ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

FDA และ CDC สหรัฐอนุมัติไฟเซอร์เป็นบูสเตอร์ในวัยรุ่น 16-17 ได้แล้ว

FDA และ CDC สหรัฐอนุมัติไฟเซอร์เป็นบูสเตอร์ในวัยรุ่น 16-17 ได้แล้ว Thumb HealthServ.net
FDA และ CDC สหรัฐอนุมัติไฟเซอร์เป็นบูสเตอร์ในวัยรุ่น 16-17 ได้แล้ว ThumbMobile HealthServ.net

9 ธันวาคม 64 FDA และ CDC สหรัฐอนุมัติให้สามารถใช้วัคซีนไฟเซอร์ไบออนเทค ฉีดเป็นเข็มกระตุ้นบูสเตอร์ในเด็กอายุ 16-17 ปีได้ ห่างจากเข็มสอง 6 เดือน

 
FDA โดย รักษาการ ผอ. FDA แจเน็ต วู๊ดค๊อค มีคำกล่าวดังนี้
"การฉีดวัคซีนเข็มหลัก และเข็มกระตุ้น ร่วมกับมาตรการป้องกันด้วยการสวมหน้ากากอนามัย เลี่ยงกลุ่มฝูงชนหรือสถานที่อาการถ่ายเทไม่ดี จะเป็นกลไกสู้โควิดที่มีประสิทธิภาพ รวมถึง ประชาชนที่รวมกลุ่มพบปะกันในครอบครัวหรือญาติมิตรในช่วงเทศกาลวันหยุด ก็ขอให้คงมาตรการป้องกันอย่างที่เคยเป็นมาเอาไว้เช่นเดิม ด้วยการระบาดของทั้งเดลต้าและโอมิครอนยังคงมีอยู่ วัคซีนจะเป็นเครื่องป้องกันที่ดีที่สุด" 

 
ด้าน CDC ได้อนุมัติการฉีดไฟเซอร์ในวัยรุ่น 16-17 ปี ด้วยเช่นกัน 
 
"วันนี้ CDC ขอย้ำความสำคัญของเข็มกระตุ้นและเชิญชวนให้ผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นเข้ารับการฉีด  แม้ข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน จะยังไม่มากพอในขณะนี้ แต่ข้อมูลเบื้องชี้ว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะช่วยป้องกันโอมิครอนและสายพันธุ์อื่นๆ ได้  เราทราบว่าวัคซีนนั้นปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ และดิฉันเชิญชวนให้วัยรุ่น 16-17 ปี เข้ารับการฉีดเข็มกระตุ้นในทันที หากได้รับวัคซีนไฟเซอร์ครบไปแล้วเกิน 6 เดือน" ดร.โรเชล วาเลนสกี ผอ.CDC แถลงการณ์
 

สหรัฐมีประชากรวัยรุ่นกลุ่มนี้ที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสไปแล้ว ราว 4.7 ล้านคน และมีกว่า 2.5 ล้านคนที่เลยระยะเวลา 6 เดือนจากเข็มที่สองไปแล้ว 
 
ขณะนี้มีเพียงวัคซีน mRNA ของ ไฟเซอร์เท่านั้นที่ได้รับอนุมัติให้ฉีดในกลุ่ม 16-17 ปีนี้ได้ 
 
FDA อนุมัติการฉีดกระตุ้นให้วัยรุ่นรอบนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ไฟเซอร์เผยแพร่ข้อมูลระบุว่าวัคซีนเข็มบูสเตอร์จะช่วยปกป้องโอมิครอนได้ 
 
จำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอนในสหรัฐยังต่ำกว่า 100 ราย แต่ CDC คาดว่าจะสูงขึ้นอีกมาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้
 
 
 Reuters , CDC, FDA

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด