สิ่งหนึ่งที่บ่งชี้ถึง ‘การมีคุณภาพชีวิตที่ดีคือการมองเห็น’ เพราะทำให้การดำเนินชีวิตและทำกิจกรรมประจำวันต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่น องค์การอนามัยโลก (WHO) เผยในรายงาน World report on vision 2022 ว่าจากจำนวนผู้บกพร่องทางการมองเห็น 2.2 พันล้านคน มีประชากรอย่างน้อย 1 พันล้านคน หรือคิดเป็น 45% ของประชากรทั่วโลกที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นทั้งระยะใกล้และระยะไกลที่สามารถป้องกันได้หรือยังสามารถแก้ไขได้หากมีการตรวจพบอย่างทันท่วงที แต่สิ่งที่น่ากังวลคือจากนี้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หลายประเทศจะต้องมีการเตรียมความพร้อมในการดูแลสุขภาพดวงตาของประชากรมากขึ้นจากการเติบโตของประชากรสูงวัยและการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต สู่โหมดดิจิทัล
สอดคล้องกับคำแนะนำจาก นพ.ศุภฤกษ์ ทิพาพงศ์ จักษุแพทย์ สาขาจอประสาทตาและวุ้นตา อาจารย์พิเศษสาขาจอประสาทตาและน้ำวุ้นตา ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และประธานกรรมการบริหารและจักษุแพทย์ประจำศุภฤกษ์ วิชชั่น เซ็นเตอร์ กล่าวว่า “พฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนยุคนี้ใช้สายตาในชีวิตประจำวันมากขึ้น ทั้งการทำงานที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ การพักผ่อนด้วยการดูโทรทัศน์เล่นเกมส์ และการเพ่งจอมือถือเพื่อสื่อสารตลอดเวลา ทำให้ปัจจุบันพบผู้ที่มีปัญหาสายตาเข้ามาขอรับคำปรึกษาจำนวนมาก การดูแลสุขภาพตาจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย ควรตรวจสุขภาพตาและวัดค่าสายตาเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเพื่อค้นหาความผิดปกติของดวงตาและประสิทธิภาพของการมองเห็น หากเรามีวิธีดูแลสุขภาพดวงตาที่ยั่งยืนก็จะช่วยให้มีการมองเห็นที่ชัดเจนยืนยาว ชะลออายุดวงตาไม่ให้เสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร”
อายุเท่าไหร่ควรตรวจสุขภาพตา?
“หากถามว่าควรตรวจสุขภาพตาตั้งแต่อายุเท่าไหร่ คงต้องบอกควรทำเป็นประจำ ตั้งแต่วัยเด็ก เพราะเด็กในปัจจุบันมีกิจกรรมที่ต้องใช้สายตาในระยะมองใกล้เยอะมาก เช่น การเรียนออนไลน์ ดูยูทูป เล่นเกมส์ ฯลฯ จึงควรตรวจวัดค่าสายตาเป็นประจำ เพราะหากมีความบกพร่องทางสายตาตั้งแต่เด็กก็อาจส่งผลถึงการเรียนในห้องเรียน การสังเกต การมองเห็น ทำให้ผลสัมฤทธิ์ในการเรียนรู้ลดลง ส่วนในวัยผู้ใหญ่ก็ควรมีการตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุกปี เพราะปัญหาสายตาที่พบบ่อย
ในวัยเด็ก – 35 ปี คือ สายตาสั้นและตาแห้งจากการจ้องจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ
ในช่วงวัย 40 ปี จะเริ่มมีสายตายาวและโรคต้อหิน
ผู้ที่อายุมากกว่า 50-60 ปีมักจะพบโรคจอประสาทตาเสื่อม หรือในบางรายที่มีโรคประจำตัวเบาหวาน
ก็ควรระวังโรคเบาหวานขึ้นจอประสาทตา เป็นต้น
ซึ่งในปัจจุบันเราสามารถตรวจเช็คสุขภาพตาเบื้องต้นได้ที่ร้านแว่นตาชั้นนำที่มีการดูแล ให้คำปรึกษาเรื่องค่าสายตาและการถนอมดวงตาโดยจักษุแพทย์และนักทัศนมาตร”
นวัตกรรมการตรวจสุขภาพดวงตา
นวัตกรรมการตรวจสุขภาพดวงตาและการวัดค่าสายตาถูกปรับเปลี่ยนมาสู่รูปแบบ Digital Technology
ในชื่อ Vision R800 ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับค่าสายตา ‘เฉพาะบุคคล’ (Individual Eye Care) ทำให้การมองเห็นเป็นธรรมชาติเสมือนจริง ซึ่งปัจจุบันร้านแว่นตาชั้นนำในประเทศไทยมีเครื่องมือตรวจวัดค่าสายตาที่สามารถอ่านค่าสุขภาพตาเบื้องต้นได้ โดยก่อนเข้ารับการตรวจสุขภาพตาสามารถทำ ‘Check List โรคของดวงตาที่พึงระวัง’ เพื่อเป็นจุดสังเกตในการขอรับคำปรึกษา ดังนี้
1. ปัญหาเรื่องเยื่อบุตา: ต้อลม ต้อเนื้อ
2. ปัญหากระจกตาผิดปกติ: กระจกตาย้วย แผลเป็นของกระจกตา
3. ช่องหน้าลูกตาอยู่ในเกณฑ์ปกติไหม คัดกรองภาวะต้อหินมุมปิด
4. ปัญหาเลนส์ตา: ภาวะต้อกระจก
5. ปัญหาจอประสาทตา: ภาวะจอประสาทตาเสื่อม เบาหวานขึ้นจอประสาทตา
นพ.ศุภฤกษ์ กล่าวเสริมว่า “หากสุขภาพตาเราปกติดีแล้ว ลำดับต่อไปคือการวัดค่าสายตา ซึ่งเราวัดค่าสายตาปัจจุบันเพื่อเทียบกับค่าสายตาเดิมว่ามีแนวโน้มค่าสายตาที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ และรับคำปรึกษาเรื่องเลนส์ที่ใส่แล้วมองเห็นชัด สบายตา ตรงตามค่าสายตาแท้จริงเรามากที่สุด
การวัดค่าสายตาเพื่อตัดแว่น “แบบเฉพาะบุคคล” ด้วยเครื่องวัดสายตา Vision R 800 นี้ ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในเมืองไทยได้ประมาณ 2-3 ปี สามารถวัดค่าสายตาได้ความละเอียดมากถึง 0.01 ไดออปเตอร์หรือ 25 เท่า ผนวกกับเลนส์สายตาก็มีเทคโนโลยีที่รองรับความละเอียดระดับนี้แล้ว อาทิ เลนส์สายตา Eyecurasee (อายคิวราซี) ของ Nikon ที่สามารถผลิตเลนส์สายตาเฉพาะบุคคลที่ความละเอียด 0.01 ไดออปเตอร์ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ แคนาดา และจีน เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่ทางศุภฤกษ์ วิชชั่น เซ็นเตอร์ ได้คัดสรรมาเพื่อแก้ไขปัญหาทางสายตาของผู้รับบริการ ทำให้มั่นใจได้ว่าได้ตัดแว่นสายตาประกอบเลนส์ที่มีค่าสายตาถูกต้องแม่นยำเป็นค่าสายตา “เฉพาะบุคคล” นั้นจริงๆ”
การตรวจสุขภาพตาเป็นประจำอย่างนี้ทุกปี จะทำให้เราช่วยป้องกันโรคทางตาที่จะเกิดขึ้นกับเราได้ หากเราพบสาเหตุโรคทางตาเราจะได้แก้ไขหรือปรึกษากับจักษุแพทย์ได้ทันเวลา อีกทั้งปัจจุบันการตรวจสุขภาพตาเบื้องต้นไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป สามารถขอรับคำปรึกษาเบื้องต้นจากผู้ชำนาญการ ณ ร้านแว่นตาที่มีเครื่องตรวจสุขภาพตาที่ทันสมัย เพื่อหาวิธีหรือแนวทางการแก้ไขภาวะสายตาเสียแต่เนิ่นๆ จะทำให้เราสามารถถนอมการใช้สายตาได้อีกขั้นเพื่อการดูแลดวงตาคู่สำคัญของเราให้ดีที่สุด