กิจกรรมการ Kick Off จัดที่ลานอเนกประสงค์ ชั้น 2 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารบี ถ.แจ้งวัฒนะ กทม. โดยได้รับเกียรติจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมด้วย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ และ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมจะมีการเปิดตัวตราสัญลักษณ์ (Logo) “30 บาทรักษาทุกที่” เพื่อใช้ในการรับรองคุณภาพและการเข้าร่วมโครงการฯ ของหน่วยบริการทั่วประเทศ รวมถึงการสื่อสารประชาสัมพันธ์ในการเข้ารับบริการของประชาชน
“การ Kick Off จะเป็นการตอกย้ำการเดินหน้านโยบายนี้ของรัฐบาล โดยท่านนายกรัฐมนตรี นอกจากจะมอบป้ายและโล่ตราสัญลักษณ์ 30 บาทให้ผู้แทน 7 หน่วยนวัตกรรมบริการแล้ว ยังจะปาฐกถาพิเศษ “30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้า” ขณะที่ นางสาวแพทองธาร จะกล่าวปาฐกถา “จาก 30 บาทรักษาทุกโรค สู่ 30 บาทรักษาทุกที่” เพื่อให้เห็นการผลักดันโครงการที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง โดยทั้งหมดนี้ เป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจของรัฐบาล ในการดูแลสุขภาพประชาชนไทย พร้อมเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชน ในการเข้าถึงสิทธิและบริการภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท” รมว.สาธารณสุข กล่าว
ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) กล่าว สิ่งที่อยากฝากคือ อยากให้ สปสช. ทำการสื่อสารประชาสัมพันธ์กับประชาชนใน กทม. ให้ชัดเจนว่า นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ใน กทม. เป็นการเข้ารับบริการเฉพาะกรณีที่ปฐมภูมิเท่านั้น เพราะกังวลว่าหากไม่ชัดเจน โดยประชาชนเข้าใจว่าไปที่ไหนก็ได้ก็จะมุ่งไปรับบริการที่โรงพยาบาลใหญ่ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาได้ ดังนั้นจึงขอให้ สปสช. ทำการสื่อสารกับประชาชนให้ชัดเจน
ขณะที่ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในส่วน สปสช. ที่ร่วมขับเคลื่อนนโยบายฯในพื้นที่ กทม. ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการภายใต้บทบาทและหน้าที่ของ สปสช. ทั้งการเพิ่มหน่วยบริการนวัตกรรม ให้ครอบคลุมทั่วถึงทุกพื้นที่ การจัดหาหน่วยบริการทุติยภูมิเพิ่มเติม เพื่อลดความแออัดหน่วยบริการตติยภูมิ ยกระดับ Contact Center 1330 เพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยแก้ปัญหาต่างๆให้กับประชาชนและหน่วยบริการ พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพของหน่วยบริการในพื้นที่ กทม. เพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังได้ขับเคลื่อนระบบบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเชิงรุก รวมถึงการจัดระบบสนับสนุนเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
เลขาธิการ สปสช. กล่าวต่อว่า ส่วนการเข้ารับบริการของประชาชน นอกจากการเข้ารับบริการที่หน่วยบริการปฐมภูมิ/ประจำตามสิทธิของท่านแล้ว ยังสามารถไปรับบริการที่หน่วยบริการนวัตกรรม 7 แห่ง ประมาณ 1,500 แห่ง โดยสังเกตตราสัญลักษณ์ที่จะมีการเปิดตัว ได้แก่ ร้านยาคุณภาพ คลินิกเวชกรรมชุมชนอบอุ่น คลินิกทันตกรรมชุมชนอบอุ่น คลินิกพยาบาลชุมชนอบอุ่น คลินิกเทคนิคการแพทย์ชุมชนอบอุ่น คลินิกกายภาพบำบัดชุมชนอบอุ่น และคลินิกแพทย์แผนไทยชุมชนอบอุ่น นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มเติมบริการที่ช่วยอำนวยความสะดวก และลดความแออัดได้อีก ซึ่งจะเปิดตัวในวันที่ 26 สิงหาคม นี้ เช่น บริการการแพทย์ทางไกล เจาะเลือดที่บ้าน รถรับส่งผู้ป่วย รถทันตกรรมเคลื่อนที่ และตู้เทเลเมดดูแลสุขภาพประชาชนในชุมชน เป็นต้น ทั้งนี้ในส่วนของโรงพยาบาลรัฐสังกัดต่างๆนั้น จะเป็นหน่วยบริการรับส่งต่อผู้ป่วย