ข้อมูลบริการสุขภาพ

เพจ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว โพสต์ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 64 พาดหัวและเนื้อหา ดังนี้

ธุรกิจประกันภัย หวั่น ‘โอมิครอน’ ระบาด คาดสิ้นปีขาดทุนทะลุ 40,000 ล้าน หากระบาดหนัก ค่าสินไหม อาจพุ่งสูง  110,000 ถึง 180,000 ล้านบาท และอาจได้เห็นบริษัทประกันวินาศภัย ปิดตัวลงอีก วอน คปภ.ทบทวนยกเลิกคำสั่งนายทะเบียน เพื่อให้สามารถบอกเลิกความคุ้มครอง “เจอ จ่าย จบ” 
 

นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยภาพรวมธุรกิจประกันภัย ยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากการรับประกันโควิด-19 “เจอ จ่าย จบ” ซึ่ง ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พบว่า ขาดทุนจากการรับประกันภัยแล้ว 37,000 ล้านบาท หรือ เฉลี่ยมียอดเคลมประกันประมาณ 3,000 คนต่อวัน และคาดว่าในสิ้นปีนี้ จะขาดทุนจากการรับประกันภัย สูงถึง 40,000 ล้านบาท
 

ที่น่าห่วง คือ ยังมีกรมธรรม์โควิด-19 เหลืออยู่อีก 7 ถึง 8 ล้านฉบับ ซึ่งส่วนใหญ่จะสิ้นสุดในช่วงเดือนมิถุนายนปีหน้า จึงค่อนข้างเป็นกังวลว่า หากโควิดโอมิครอน ระบาดหนัก จะยิ่งส่งผลกระทบต่อบริษัทประกัน เนื่องจากขณะนี้ หลายบริษัทกำลังประสบปัญาหาขาดสภาพคล่อง
 

ทั้งนี้ ประมาณการว่า หากโควิดโอมิครอนระบาดหนัก มีผู้ติดเชื้อกลับไปสูงระดับหลายหมื่นรายต่อวันอีก ค่าสินไหมทดแทน อาจพุ่งสูงถึง 110,000 ถึง 180,000 ล้านบาท และอาจได้เห็นบริษัทประกันวินาศภัย ปิดตัวลงอีก

ทางรอดเดียวในขณะนี้ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย ระบุว่า คปภ.จะต้องทบทวนยกเลิกคำสั่งนายทะเบียน เพื่อให้สามารถบอกเลิกความคุ้มครอง “เจอ จ่าย จบ” ได้ เพราะหากให้บริษัทล้ม จะยิ่งส่งผลกระทบต่อผู้เอาประกันภัยประเภทอื่น ซึ่งที่ผ่านพบว่า การปิด 1 บริษัท จะกระทบผู้เอาประกันมากกว่า 2 ล้านคน ซึ่งยังไม่นับรวมธุรกิจอื่น

 

อีกทัศนะ

 

เพจ เขียนไว้ให้เธอ (28 ธันวาคม 64) ได้กล่าวถึงประเด็นไวรัสโอมิครอน ที่จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อธุรกิจประกันภัย  ทัศนคติของประชาชนที่ส่อจะให้เกิดความสุ่มเสี่ยง และชี้ว่าเดือนเมษายน 65 จะเป็นห้วงเวลาสำคัญที่จะต้องติดตามผลกระทบที่แท้จริง 

เนื้อหาดังนี้
 

โอไมครอนที่กำลังเริ่มแผลงฤทธิ์จนต้องรีบปิดประเทศนั้น อาจจะมีผลร้ายมากกว่าที่เราคิด ไม่ใช่ทางสาธารณสุขแต่อย่างเดียว แต่ด้วยเพราะความที่มันติดง่าย ป่วยน้อย หายเร็ว นั้น อาจจะทำให้เกิด moral hazard ที่รุนแรงและนำมาสู่หายนะทางเศรษฐกิจลูกใหญ่ลูกหนึ่งซึ่งก็คือวงการประกัน
 

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ โดยหลักการเป็นประกันที่ดีที่ช่วยทำให้บรรเทา ช่วยเฉลี่ยความเสี่ยงภัยโควิดเหมือนประกันอื่นๆ  แต่ด้วยของที่ขายกันไปสิบล้านฉบับแล้วเคสโควิดมาเยอะเกินที่คงจะเกินที่ประมาณการกันไว้ แล้วเจอเคลมกันจนหลายเจ้าถึงกับทุนหมดและต้องปิดกิจการ เจ้าที่เหลือก็บาดเจ็บสาหัส ขนาดที่ทำกำไรอีกยี่สิบปียังไม่รู้จะได้คืนรึเปล่า  เราอาจจะก่นด่าประกันที่โลภมาก ไม่ประเมินความเสี่ยงให้ดี หรืออะไรก็แล้วแต่ ทำเจอ จ่าย จบ จนเจ๊ง สมน้ำหน้าแล้วอะไรก็ว่าไป แต่ปัญหายังไม่จบเท่านี้  เพราะกรมธรรม์จำนวนสิบล้านฉบับที่ยังมีผลอยู่นั้นยังอยู่ถึงอย่างน้อยก็เมษายน  
 

ลำพังตัวโอไมครอนเองก็อาจจะทำให้ระบาดเพิ่มอยู่แล้วด้วยความที่ติดง่าย  แต่ไม่น่าเชื่อว่าการฉีดวัคซีนกันได้ร้อยล้านโดสอาจกลายเป็นตัวเร่งปฏิกริยาความหายนะเพิ่มอีก    ผู้ใหญ่ท่านนึงไปตีกอล์ฟ  แคดดี้บอกว่าอยากติดโควิดเพราะซื้อประกันไว้สามฉบับและฉีดวัคซีนแล้ว ถ้าติดก็จะได้เงินตั้งสามแสน    ลูกน้องของคนที่ผมรู้จักอีกคนก็เพิ่งติดแล้วได้มาสี่แสน เป็นครั้งแรกที่จับเงินเยอะขนาดนี้เหมือนถูกหวย  ก็โม้แหลกแถมชวนญาติๆที่ฉีดวัคซีนแล้วแบบทีเล่นทีจริงว่า โอไมครอนเป็นโอกาสที่น่าโดนมากเพราะอาการน้อย โอกาสได้เงินแสนสูงมาก
 

ผมเขียนเรื่องนี้ใน FB ส่วนตัว น้องที่ทำงานสื่อก็บอกว่าคนขับรถที่ออฟฟิศพูดว่าอยากติดโควิดเพราะมีประกันกับฉีดวัคซีนแล้วเพราะมีเพื่อนได้ตังมาใช้หนี้หมดเลย พูดซ้ำๆจนดูท่าจะเอาจริง องค์ประกอบของโอไมครอน  วัคซีน และกรมธรรม์เจอ จ่าย จบ ที่ได้ทีเหมือนแจคพอท  มีโอกาสจะทำให้โควิดระบาดในมุมที่ปิดประเทศก็ไม่ช่วย แถมอาจจะเขย่าเสาหลักเศรษฐกิจบ้านเราที่สำคัญเสาหนึ่งก็คือ อุตสาหกรรมประกัน
 

สถานการณ์ตอนนี้ บริษัทประกันเริ่มล้มหายตายจาก ถ้ามีการแพร่ระบาดครั้งใหญ่อีกรอบก็จะมีประกันล้มเพิ่ม เวลาล้ม ปัญหาจะตกกับคนที่ประกันบ้าน รถ หรืออื่นๆกับบริษัทประกันที่ปิดไปก็จะต้องมาเคลมกับเงินกองทุนประกัน   เงินกองทุนประกันที่มีอยู่ก็แค่ประมาณ 5 พันล้าน ไม่มีทางพอแน่ๆเพราะถ้าโควิดระบาดหนักอีก  การเคลมจะเป็นหลายหมื่นล้าน รัฐก็จะต้องเข้ามาอุ้มอาจจะต้องใช้ภาษีประชาชนในที่สุด และจะกระทบกับความเชื่อมั่นของการประกันในบ้านเราอย่างมาก
 

เจอ จ่าย จบ จะหมดเดือนเมษายน  ตอนนี้ต้องภาวนาว่าขอให้โอไมครอนไม่กลายเป็นสึนามิของวงการประกันในสองสามเดือนนี้  หวังว่าคนที่อยากติดเพื่อเอาประกันจะไม่เยอะมากพอที่จะทำให้กลายเป็นการระบาดวงกว้างและทุกอย่างพออยู่ในการควบคุมได้ทั้งสาธารณสุขและการเคลมประกัน   เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องภาวนาว่าอย่าให้เป็นจริงเลย