16 ตุลาคม 2566 เครื่องบิน A-340-500 ของกองทัพอากาศไทย เที่ยวบิน RTAF218 ETA เป็นเที่ยวบินแรกของทางการไทยที่ใช้สำหรับการอพยพคนไทยออกจากประเทศอิสราเอล ได้เดินทางถึงประเทศไทย ณ ท่าอากาศยานกองบิน 6 ดอนเมือง พร้อมผู้โดยสารคนไทยจำนวน 130 ชีวิต กลับสู่มาตุภูมิโดยสวัสดิภาพ เป็นคนไทยชุดที่สี่ที่เดินทางกลับ
เที่ยวบินนี้ได้ออกบินจากไทยเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม เวลา 19.30 น. และถึงไทย วันที่ 16 ตุลาคม เวลา 6.50 น.
ผู้โดยสารคนไทย ชุดที่ 4 ที่เดินทางกลับมา มีจำนวน 130 คน เป็นชาย 127 คน หญิง 2 คน และเด็กผู้หญิงอายุ 5 ขวบ 1 คน (เป็นลูกของข้าราชการสถานทูตไทย)
ทั้งหมดเข้ารับการตรวจคัดกรองสุขภาพโดยทันทีจากทีมแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุข ในจำนวนนี้ พบมีผู้บาดเจ็บ 2 คน คนแรกเกิดจากการหกล้ม ก่อนหน้าที่จะเกิดการสู้รบ ส่วนอีกราย มีอาการขาเจ็บและแขนหัก ได้รับการรักษาผ่าตัดแล้ว (ยังไม่แน่ชัดเรื่องสาเหตุ)
นอกจากนี้มี 5 คนที่มีอาการป่วยเป็นหวัด ตรวจ ATK แล้วผลเป็นลบ
นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาร่วมต้อนรับแรงงานไทยกลับบ้านครั้งนี้ ขณะที่ มีญาติของแรงงานจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางมารอรับญาติด้วยเช่นกัน
*ภาพจากกองทัพอากาศ
อธิบดีกรมควบคุมโรค ลงเยี่ยมแรงงานไทย
16 ตุลาคม 2566 ณ อาคาร Quarantine Center กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค กรมควบคุมโรค นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจแรงงานไทยที่เดินทางด้วยเครื่องบิน A-340-500 ของกองทัพอากาศ เที่ยวบิน RTAF218 ETA ออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติ Ben Gurion อิสราเอล เมื่อเวลา 19.27 น. เมื่อวานที่ผ่านมา ได้นำคนไทยจำนวน 130 คน เดินทางถึงท่าอากาศยานกองบิน 6 ดอนเมืองแล้วเมื่อช่วงเช้าวันนี้ เวลา 06.50 น. และต่อมาได้พาแรงมาไทยมาถึง อาคาร Quarantine Center กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค สถาบันบำราศนราดูร เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. เพื่อตรวจสุขภาพจิตใจเพิ่มเติมในบางราย นัดพบญาติเพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนา และตรวจรักษาเพิ่มเติม ณ สถาบันบำราศนราดูร
นายแพทย์ธงชัย กล่าวว่า แรงงานไทยที่กลับมาในรอบนี้ส่วนใหญ่มีสุขภาพแข็งแรงและคัดกรองรวม 130 ราย เป็นสัญชาติไทย 129 ราย และ สัญชาติอิตาลี 1 ราย พบผู้ที่มีอาการทางเดินหายใจ 6 ราย (ชาย 5 ราย หญิง 1 ราย) ตรวจสารพันธุกรรมของเชื้อก่อโรคทางเดินหายใจ พบไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A H1N1pdm2009 1 ราย ไวรัสไข้หวัด (common cold) 3 ราย ไม่พบเชื้อ 2 ราย ส่วนการบาดเจ็บมีล้มกระดูกแขนหัก 1 ราย (3 สัปดาห์ก่อน)ได้รับการรักษาผ่าตัดเรียบร้อยจากประเทศอิสราเอล ซึ่งได้ทำการตรวจเช็กสภาพร่างกายและล้างแผลเพิ่มเติม และมีเพียง 37 คน ที่ต้องได้รับการประเมินด้านสุขภาพจิตเพิ่มเติม ซึ่งผลการประเมินพบความเครียดระดับปานกลาง อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ทุกคนสามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้
นายแพทย์ธงชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อม ดังนี้ 1) กองด่านควบคุมโรคต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค เตรียมการคัดกรองสุขภาพ และประสานงานส่งผู้ป่วยบาดเจ็บ หรือโรคทั่วไป ไปที่โรงพยาบาลที่รับผู้ป่วย ทั้งอาคารอากาศยาน บน. 6 และ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 2) เตรียมที่พักชั่วคราว สำหรับผู้เดินทางที่ยังไม่สามารถกลับภูมิลำเนา ที่กองด่านฯ จำนวน 60 ห้อง ความจุ 90 คน 3) เตรียมการตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการชนิดรวดเร็ว (<2 ชม.) ที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถาบันบำราศนราดูร สำหรับกรณีผู้ป่วยมีอาการ 4) เตรียมวัคซีน สำหรับทีมที่จะไปปฏิบัติงานยังต่างประเทศ เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ โควิด 19 ไข้กาฬ หลังแอ่น และ 5) สถาบันบำราศนราดูรเตรียมสถานที่ห้องพักต่าง ๆ รองรับผู้ป่วยโรคติดต่อ
นอกจากนี้ นายแพทย์ธงชัย ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ และเพิ่มการสื่อสารกันให้มากขึ้น ทั้งนี้มีคนไทยกรอกแบบฟอร์มแจ้งความประสงค์การเดินทางกับทางสถานทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ จำนวน 7,540 ราย จำแนกเป็น ผู้ที่ขอเดินทางกลับประเทศไทย จำนวน 7,446 ราย และ แจ้งความประสงค์ไม่ขอกลับ จำนวน 94 ราย ซึ่งจะทยอยกลับมาเรื่อย ความพร้อมระบบคัดกรองสุขภาพและตรวจรักษาโรคในเบื้องต้นก็จะสะดวกรวดเร็วขึ้น