นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยฉีดวัคซีนโควิด 19 แล้ว 47 ล้านคน จากเป้าหมาย 50 ล้านคน ยังมีผู้ไม่ได้รับวัคซีนอีก 3 ล้านคน คาดว่าจะฉีดครบ 100 ล้านโดส ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยทุกแห่งจะเร่งรัดฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่ยังไม่ได้รับ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หญิงตั้งครรภ์ เด็ก และขยายไปถึงกลุ่มแรงงานต่างด้าว เนื่องจากผู้ไม่ได้รับวัคซีนมีความเสี่ยงติดเชื้ออาการหนักและเสียชีวิต ทั้งนี้ ยืนยันว่าวัคซีนทุกชนิดที่กระทรวงสาธารณสุขจัดซื้อเป็นวัคซีนที่ได้มาตรฐาน มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลลดความเสี่ยงติดเชื้อ ป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิตได้
กลุ่มที่ยังไม่ได้รับวัคซีน
ขณะนี้ จำแนกกลุ่มคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนแยกเป็น 2 กลุ่ม คือ
1.กลุ่มที่เข้าไม่ถึงวัคซีน เนื่องจากอยู่ห่างไกล หรือไม่ทราบข้อมูลการฉีด
สธ. ได้จัดให้ทุกพื้นที่ออกสำรวจและจัดบริการฉีดเชิงรุกเข้าถึงประชาชนโดยเร็ว
2. กลุ่มที่รอวัคซีนทางเลือก mRNA โมเดอร์นา
ซึ่งแบ่งย่อยเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับการจัดสรรจากสภากาชาดไทยไปยังองค์กรปกครองท้องถิ่นที่ได้ร่วมสั่งซื้อไว้ และกลุ่มประชาชนทั่วไป ที่ทำการสั่งจองผ่านรพ.เอกชนต่างๆ ทั่วประเทศ รวมวัคซีนทางเลือกที่จะมีเข้ามาโดยการสั่งซื้อขององค์กรเภสัช จำนวน 5 ล้านโดส
แต่ด้วยปัญหาการจัดส่งที่ล่าช้ากว่ากำหนดการเดิม (ที่จะเข้ามาในเดือนตุลาคม) ทำให้กลุ่มที่รอวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา ราว 2.5 ล้านคน กลายเป็นกลุ่มยังไม่ได้รับการฉีดกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มไปทันที
เปิด 3 จุดฉีดวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา
เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ประกอบกับเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลไทยได้รับวัคซีนโมเดอร์นาบริจาค จำนวน 1 ล้านโดส จากรัฐบาลสหรัฐ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้กำหนดให้นำวัคซีนโมเดอร์นาบริจาคล็อตนี้ มากระจายฉีดให้กับผู้ที่สั่งจองและรอวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา ไปก่อน และจากข้อมูลพบว่า ประชาชนที่สั่งจองวัคซีนนี้ ส่วนใหญ่จะอยู่ใน กทม. สธ.จึงกำหนดจุดฉีดวัคซีนทางเลือกนี้ 3 แห่ง คือ
- ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ
- สถาบันบำราศนราดูร
- โรงพยาบาลศรีธัญญา
ทั้ง 3 แห่ง จะอยู่ภายใต้การดูแลของ 3 กรม คือ กรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค และกรมสุขภาพจิต เพื่อบริหารจัดการกระจายฉีดวัคซีน mRNA ให้กับผู้ที่ต้องการหรือกำลังรอโดยเร็ว
ส่วนประชาชนในต่างจังหวัดที่สั่งจองวัคซีนทางเลือก สธ.จะมอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ทำการสำรวจเพื่อจัดส่งวัคซีนไปให้ต่อไป
เข้มงวด COVID Free Setting และ SHA Plus
"วันนี้ (26 พฤศจิกายน 2564) จะเสนอ ศบค. ให้มีการเข้มงวดมาตรการ COVID Free Setting และ SHA Plus เช่น ร้านอาหาร ต้องตรวจสอบทั้งเจ้าของร้านและพนักงานที่ให้บริการทุกคนว่าฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วหรือไม่ หากยังไม่ฉีดต้องไม่ให้เปิด หรือลูกค้าหากยังไม่ฉีดก็ไม่ควรอนุญาตให้นั่งในร้าน ยกเว้นสั่งกลับบ้าน เมื่อเทียบกับหลายประเทศที่มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น ถือว่าประเทศไทยมีการเฝ้าระวังป้องกันที่ดี ซึ่งหากประชาชนยังให้ความร่วมมือเหมือนที่ผ่านมา โอกาสจะเกิดการระบาดสูงเหมือนต่างประเทศจะน้อยลง" นายอนุทินกล่าว