ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

สรุปผล 34 ประเด็นรับฟังความเห็นฯ กองทุนบัตรทองปี 2566 ส่งมอบบอร์ด สปสช.

สรุปผล 34 ประเด็นรับฟังความเห็นฯ กองทุนบัตรทองปี 2566 ส่งมอบบอร์ด สปสช. Thumb HealthServ.net
สรุปผล 34 ประเด็นรับฟังความเห็นฯ กองทุนบัตรทองปี 2566 ส่งมอบบอร์ด สปสช. ThumbMobile HealthServ.net

บอร์ด สปสช. “รับมอบ 34 ประเด็น” สรุปผลรับฟังความคิดเห็นจากผู้ให้บริการและรับบริการ กองทุนบัตรทอง ปี 2566 พร้อมบูรณาการงานประจำ รวบรวมความเห็นจากการลงพื้นที่ เตรียมเดินหน้าพัฒนา “กองทุนบัตรทอง”

 
 
 
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2566 –  สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ดำเนินการโดย อนุกรรมการสื่อสารสังคมและรับฟังความคิดเห็นจากผู้ให้และผู้รับบริการ ได้จัด “การสรุปผลรับฟังความคิดเห็นเพื่อพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติระดับประเทศ ประจำปี 2566” โดยมี นพ พงศ์เกษม ไข่มุกด์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธาน พร้อมได้รับมอบผลสรุปความคิดเห็นโดยทั่วไปจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ประจำปี 2566 ที่กลั่นกรองเป็นข้อเสนอ 34 ประเด็น ร่วมกับคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) คณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จากผู้แทนผู้รับบริการ ผู้ให้บริการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคีเครือข่าย นักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิ 
 

นพ.พงศ์เกษม กล่าวว่า หลักประกันสุขภาพแห่งชาติของประเทศไทย ดำเนินการมากว่า 2 ทศวรรษแล้ว ดูแลสุขภาพคนไทยผู้มีสิทธิราว 48 ล้านคน ได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง นานาชาติให้การยอมรับและยกย่องให้ไทยเป็นต้นแบบของการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้กับประชาชน 
 
ความสำเร็จที่เกิดขึ้น นอกจากนโยบายรัฐบาลที่ได้สนับสนุนแล้ว ยังเกิดจากการมีส่วนร่วมที่เข้มแข็งจากทุกภาคส่วน โดยมีกระบวนการรับฟังความเห็นทั่วไปจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่สร้างการมีส่วนร่วมนี้ ทำให้ระบบเกิดการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง 
 
 
สำหรับการจัดประชุมรับฟังความเห็นทั่วไป สปสช. ได้ทำมาอย่างต่อเนื่องทุกปี และได้ปรับรูปแบบการรับฟังความเห็นให้สอดคล้องต่อสถานการณ์ ทั้งการเปิดรับฟังผ่านระบบออนไลน์ การบูรณาการร่วมกับงานประจำ รวมไปถึงข้อมูลจากสื่อมวลชน การรุกรับฟังความเห็นองค์กรวิชาชีพ และท้องถิ่นจากการลงพื้นที่ เป็นต้น โดยความคิดเห็นที่นำเสนอเข้ามานี้ ได้ถูกรวบรวมจัดทำเป็นข้อเสนอและผลักดันเป็นสิทธิประโยชน์ต่างๆ รวมถึงการพัฒนาระบบ  
 
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ประธานอนุกรรมการสื่อสารสังคมและรับฟังความคิดเห็นจากผู้ให้และผู้รับบริการ กล่าวว่า ก่อนที่จะมาสู่การสรุปผลการรับฟังความเห็นในวันนี้ ที่ผ่านมา สปสช.เขต ทั้ง 13 เขตพื้นที่ทั่วประเทศ ได้มีการจัดการรับฟังความเห็นผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งครอบคลุมประเด็นการรับฟัง 8 ด้านตามข้อบังคับ ทั้งฝ่ายผู้ให้บริการและรับบริการ ซึ่งมีผู้ร่วมนำเสนอกว่า 20,000 คน โดยคณะทำงานได้กลั่นกรองเป็น 34 ประเด็น พร้อมส่งมอบข้อเสนอเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการขับเคลื่อนให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป 
 
“วันนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะนำไปสู่การดำเนินการและสิทธิประโยชน์ใหม่ๆ ที่จำเป็นในระบบ เป็นประโยชน์ต่อผู้ให้บริการและผู้รับบริการ และจากความเห็นที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเสนอแนะเข้าอย่างมากมายในปีนี้ ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการมีส่วนร่วม และการเป็นเจ้าของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติร่วมกัน” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว 
 
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกๆ ความเห็นและทุกๆ ข้อเสนอที่ทุกท่านได้ส่งเข้ามา ถือเป็นข้อมูลสำคัญต่อบอร์ด สปสช. และสำนักงานฯ ที่จะใช้เป็นข้อมูลเพื่อบริหารจัดการและพัฒนาระบบต่อไป ซึ่งภายหลังรับมอบข้อเสนอในวันนี้แล้ว สปสช.จะได้นำเสนอต่อที่ประชุมบอร์ด สปสช. เพื่อดำเนินการ สำหรับในส่วนข้อเสนอปี 2566 ที่มาจากการบูรณาการงานประจำทั้ง 13 เขต และจากการลงพื้นที่ซึ่งได้พบผู้บริหารองค์กรท้องถิ่นนั้น สปสช. ได้ดำเนินการตอบสนองแล้ว โดยนำเข้าอนุกรรมการชุดต่างๆ เพื่อดำเนินการ รวมถึงประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
 
ทั้งนี้ ผลสรุปข้อเสนอ 34 ประเด็น อาทิ การคัดกรองและให้บริการกายภาพบำบัดในเด็กอายุ่ 10-15 ปี ที่มีภาวะกระดูกสันหลังคด, การรักษาไวรัสตับอักเสบซี ขยายการรักษาไม่จำกัดอายุเพื่อให้ประชาชนทุกวัย, เพิ่มสิทธิประโยชน์บริการคุมกำเนิดกึ่งถาวรสำหรับกลุ่มอายุ 20 ปีขึ้นไป โดยไม่จำกัดเงื่อนไข, เพิ่มสิทธิประโยชน์วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีสำหรับประชาชนทุกคน, สนับสนุนอาหารเหลวสำเร็จรูปสำหรับผู้ป่วยที่จำเป็นโดยใช้งบประมาณงบกองทุนท้องถิ่น, การรับผ้าอ้อมในกลุ่มผู้ป่วยในที่มีความจำเป็นในโรงพยาบาล และ ผู้ป่วยจิตเวชไปรักษาที่ไหนก็ได้ไม่ต้องมีใบส่งตัว เป็นต้น

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด