WHO โดยหัวหน้าฝ่ายเทคนิคของภารกิจโควิด-19 “ดร.มาเรีย ฟาน เคอร์คอฟ” ได้แถลงอัปเดตสถานการณ์การระบาดของโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย XBB และ BQ.1 เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมาดังนี้
- WHO และภาคีทั่วโลกได้เฝ้าติดตามโอไมครอนกลายพันธุ์สายพันธุ์ย่อยที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างใกล้ชิด พบว่ากว่าร้อยละ 80 ของตัวอย่างส่งมาถอดรหัสพันธุกรรมที่ห้องปฏิบัติการทั่วโลกยังคงเป็นโอไมครอนสายพันธุ์ BA.5
- WHO และชาติสมาชิกพบว่าโอไมครอนซึ่งจัดเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล (variant of concern: VOC) ได้มีการกลายพันธุ์ไปมากกว่า 300 สายพันธุ์ย่อย ทำให้ WHO ได้เพิ่มหมวดใหม่ให้กับระบบติดตามโอไมครอนคือ “โอไมครอนสายพันธุ์ย่อยที่ควรเฝ้าติดตาม (Omicron subvariants under monitoring) เช่น BQ.1 และ XBB เพื่อส่งสัญญาณไปยังหน่วยงานสาธารณสุขทั่วโลกได้ร่วมติดตามเฝ้าระวังโอไมครอนสายพันธุ์เหล่านี้เป็นพิเศษว่าจะเป็นภัยคุกคามต่อสุภาพของประชาชนทั่วโลกหรือไม่เมื่อเทียบกับโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยอื่นโดยหากพบว่าสายพันธุ์เหล่านี้มีลักษณะพันธุ์กรรมจีโนมและสามารถก่อโรคที่รุนแรงต่างไปจากโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม WHO อาจพิจารณาตั้งชื่อเรียกใหม่
- จากการถอดรหัสพันธุกรรมโอไมครอนทั่วโลก WHO และเครือข่ายพบโอไมครอนสองสายพันธุ์ย่อย “XBB” และ “BQ.1” ที่มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่าโอไมครอนทุกสายพันธุ์ในปัจจุบัน แต่ไวรัสสองสายพันธุ์ย่อยดังกล่าวยังคงมีการแพร่ระบาดในระดับต่ำ (low level of circulation) กล่าวคือเพิ่มจำนวนอย่างช้าๆเมื่อเทียบกับโอไมครอน BA.5
- โอไมครอน XBB เป็นสายพันธุ์ลูกผสม (recombinant) ระหว่าง BA.2.10.1 และ BA.2.75 ในขณะที่โอไมครอน BQ.1 เป็นเหลนของ BA.5
- เป็นที่น่ายินดีที่ทั่วโลกยังไม่พบผู้ติดเชื้อโอไมครอน XBB หรือ BQ.1 ที่มีอาการรุนแรงต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นหรือแตกต่างไปจากโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม เช่น BA.1,BA.2,BA.4 และ BA.5 อย่างมีนัยสำคัญ
- แต่ WHO มิได้ประมาทยังคงร่วมมือกับชาติสมาชิกเฝ้าติดตามการแพร่ระบาดของโอไมครอนทุกสายพันธุ์ย่อยอย่างใกล้ชิดต่อไป
- WHO เน้นย้ำว่าการตรวจวินิจฉัยด้วย ATK, PCR, และการถอดรหัสพันธุกรรมยังคงดำเนินการได้เป็นปรกติกับโอไมครอน BQ.1 และ XBB
- วัคซีนยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดิมในการป้องกันการติดเชื้อที่เจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตกับบรรดา “โอไมครอนสายพันธุ์ย่อยที่ควรเฝ้าติดตาม (Omicron subvariants under monitoring) BQ.1 และ XBB
"สรุป (โดย WHO)" การติดตามวิวัฒนาการ(ธรรมชาติของการกลายพันธุ์) ของไวรัสโคโรนา 2019 จะช่วยทำให้เราสามารถประเมินสถานการณ์และวางนโยบายเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ในการควบคุม ป้องกัน และรักษาได้ถูกอย่างถูกต้อง ทั้งนี้แต่ละประเทศจำเป็นต้องมีระบบการเฝ้าระวังไวรัสอย่างต่อเนื่อง (sustained surveillance) – มีการวางแผนและจัดการการทดสอบทางห้องปฏิบัติการและการถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสโคโรนา 2019 ทั้งจีโนมจากตัวอย่างจากทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลจากองค์กรต่างๆ
ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งยุโรป (the European Center for Disease Prevention and Control: ECDC) และ สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพของสหราชอาณาจักร (the United Kingdom’s Health Security Agency: HSA) แสดงข้อมูลตรงกันว่าจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เริ่มลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว ประมาณ 2%
ดร. แมรี แรมซีย์ (Mary Ramsay) ผู้อำนวยการ HSA กล่าวว่าจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลที่ลดลงชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จของโครงการส่งเสริมการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของประเทศที่ผ่านมา ซึ่งในระหว่างนั้นมีประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นถึง 10 ล้านคน อย่างไรก็ตามเธอเตือนประชาชนว่าอย่าพึ่งนอนใจ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยต่างๆ อาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้งในช่วงฤดูหนาวที่กำลังมาเยือน
"ดร. อเล็กซ์ เซลบี้ (Alex Selby)" นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษได้คำนวณอัตราการเพิ่มจำนวนของโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยต่างๆและจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารักษาตัวใน รพ. และเสียชีวิตเนื่องจากโควิด-19 ในอังกฤษ คาดการ (จากการคำนวณ) ว่าจากนี้จนถึงปลายปี 2565 “ไม่น่าจะมีการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ (ในอังกฤษ)” จากโอไมครอน เพราะในขณะนี้ดูเหมือนสายพันธุ์ย่อยที่ก้าวร้าวที่สุด (BQ.1.1, XBB.1 ...) มีการเพิ่มจำนวนอย่างช้าๆ ในขณะที่โอไมครอน BA.5 ลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Centers for Disease Control and Prevention: U.S. CDC) รายงานว่าสัดส่วนโอไมครอน BA.5 และ BA.4.6 ลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือ 49.6% และ 9.6% ในขณะที่ BQ.1 และ BQ.1.1 เพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 14% และ 13.1% ตามลำดับ โดยจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาตังใน รพ. และเสียชีวิตจากการติดเชื้อโอไมครอนมิได้เพิ่มขึ้น
WHO ได้เพิ่มหมวดใหม่ให้กับระบบติดตามโอไมครอนคือ “โอไมครอนสายพันธุ์ย่อยที่ควรเฝ้าติดตาม (Omicron subvariants under monitoring) เช่น BQ.1 และ XBB
U.S. CDC รายงานสัดส่วนโอไมครอน BA.5 และ BA.4.6 ลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือ 49.6% และ 9.6% ในขณะที่ BQ.1 และ BQ.1.1 เพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 14% และ 13.1% ตามลำดับ โดยจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาตังใน รพ. และเสียชีวิตจากการติดเชื้อโอไมครอนมิได้เพิ่มขึ้น
กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อโอไมครอน และโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย XBB ประจำสัปดาห์ลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลความรุนแรงของการเกิดโรค (severity)
จากข้อมูลในรอบ 28 วันของประเทศสิงคโปร์ที่ผ่านมา
- พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวน 177,904 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ หรืออาการไม่รุนแรงแยกตัวอยู่บ้าน 99.7%
- ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลและต้องให้ออกซิเจน 0.2%
- ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องเข้ารักษาตัวใน ICU จำนวน 0.04% และ
- ผู้ที่เสียชีวิตเนื่องจากการติดเชื้อโควิด-19 จำนวนเพียง 0.02%
ประชากรสิงคโปร์ได้รับวัคซีนครบโดส 92%, ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นถึง 80% โดยกลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบางได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง