อิตาลี
เป็นประเทศยุโรปล่าสุดที่ออกมาตรการเข้มงวดผู้ไม่ฉีดวัคซีนโควิด โดยทางการประกาศนำบัตรผ่านสุขภาพที่แสดงถึงการได้รับวัคซีนแล้ว กลับมาใช้อีกครั้ง สำหรับแสดงเมื่อต้องการเข้าใช้บริการสาธารณะอย่างโรงภาพยนต์ การชมคอนเสิร์ต เข้าสนามกีฬา หรือภัตตาคารร้านอาหาร
ก่อนหน้านี้ อิตาลีบังคับใช้บัตรผ่านนี้ เท่านั้น โดยอนุญาตให้ผู้ฉีดวัคซีนแล้วหรือหายจากโรคโควิดหรือมีผลตรวจเป็นลบ
อิตาลีเริ่มใช้บัตรผ่านวัคซีนในเดือนสิงหาคม เฉพาะกับบางสถานที่ และขยายคำสั่งให้ใช้กับสถานที่ทำงานในเดือนตุลาคม ตอนนี้ขยายการบังคับใช้กับขนส่งมวลทั้งหมดด้วย
ในกรุงโรมเมืองหลวง ทางการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกประจำยังฮับขนส่งที่สำคัญเพื่อตรวจตราบัตรผ่านและบัตรประชาชนในผู้ที่จะใช้ขนส่งสาธารณของเมือง ซึ่งประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่ก็มีผู้โชคร้ายบางรายถูกปรับถึง 400 ยูโรฐานฝ่าฝืนไม่แสดงบัตรผ่าน
อิตาลีเป็นประเทศแรกในยุโรปที่โดนโควิดเล่นงานตั้งแต่ต้นปี 2020 มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 134,000 ราย ขณะนี้ประชากร 85% ของประเทศฉีดวัคซีนแล้ว ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศราว 15,000-20,000 รายต่อวัน
กรีซ
สภานิติบัญญัติกรีซเห็นชอบผ่านมาตรการบังคับการฉีดวัคซีนในประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเริ่มกลับมาเพิ่มสูงอีกครั้ง โดยกฏหมายจะมีผลบังคับใช้ 16 มกราคม 65 ผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนจะถูกปรับ 100 ยูโร/เดือน นับตามจำนวนเดือนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
83% ของประชากรผู้สูงอายุเกิน 60 ปีของกรีซได้รับวัคซีนแล้ว
โปรตุเกส
ทางการประกาศนำมาตราการเข้มงวดควบคุมการระบาดอีกครั้ง ตั้งแต่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยกำหนดให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัย สั่งเข้มงวดควบคุมณจุดผ่านแดนต่างๆ สั่งให้ใช้หนังสือรับรองวัคซีนเพื่อแสดงก่อนเข้าใช้พื้นที่สาธารณะ อย่างร้านอาหาร โรงภาพยนต์และโรงแรม
โปรตุเกสมีอัตราการฉีดวัคซีนราว 86% ในทุกกลุ่มประชากร
ฝรั่งเศส
ทางการฝรั่งเศสใช้การคุมเข้ม ณ จุดผ่านแดน กำหนดว่าผู้เดินทางเข้าประเทศจากประเทศนอกอียู รวมชาวอังกฤษ จะต้องแสดงหลักฐานการตรวจเชื้อเป็นลบภายใน 48 ชั่วโมง แม้ผู้นั้นจะฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม
ฝรั่งเศสรายงานผู้ติดเชื้อใหม่วันที่ 1 ธ.ค. ที่จำนวน 49,610 ราย เพิ่มขึ้นจาก 47,177 ของวันก่อนหน้า หากเทียบในรายสัปดาห์ พบว่าเพิ่มขึ้นมากขึ้น 50% จากค่าเฉลี่ยรายสัปดาห์วันที่ 1 ธ.ค. 34,547 ราย วันที่ 27 พ.ย. จำนวน 27,597 ราย หรือเทียบกับเพียง 20,004 ราย เมื่อวันที่ 23 พ.ย.
รัฐมนตรีสาธารณสุขฝรั่งระบุว่าเป็นสถานการณ์ที่ "เริ่มจะเลวร้าย"
ตั้งแต่ 15 มกราคม 65 ผู้ใหญ่ทุกคนจะต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อต่ออายุบัตรผ่านสุขภาพ แต่ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมนี้ ผู้มีอายุเกิน 65 ปีทุกคนจะต้องฉีดเข็มกระตุ้น เพื่อต่ออายุบัตรผ่านสุขภาพก่อน
ฝรั่งเศสมีอัตราการรับวัคซีนราว 76.8% คิดเป็นจำนวนประชากรราว 67.4 ล้านคน
สเปน
หลายแคว้นประกาศใช้มาตรการเข้มงวดกับผู้ไม่ฉีดวัคซีนเช่นกัน มีการต่ออายุการบังคับใช้หนังสือรับรองโควิด ที่ต้องแสดงเมื่อประสงค์จะใช้บริการสาธารณะ อาทิ บาร์และร้านอาหาร
ประชากรสเปนกว่า 80% ฉีดวัคซีนแล้ว แต่ความกังวลต่อโอมิครอนกระตุ้นการฉีดวัคซีนให้เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จากข้อมูลระบุว่า เดือนพฤศจิกายน มีผู้ที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนเลยราว 200,000 เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้ว สถานการณ์เตียงในโรงพยาบาลขณะนี้ก็เริ่มล้น แพทย์ต้องเตือนประชาชนให้ระวัดระวังตัวเองให้มาก
สเปนมีรายงานผู้ติดเชื้อระดับ 100,000 รายในรอบ 2 สัปดาห์ แต่กระนั้นก็ยังถือว่าปลอดภัยจากภาวะการระบาด
อังกฤษ
นักวิทยาศาสตร์แนะให้ผู้ใหญ่ควรต้องเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อโอมิครอนในอังกฤษ ที่มีอัตราการแพร่ระบาดที่ค่อนข้างเร็ว อังกฤษยืนยันผู้ติดเชื้อโอมิครอนรวม 336 ราย [
BBC] แต่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ายอดจริงๆไปถึงระดับ 1,000 รายแล้ว [
BBC]
เนเธอร์แลนด์
มาตรการปิดเมืองรอบใหม่มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่สัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน รวมถึงการสั่งปิดร้านอาหาร บาร์ ตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึงตีห้า โรงพยาบาล ศูนย์วัฒนธรรม ต้องจัดที่นั่งให้่ห่างกัน 1.5 เมตร ทำให้มีจำนวนคนใช้น้อยละในแต่ละบริเวณ การจัดแข่งกีฬาอาชีพทำได้แต่ห้ามมีผู้ชม ส่วนกิจกรรมกีฬาสมัครเล่น/ทั่วไป ห้ามจัดตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึงตีห้า เช่นกัน
สาธารณรัฐเช็ค
มาตรการฉุกเฉิน 30 วันมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 26 พฤศจิกายน ตลาดคริสมาสทั่วประเทศถูกสั่งปิด ห้ามประชาชนดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในที่สาธารณะ ขณะที่ร้านอาหาร บาร์ ไนท์คลับ ดิสโก้เธค คาสิโน ให้บริการได้ถึง 4 ทุ่ม การแข่งขันกีฬาหรือการแสดงวัฒนธรรมจัดได้ แต่กำหนดมีผู้ชมไม่เกิน 1,000 คนและจำกัดเฉพาะผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วหรือหายจากโรคโควิดแล้วเท่านั้น การรวมกลุ่มในพื้นที่สาธารณะจำกัดเพียง 100 คน จากเดิม 1,000 คน
สโลวาเกีย
รัฐบาลประกาศมาตรการฉุกเฉิน 90 วัน และล็อกดาวน์ 2 สัปดาห์ เหตุจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งแรงถึง 10,000 รายในช่วงเวลาเพียงสัปดาห์เดียว มาตรการนี้สั่งปิดร้านที่ไม่จำเป็น รวมทั้งร้านอาหารและบาร์
ประชากรสโลวาเกียเพียง 45.3% จาก 5.5 ล้านคนเท่านั้นที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว
รัสเซีย
ประเทศยักษ์ใหญ่ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำสุดแห่งหนึ่ง คู่กับอัตราการติดเชื้อสูงที่สุดพร้อมกัน แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลงเหลือราว 31,000 รายต่อวัน แต่อัตราผู้เสียชีวิตยังคงสูง รัสเซียมีเพียง 40% ของประชากร 146 ล้านคนเท่านั้นที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว ทั้งที่รัสเซียเป็นประเทศแรกๆ ที่มีวัคซีนของตนเองและประกาศใช้ก่อนที่อื่นในโลกก็ตาม
สวีเดน
รัฐบาลสวีเดน ประกาศใช้บัตรผ่านสุขภาพอีกครั้งตั้งแต่ 1 ธันวาคมเป็นต้นมา สำหรับการเข้าใช้บริการในกิจกรรมที่มีคนร่วมมากกว่า 100 คน เป็นการบังคับใช้บัตรสุขภาพกับกิจกรรมสาธารณะเป็นครั้งแรก จากก่อนหน้านี้เพียงบังคับใช้กับการเดินทางเท่านั้น บัตรผ่านสุขภาพของสวีเดนมีเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว หรือมีผลตรวจโควิดเป็นลบ ภายใน 72 ชั่วโมง หรือหายจากการป่วยโควิดแล้วไม่เกิน 6 เดือน
ทางการได้เริ่มกลับมาตรวจหาเชื้อในผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้วอีกครั้ง หลังจากได้ยกเลิกไปแล้วก่อนหน้านี้
ยูเครน
ตั้งแต่ 9 ธันวาคม เป็นต้นไป ข้าราชการและนักสังคมสงเคราะห์ ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน จะถูกไล่ออก ประธานาธิบดี Volodymyr Zelensky ประกาศเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน ให้รางวัล 33 ยูโรสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว หวังกระตุ้นให้ประชาชนเข้ารับการฉีดมากขึ้น
ตัวเลขผู้ได้รับวัคซีนครบโดสในยูเครนอยู่ระหว่าง 20-28%
สวิตเซอร์แลนด์
ทางการสวิสฯ ยกระดับมาตรการกักตัวผู้เดินทางจากต่างชาติ เริ่มตั้งแต่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา เป็นผลจากความวิตกเกี่ยวกับโอมิครอน กำหนดให้ผู้เดินทางต้องตรวจก่อนเดินทางและตรวจซ้ำเมื่อเดินทางถึง
ชาวสวิสมีฉันทามติยอมรับ กฏหมายโควิด-19 ของรัฐบาล ที่มีสาระในการบังคับกฏต่างๆ รวมทั้งเงื่อนไขหนังสือรับรองโควิดที่เป็นที่ถกเถียงและมาตราการเยียวยาต่างๆ
สวิสฯ กำหนดให้ต้องแสดงบัตรสุขภาพในการเข้าใช้หรือรวมกลุ่มในพื้นที่หรือกิจกรรมสาธารณะ
บัลแกเรีย
สถานการณ์การติดเชื้อเริ่มดีขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงหลักพีคไปแล้วเมื่อเดือนตุลาคม จำนวนผู้ฉีดวัคซีนยังอยู่ในอัตราที่ต่ำ เพียง 1 ใน 4 ของประชากรเท่านั้น (6.8-6.9 ล้านคน - worldometers)
โครเอเชีย
ทางการประกาศมาตรการเข้มงวดบังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐ ลูกจ้างและครูโรงเรียนต้องฉีดวัคซีน เริ่มมีการประท้วงมาตรการนี้ในซาเกร็บ โครเอเซียมีประชากรราว 4.04 ล้านคน ในจำนวนนี้มีผู้ฉีดวัคซีนเข็มแรกราว 53% มีเพียง 57% ของประชากรวัยผู้ใหญ่ 3.3 ล้านคนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว (1.88 ล้านคน - worldometers)
EURO News