24 มีนาคม 2566 นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากฐานข้อมูลสุขภาพกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในปี 2565 จำนวน 6.8 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 2 แสนคน และผู้ป่วยโรคเบาหวานในปี 2565 จำนวน 3.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 1.5 แสนคน ในส่วนของการคัดกรองผู้ป่วยรายใหม่ พบว่า การคัดกรองผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงในประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไป มีผู้ได้รับการคัดกรองเพียง 14 ล้านคน และยังไม่ได้รับการคัดกรองโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงมากถึง 8 ล้านคน จากเป้าหมายทั่วประเทศ 22 ล้านคน หากประชาชนที่ป่วยไม่รู้ตัวว่าป่วยตั้งแต่ระยะเริ่มแรกและไม่ได้รับการรักษาจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา เช่น โรคไตวายเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคอัมพฤกษ์อัมพาต ปัจจุบันมาตรการคัดกรอง โรคเบาหวานและ โรคความดันโลหิตสูงในประชากรวัยผู้ใหญ่เป็นมาตรการด้านสาธารณสุขที่ทั่วโลกยอมรับว่าเป็นมาตรการที่มีความคุ้มค่า ซึ่งถูกบรรจุในแผนป้องกันและควบคุมโรคของประเทศไทยและอยู่ในสิทธิประโยชน์การส่งเสริมและป้องกันโรคของหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประชาชนสามารถเข้ารับการคัดกรองโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ได้รับการตรวจคัดกรองน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง และมีค่าน้ำตาลในเลือดตั้งแต่ 126 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป หรือผู้ที่ได้รับการตรวจคัดกรองความดันโลหิตขณะนั่งพัก ที่มีค่าความดันโลหิตตัวบน ตั้งแต่ 140 มิลลิเมตรปรอท และค่าความดันโลหิตตัวล่างตั้งแต่ 90 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป ให้สงสัยว่าป่วย และควรได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์ เพื่อเข้ารับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ผู้ที่มีความเสี่ยงสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร ให้ลดอาหารหวาน มัน เค็ม มีกิจกรรมทางกายที่เหมาะสม และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง PM 2.5 รวมถึงลดการสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันการเกิดโรค
นายแพทย์กฤษฎา หาญบรรเจิด ผู้อำนวยการกองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่าประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ต้องได้รับบริการตรวจคัดกรองโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตปีละ 1 ครั้ง เพื่อทราบถึงตัวเลขสุขภาพของตนเอง (รู้เลขเสี่ยง เลี่ยงโรคไม่ติดต่อ) ท่านสามารถติดต่อรับบริการตรวจคัดกรองโดยยื่นบัตรประชาชนเข้ารับบริการตามสิทธิการรักษา ได้กับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ใกล้บ้าน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย