ข่าวสุขภาพ
ร้านยาคุณภาพของฉัน แพคเกจสุขภาพ คลินิค งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

สวดนพเคราะห์ไหว้พระราหู วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชัน เจริญพระพุทธมนต์ เสริมดวงเสริมบารมี

สวดนพเคราะห์ไหว้พระราหู วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชัน เจริญพระพุทธมนต์ เสริมดวงเสริมบารมี HealthServ.net
สวดนพเคราะห์ไหว้พระราหู วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชัน เจริญพระพุทธมนต์ เสริมดวงเสริมบารมี HealthServ.net

17 ต.ค. 66 เวลา 19.00 น. วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชัน จัดงานสวดนพเคราะห์เจริญพระพุทธมนต์ ไหว้พระราหู เสริมดวงเสริมบารมี ร่ำรวยเงินทอง

สวดนพเคราะห์ไหว้พระราหู วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชัน เจริญพระพุทธมนต์ เสริมดวงเสริมบารมี HealthServ
วัดไก่เตี้ย เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของคลองบางกอกน้อย ในแขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร ตามประวัติวัดของสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุว่า วัดไก่เตี้ยสร้างขึ้นราว พ.ศ. 2320 ในปลายสมัยกรุงธนบุรี  สภาพพื้นที่วัดเกือบล้อมรอบไปด้วยคลอง วัดไก่เตี้ยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแห่พระบรมสารีริกธาตุหรือประเพณีชักพระ 

วัดไก่เตี้ยได้รับการพัฒนาครั้งใหญ่เมื่อ พ.ศ.2511 โดยทางวัดมีการสร้างบูรณปฏิสังขรณ์อาคารเสนาสนะในวัดครั้งใหญ่และได้จัดแบบแปลนของวัดใหม่ให้พัฒนาดียิ่งขึ้น มีการรื้ออุโบสถหลังเดิมที่สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เนื่องจากเป็นไม้และผุพังลง โดยได้ก่อสร้างขึ้นใหม่เป็นคอนกรีต มีพิธียกช่อฟ้าเมื่อ พ.ศ.2512 โดยจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และผูกพัทธสีมาเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2514


กิจกรรมที่จัดเป็นประจำ
วัดไก่เตี้ย จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทุกเย็นวันเสาร์ เวลา ๑๙.๐๐ - ๒๐.๓๐ น. ณ อุโบสถ วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 
 
 
สวดนพเคราะห์ไหว้พระราหู วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชัน เจริญพระพุทธมนต์ เสริมดวงเสริมบารมี HealthServ
 

สิ่งสำคัญภายในวัดไก่เตี้ย


(ศรัณย์ ทองปาน 2549? : 90)  ได้แก่
 
อุโบสถ สร้างขึ้นใหม่แทนที่อุโบสถหลังเดิมที่รื้อไปเมื่อ พ.ศ.2511 กว้าง 20 เมตร ยาว 40 เมตร หันหน้าไปทางทิศตะวันออก (หันหน้าสู่คลองบางกอกน้อย) หน้าบันทำเป็นพระพุทธรูปประทับนั่ง ปางสมาธิ ด้านล่างมีรูปไก่อยู่ในวงกลม (คงสร้างขึ้นตามนามของวัด) แต่เดิมลวดลายหน้าบันเป็นลายกนกและพรรณพฤกษา (วลัยลักษณ์ ทรงศิริ 2552)
 
ภายในประดิษฐานพระประธานที่อัญเชิญมาจากอุโบสถหลังเดิม เป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย เอกสารของวัดระบุว่าที่ฐานมีจารึกว่าหล่อขึ้นเมื่อ พ.ศ.1989 สันนิษฐานว่าจะอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ตั้งแต่เมื่อแรกสร้างวัด โดยอาจอัญเชิญลงมาจากหัวเมืองเหนือในรัชกาลที่ 1 พร้อมกับพระพุทธรูปพันกว่าองค์ที่อัญเชิญมาประดิษฐานอยู่ตามพระอารามหลวงของกรุงรัตนโกสินทร์
 
วิหาร ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของอุโบสถ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก (หันหน้าสู่คลองบางกอกน้อย) เชื่อกันว่าสร้างพร้อมอุโบสถหลังเดิมตั้งแต่แรกสร้างวัด หน้าบันของวิหารเป็นไม้จำหลัก หน้าบันของมุขด้านล่างเป็นลายเครือเถากนกออกปลายเป็นเทพนม ตรงกลางเป็นครุฑ ส่วนหน้าบันด้านบน ตรงกลางสลักเป็นรูปวิมานท่ามกลางลายกนก (ปัจจุบันใช้เป็นกุฏิเจ้าอาวาส)
 
พระพุทธฉาย ตั้งอยู่ระหว่างอุโบสถและวิหารภายในเขตกำแพงแก้วด้านทิศเหนือ สร้างในสมัยหลวงพ่อนวลเป็นเจ้าอาวาส เมื่อ พ.ศ.2473 ก่อเป็นเหมือนกำแพง ทำเป็นซุ้มประดิษฐานภาพปูนปั้นนูน เป็นรูปพระพุทธปูนประทับยืนอุ้มบาตรอยู่ตรงกลาง ขนาบข้างด้วยพระสาวกที่อยู่ในท่าทางอุ้มบาตรเช่นเดียวกัน
 
หอระฆัง ตั้งอยู่ด้านข้างศาลาการเปรียญ เป็นหอระฆังเก่า ก่ออิฐถือปูน สูง 2 ชั้น
 
หอพระไตรปิฎก เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น ลักษณะรูปแบบศิลปกรรมสมัยรัชกาลที่ 3 ที่เชิงชายสลักไม้เป็นลายค้างคาวแบบจีน เดิมตั้งอยู่กับหมู่กุฏิด้านริมน้ำ ต่อมาเมื่อย้ายเขตสังฆาวาสมาไว้ด้านหลัง หอไตรหลังนี้จึงตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางลานวัด ในปี 2548 จึงมีการชะลอหาไตรขยับมาทางทิศตะวันตก ติดกับเขตสังฆาวาส   
 
พระพุทธรูปสำคัญ พระประธานในอุโบสถและหลวงพ่อโต พระพุทธรุปปางสมาธิ ประดิษฐานในศาลาด้านหน้าวิหาร รวมถึงรูปหล่อหลวงพ่อนวลซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์องค์สำคัญ
 
มีตำนานเล่าว่าผู้สร้างชื่อกราน ในสมันต้นรัชกาลที่ 5 เมื่อยังมีหวย ก.ข. หลวงพ่อโตองค์นี้ใบ้หวยถูกบ่อยจนขุนบาล (ยี่กอฮงเหม็ง) ให้คนมาควักพระเนตรออก แล้วเอาเหล็กมาตอกกลางหลังและซอกคอ ในหนังสือประวัติวัดไก่เตี้ย (2511) กล่าวว่า “เหล็กที่ตอกนี้ยังปรากฏอยู่ทุกวันนี้” น่าสังเกตว่าตำนานของหลวงพ่อโตวัดไก่เตี้ยนี้ใกล้เคียงกับตำนานหลวงพ่อตาแดงที่วัดเพลงกลางสวนมาก ซึ่งอาจมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยง (วิชญดา ทองแดง และศรัณย์ ทองปาน 2555 : 152)

หลวงพ่อสัมฤทธิ์

 ประวัติหลวงพ่อสัมฤทธิ์ (#พระพุทธสัมฤทธิ์ประสิทธโชค)เป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยปางมารวิชัย(สะดุ้งมาร) องค์พระลงรักปิดทองคำทั้งองค์ หน้าตักกว้าง 73 นิ้ว ลืมพระเนตร
 
   ในตำนานกล่าวไว้ว่าพระมหาธรรมราชาที่4 พระมหากษัตริย์ผู้ปกครองเมืองสุโขทัยเป็นผู้สร้างขึ้น เพื่อเป็นพุทธบูชาในยุคนั้น ราวปี พ.ศ.1979 
 
   ครั้นมื่อเกิดศึกสงครามได้ถูกนำล่องแพขนาบกับไม้ไผ่มาตามแม่น้ำยมลงมาสู่แม่น้ำเจ้าพระยา
   เมื่อล่องแพมาถึงท้องคุ้งคลองบางกอกน้อยเพลาใกล้พลบค่ำเกิดความมหัศจรรย์ฟ้าร้องคำรามรอบทิศทาง ท้องฟ้าแผ่สว่างไปด้วยประกายสีทอง และแพก็หยุดนิ่งไม่เคลื่อนไปข้างหน้า แม่ทัพนายกองและสมุนไพล่พลต่างตกตะลึงทำอะไรกันไม่ถูก
 
   ทุกคนจึงหยุดพักแรมที่ริมฝั่งคลองบางกอกน้อย เมื่อเดินขึ้นฝั่งเพื่อพักผ่อน จึงได้พบพระธุดงธ์ปักกรดอยู่ที่ป่าโคนไม้ แม่ทัพนายกองจึงได้สนทนาธรรมเกิดความศรัทธา จึงนำหลวงพ่อสัมฤทธิ์ขึ้นจากแพประดิษฐานที่ใต้ต้นไม้โดยห่างจากชายฝั่งคลอง 28 ก้าวเท้า 
 
   ต่อมาในยุครัตนโกสินทร์ ครั้งเมื่อเกิดสงครามเก้าทัพ ปี พ.ศ.2328 แม่ทัพนายกองมาทำพิธีบวงสรวงต่อหน้าหลวงพ่อสัมฤทธิ์และวางแผนขุมกำลังในการสู้รบครานั้น พม่ายกทัพมา 9 ทัพ 5 ทาง เป็นสงครามครั้งแรก ระหว่างราชวงศ์โก้นบองของพม่ากับอาณาจักรรัตนโกสินทร์แห่งราชวงศ์จักรี พระเจ้าปดุงแห่งพม่ามีความทะเยอทะยานที่จะขยายพระราชอำนาจของพระองค์เข้ามาในสยาม แต่ก็ได้รับความปราชัยต่อ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) หลังจากนั้นพระองค์จึงมีรับสั่งให้เจ้าพระยารัตนาพิพิธมาบูรณะวัดไก่เตี้ย ด้วยความศรัทธาในชัยชนะคราวนั้น 

พระอาจารย์โชคดี วัดไก่เตี้ย ตลิ่งชัน

 

ไหว้พระราหู หลังจากสวดมนต์ เพื่อให้เกิดความสุขกายสุขใจ พุธที่ 16 สิงหาคม 2566 เวลา 1 ทุ่มตรง ขอโชคลาภ รวย รวย

ประเพณีชักพระวัดไก่เตี้ย แรม 2 ค่ำ เดือน 12 ของทุกปี

ประเพณีชักพระวัดไก่เตี้ย

ประเพณีที่สำคัญของท้องถิ่น และชาวบ้านแถบคลองบางกอกน้อยและคลองบางกอกใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับวัดไก่เตี้ยคือ การแห่พระบรมสารีริกธาตุหรือประเพณีชักพระ (วลัยลักษณ์ ทรงศิริ 2552) จัดเป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่และสืบทอดมาโดยตลอด ในวันแรม 2 ค่ำ เดือน 12 ของทุกปี (หลังวันลอยกระทง 2 วัน) จะมีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุสาวกลงประดิษฐานยังบุษบกในเรือแล้วเริ่มต้นแห่งจากหน้าวัดนางชีไปทางคลองบางกอกน้อยจนถึงวัดไก่เตี้ยที่ตลิ่งชันก่อนเพล ส่วนขากลับแห่ไปทางปากคลองบางกอกน้อยเข้าแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านคลองบางกอกใหญ่แล้ววกเข้าคลองด่านกลับไปทางวัดนางชี
 
ประเพณีชักพระเป็นงานใหญ่ของผู้คนทุกเพศทุกวัยในย่านนี้ แม้จะออกไปทำงานไกลเพียงใดเมื่อถึงวันชักพระจะต้องมาร่วมงาน บางคนก็เฝ้ารอดูอยู่หน้าบ้านและกราบไหว้บูชาด้วยความศรัทธา สำหรับในบริเวณวัดช่วงเพล ชาวบ้านจะนำอาหารคาวหวานและเครื่องดื่มมาร่วมงานเพื่อเลี้ยงทุกๆ คนที่มางานชักพระ

 

ข่าว/บทความล่าสุด

เนื้อหาอ่านล่าสุด