ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

กรมสบส. เพิ่มบริการรักษา “มีบุตรยาก” คู่สมรสชาวจีนในโครงการเมดดิคัล ฮับ

กรมสบส. เพิ่มบริการรักษา “มีบุตรยาก” คู่สมรสชาวจีนในโครงการเมดดิคัล ฮับ Thumb HealthServ.net
กรมสบส. เพิ่มบริการรักษา “มีบุตรยาก” คู่สมรสชาวจีนในโครงการเมดดิคัล ฮับ ThumbMobile HealthServ.net

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ขยายบริการในโครงการเมดิคัลฮับ ในปีนี้เพิ่มการรักษาภาวะมีบุตรยาก โดยใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ เช่น การทำเด็กหลอดแก้ว อิ๊กซี่ และกี๊ฟ ให้แก่คู่สมรสชาวจีนโดยไม่กระทบและไม่ขัดกฎหมาย ดึงโรงพยาบาล/คลินิกที่มีความพร้อมในการให้บริการเฉพาะ 65 แห่งทั่วประเทศ สมัครเข้าร่วมโครงการ

กรมสบส. เพิ่มบริการรักษา “มีบุตรยาก” คู่สมรสชาวจีนในโครงการเมดดิคัล ฮับ HealthServ
 
นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในการประชุมของคณะกรรมการอำนวยการพัฒนาและส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านMedical and Wellness Tourism โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน ในเดือนมิถุนายน 2559 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ ให้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ความพร้อมในการให้บริการด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ รองรับผู้รับบริการชาวจีน


       เนื่องด้วยในปัจจุบัน รัฐบาลประเทศจีนมีนโยบายส่งเสริมให้ประชากรสามารถมีบุตรได้มากกว่า 1 คน ประกอบกับประเทศไทยมีศักยภาพและความก้าวหน้าทางด้านวิชาการและเทคโนโลยีด้านนี้เป็นอย่างมาก รวมทั้งมีศูนย์รักษาผู้ที่มีบุตรยากจำนวนมาก ทั้งภาครัฐและเอกชน และมีกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคด้านนี้เป็นการเฉพาะ ได้แก่ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2558 เป็นต้นมา

        ถือเป็นความโดดเด่นของประเทศ โดยมอบให้กรม สบส.เร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว


       นายแพทย์ธงชัยกล่าวว่า จากการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ภายหลังจากนี้ กรมสบส. จะได้มีการทำหนังสือเชิญชวนสถานพยาบาลเข้าร่วมโครงการดังกล่าวประกอบไปด้วย สถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนที่ผ่านการรับรองมาตรฐานตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กฯ พ.ศ.2558 จำนวน 65 แห่ง ที่มีศักยภาพและความพร้อม รวมทั้งบางแห่งได้ผ่านการรับรองมาตรฐานสากลเจซีไอ ( Joint Commission International :JCI)

        สถานพยาบาลที่สนใจเข้าร่วมโครงการ แจ้งจำนวนผู้ใช้บริการย้อนหลัง 3 ปี ให้กรม สบส. เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐาน จะมีการประชุมหารือเพื่อกำหนดประเภทการให้บริการที่สามารถให้บริการได้โดยไม่ขัดต่อระเบียบหรือกฎหมาย ซึ่งเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์มีหลายประเภท เช่น การทำกิ๊ฟ (Gamete Intrafallopian Transfer :GIFT ) การผสมเทียม(Intrauterine Insemination:IUI) ไอวีเอฟ (In Vitro Fertilization :IVF) และอิ๊กซี่ (Intracytoplasmic Sperm Injection:ICSI) รวมทั้งการให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทนหรือที่รู้จักคือการอุ้มบุญ เป็นต้น


         หลังจากนั้นกรม สบส.จะดำเนินการประชาสัมพันธ์ไปยังผู้รับบริการชาวจีน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ช่องทางเช่นกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศจีน และช่องทางอื่นๆ



         ทั้งนี้ปัจจุบัน ความนิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมีจำนวนสูงมากขึ้นทุกปี รายงานของกรมการท่องเที่ยวในปี พ.ศ.2558 พบว่ามีจำนวนมากกว่า 8 ล้านรายซึ่งมากเป็นอันดับ 1 จากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาทั้งหมดประมาณ 29 ล้านรายมากกว่า 40 ประเทศ และคาดว่าในปี 2559 นี้จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนจะเพิ่มมากขึ้น โดยในรอบ 4 เดือนแรกตั้งแต่เดือนมกราคม – เมษายน มีทั้งหมดมากกว่า 3 ล้านราย

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด