สรุปจำนวนการฉีดวัคซีน 11 กันยายน 2564
11 กันยายน 2564 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวแผนการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด 19 ว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็น 758,503 โดส ทำให้ยอดฉีดสะสมอยู่ที่ 39,631,862 โดส โดยจำแนกได้เป็น
- คนที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มอยู่ที่ 26,954,546 คน
- คนที่ฉีดครบ 2 เข็มมีจำนวน 12,063,643 คน
คาดว่าภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้จะฉีดได้ทั้งหมด 45 ล้านโดส อย่างไรก็ตาม ในระยะต่อไปจะมีวัคซีนมากขึ้น และกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมพร้อมจัดสรรวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนมากที่สุด เพื่อลดอาการป่วยรุนแรง หรือเสียชีวิต
แผนการฉีดเดือนตุลาคม 24 ล้านโดส
นายแพทย์โอภาส กล่าวว่า สำหรับแผนการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด19 ในเดือนตุลาคม 2564 ประเทศไทยจะมีวัคซีนซิโนแวค 6 ล้านโดส แอสตร้าเซนเนก้า 10 ล้านโดส ไฟเซอร์ 8 ล้านโดส ดังนั้น แผนในการฉีดวัคซีนอยู่ที่ 24 ล้านโดส นอกจากนี้ยังมีซิโนฟาร์มที่ทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์นำเข้ามาอีกประมาณ 6 ล้านโดส
กลุ่มเป้าหมายการฉีด
โดยภาพรวมกลุ่มเป้าหมายการฉีดวัคซีนในเดือนตุลาคม แบ่งเป็น
1.ประชาชนทั่วไปอายุ 18 ปีขึ้นไป 16.8 ล้านโดส
2.นักเรียนอายุ 12-17 ปีทั่วประเทศ 4.8 ล้านโดส ฉีดไฟเซอร์ 2 เข็ม ส่วนจะฉีดกลุ่มไหนชั้นไหนก่อน จะร่วมพิจารณากับกระทรวงศึกษาธิการ
3.แรงงานในระบบประกันสังคม 0.8 ล้านโดส
4.หน่วยงานอื่น เช่น องค์กรรัฐ ราชทัณฑ์ 1.1 ล้านโดส และ
5.เข็มสามสำหรับคนฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม 0.5 ล้านโดส ซึ่งปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์
เป้าหมายร้อยละ 50 ทุกจังหวัด
ทั้งนี้ แผนการฉีดวัคซีนโควิดที่ ศบค.เห็นชอบในเดือนตุลาคม เป้าหมายจะฉีดครอบคลุมประชากรทั้งหมดอย่างน้อยร้อยละ 50 ของทุกจังหวัด โดยพยายามให้อย่างน้อย 1 จังหวัดมีความครอบคลุมร้อยละ 70 และให้มีแผนดำเนินการ COVID free Area อย่างน้อย 1 พื้นที่ ซึ่งมีความครอบคลุมร้อยละ 80 อีกทั้ง ยังเน้นครอบคลุมกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และหญิงมีครรภ์ให้มากที่สุด รวมไปถึงประชากรกลุ่มเป้าหมายอื่น ๆ ตามคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดจัดสรร
“เดือนตุลาคม เป็นเดือนที่ประชาชนจะมาฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ค่อนข้างมาก จึงต้องให้ได้รับครอบคลุมมากที่สุด รวมทั้งกลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป จะมีการจัดสรรในเดือนตุลาคมเช่นกัน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน ส่วนคนฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม จากข้อมูลพบว่า เมื่อเวลาผ่านไป วัคซีนที่ฉีดไปแล้วนั้น ภูมิคุ้มกันจะลดลง และเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อได้ ดังนั้น คนที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม ต้องได้รับการกระตุ้นเข็ม 3 ในเดือนตุลาคมนี้ เบื้องต้นเริ่มในกลุ่มที่ฉีดครบโดสในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2564 และจะมีการจัดสรรวัคซีนไปยังพื้นที่เศรษฐกิจและควบคุมการระบาดต่อไป ทั้งนี้ เมื่อประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เราเชื่อว่า สถานการณ์การระบาดจะค่อย ๆ ลดลง สิ่งสำคัญจึงต้องขอความร่วมมือในการป้องกันโรคส่วนบุคคลแบบครอบจักรวาล หรือ Universal Prevention รวมถึงการรับวัคซีน” อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว
สรุปวัคซีนในประเทศไทย ณ ปัจจุบัน
ปัจจุบันประเทศไทยมีการ
ฉีดวัคซีน 4 ชนิด คือ ซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า ซิโนฟาร์ม และ ไฟเซอร์
วัคซีนที่มีปริมาณการฉีดที่มากที่สุด คือ แอสตร้าฯ รองลงมาคือ ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม และไฟเซอร์
อาการไม่พึงประสงค์ ส่วนใหญ่คล้ายกัน มีไข้ ปวดศีรษะ เวียนหัว ถือว่าไม่รุนแรง พัก 1-2 วันทานยาลดไข้ก็จะดีขึ้น
อาการแพ้วัคซีน
- อาการแพ้วัคซีนซิโนแวค หรือที่เรียกว่า Anaphylaxis พบ 24 ราย คิดเป็น 0.16 ต่อแสนโดส ซึ่งทั้งหมดอาการไม่รุนแรงมาก และได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติ
- อาการแพ้วัคซีนแอสตร้าฯ พบ 6 ราย หรือ 0.04 ต่อแสนโดส ทั้งหมดหายเป็นปกติ อีกอาการคือ ภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับ เกล็ดเลือดต่ำ หลังได้รับวัคซีน 5 ราย หรือ 0.03 ต่อแสนโดส ผลข้างเคียงจากวัคซีนหลักของไทยค่อนข้างน้อย มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง
- อาการแพ้วัคซีนซิโนฟาร์มพบ 4.46 ต่อแสนโดส แต่ต้องติดตามรายละเอียดเนื่องจากยังฉีดไม่มากพอ
- กรณีวัคซีนไฟเซอร์ ที่มีความกังวลของผู้ปกครองเรื่องภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหลังฉีดนั้น สำหรับไทยพบ 1 รายหลังจากฉีดไปประมาณ 1 ล้านโดส คิดเป็น 0.11 ต่อแสนโดส ขณะนี้หายเป็นปกติ
อย่างไรก็ตาม อาการไม่พึงประสงค์ทางกระทรวงสาธารณสุขมีการติดตามต่อเนื่อง
กรณีการเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน
กรณีเสียชีวิตจากวัคซีนนั้น มีข้อมูลดังนี้
1. คณะผู้เชี่ยวชาญได้รับพิจารณาแล้ว 416 ราย
2. พบว่า ไม่เกี่ยวกับวัคซีน 249 ราย เช่น ติดเชื้อระบบประสาทและสมอง เลือดออกในสมอง เส้นเลือดสมองอุดตัน ปอดอักเสบรุนแรง ติดเชื้อในกระแสเลือด เป็นต้น
3. ส่วนอีก 32 รายไม่สามารถสรุปได้
4. ส่วนที่สรุปว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนมี 1 ราย จากการฉีดไปเกือบ 40 ล้านคนที่พบว่ามีภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำ
จึงเห็นได้ว่า มีส่วนน้อยที่พบกับอาการไม่พึงประสงค์ หากเทียบกับประโยชน์และความปลอดภัยของวัคซีน
ข้อมูลจาก : กองโรคติดต่อทั่วไป/กองระบาดวิทยา/สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค
วันที่ 11 กันยายน 2564