มหิทธิกร คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล>
เรามีความคาดหวังอย่างมากในการใช้ VR ให้ความรู้ทางการแพทย์ โดยหลังจากที่ไทยเผชิญกับการระบาดของโรคโควิด-19 เราประสบปัญหาในการสอนโรคติดเชื้อให้กับนักศึกษาและบุคลากรทางการแพทย์ เราแสวงหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อให้การศึกษาทางการแพทย์คุณภาพสูง และตอนนี้นักการศึกษาในประเทศไทยมีความกังวลเกี่ยวกับ VR มากขึ้น ในโครงการนี้ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล มีแผนจะสร้างเนื้อหา VR คุณภาพสูงในสาขาเวชศาสตร์เขตร้อน
<รองศาสตราจารย์ฮิโรทาเกะ โมริ (Hirotake Mori) สาขาวิชาอายุรศาสตร์ทั่วไป คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยจุนเทนโด และศาสตราจารย์อาคันตุกะ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล>
เพื่อตอบสนองต่อการระบาดของโควิด-19 มหาวิทยาลัยจุนเทนโดได้เดินหน้าพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์สำหรับโรคติดเชื้อ เมื่อชั้นเรียนแบบตัวต่อตัวและการเรียนการสอนข้างเตียงถูกจำกัด การศึกษาทางการแพทย์โดยใช้ VR นั้นสมจริงมาก โดยให้ประสบการณ์ที่คล้ายกับการรักษาพยาบาลจริง สามารถใช้เพื่อการศึกษาในพื้นที่ห่างไกลและการแพทย์ชุมชน ความร่วมมือกับจอลลี่ กู๊ด ทำให้มหาวิทยาลัยมหิดลจะเริ่มดำเนินการศึกษาทางการแพทย์โดยใช้ VR เราหวังว่าโครงการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการจัดหาการศึกษาทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อก้าวข้ามพรมแดนของประเทศไปสู่โลกในอนาคต
เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยมหิดล ( https://mahidol.ac.th/ )
มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นมหาวิทยาลัยระดับชาติชั้นนำของประเทศไทย และเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดที่เปิดสอนหลักสูตรระดับปริญญาตรีในสาขาที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดลเปิดสอนครอบคลุม 17 คณะ โรงเรียนอาชีวศึกษา 6 แห่ง และสถาบันวิจัย 8 แห่ง ดำเนินการวิจัยและให้คำแนะนำทางเทคนิคอย่างแข็งขัน ซึ่งไม่เพียงแค่เกี่ยวกับการแพทย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสุขภาพของมนุษย์ด้วย แนวทางเชิงรุกในฐานะสถาบันวิจัยเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ
เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยจุนเทนโด ( https://en.juntendo.ac.jp/ )
มหาวิทยาลัยจุนเทนโด (Juntendo University) เป็นมหาวิทยาลัยสุขภาพครบวงจรและบัณฑิตวิทยาลัย โดยมี 6 สาขาวิชา 3 แผนกวิจัย และโรงพยาบาลในเครือ 6 แห่ง ส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางสังคมและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในระดับสากล ผ่านเสาหลัก 3 ประการ ได้แก่ การศึกษา การวิจัย การดูแลทางการแพทย์และเวชปฏิบัติ มหาวิทยาลัยจุนเทนโดนำโซลูชัน VR ของจอลลี่ กู๊ด มาใช้ในปี 2564 และมีการใช้ VR ในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงการให้ความรู้แก่นักศึกษา
เกี่ยวกับจอลลี่ กู๊ด อิงค์ ( https://jollygood.co.jp/en )
จอลลี่ กู๊ด (Jolly Good) เป็นบริษัทเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนาโซลูชัน VR และบริการด้านการดูแลสุขภาพที่มีความแม่นยำสูงโดยใช้ AI เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้ในแวดวง VR จอลลี่ กู๊ด ร่วมมือกับสถาบันวิจัยและบริษัทต่าง ๆ เพื่อให้บริการที่สนับสนุนวิวัฒนาการของการรักษาพยาบาลและแรงจูงใจในชีวิตของผู้คน โดยเร่งการเจริญเติบโตของมนุษย์และการกลับคืนสู่สังคมผ่านการศึกษาทางการแพทย์ การสนับสนุนผู้พิการ และการรักษาความเจ็บป่วยทางจิตโดยใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น VR และปัญญาประดิษฐ์