ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

[update] จับตาโควิดในจีน กับเส้นทางสู่การผ่อนคลายซีโร่โควิดและเปิดประเทศ

[update] จับตาโควิดในจีน กับเส้นทางสู่การผ่อนคลายซีโร่โควิดและเปิดประเทศ HealthServ.net
[update] จับตาโควิดในจีน กับเส้นทางสู่การผ่อนคลายซีโร่โควิดและเปิดประเทศ ThumbMobile HealthServ.net

[update] จีนประกาศนโยบายเปิดประเทศ เริ่ม 8 มกราคม 2023 - จีนกลับลำนโยบายมาตรการโควิดเป็นศูนย์หรือซีโร่โควิด หลังจากเป็นที่จับตาจากนานาชาติทั่วโลกอย่างใกล้ชิด เป็นการปรับเปลี่ยนที่ช็อคโลกไม่น้อย ทางการจีนมีการดำเนินการอย่างใดต่อไป


ทั้งนี้คำตอบของคำถามเหล่านี้จะต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงของสถานการณ์โควิดในประเทศจีนเป็นหลัก ด้วยโควิดยังคงพบการระบาดอยู่ในหลายมณฑล ในหลายเมือง การรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และดูจะมีแนวโน้นเพิ่มขึ้นอยู่ ขณะที่ประชาชนชาวจีน เริ่มแสดงออกมากขึ้นต่อมาตรการเข้มงวด ที่ส่งผลกระทบกับชีวิต สังคม และธุรกิจมายาวนาน ทุกฝ่ายกำลังจับจ้องไปยังทางการว่าจะมีการดำเนินมาตรการอย่างใด เพื่อรับมือและคลี่คลายสถานการณ์ที่เรียกว่าค่อนข้างจะเขม็งเกลียวไม่น้อย


จากนี้ไปบทความนี้จะทำการรวบรวม ติดตามอัพเดตสถานการณ์ในประเทศจีน อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เห็นทิศทางว่าจะดำเนินไปอย่างไร โดยอ้างอิงแหล่งข่าวจากสำนักข่าวในไทยและต่างประเทศ

 
[update] จับตาโควิดในจีน กับเส้นทางสู่การผ่อนคลายซีโร่โควิดและเปิดประเทศ HealthServ

28 พ.ย. จำนวนผู้ติดเชื้อในกว่างโจว และฉงชิ่ง ลดลง และจำนวนรวมก็ลดลง

CNBC รายงานอ้างข้อมูลจากปักกิ่ง รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงต่ำกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าอีกครั้ง นับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน กล่าวคือจำนวนผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการ รวม 38,421 ราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่มีจำนวน 40,052 ราย เมืองที่มีผู้ติดเชื้อลดลงอย่างมากได้แก่เมืองกว่างโจว และฉงชิ่ง ซึ่งทั้งสองเมืองมีการระบาดหนักที่สุดในรอบล่าสุด และที่สำคัญไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ส่วนเมืองใหญ่อย่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น

โอมิครอน BF.7 เป็นสายพันธุ์หลักที่กรุงปักกิ่ง

โอมิครอน BF.7 (หนึ่งในบรรดาลูกของ BA.5) ขณะนี้ระบาดเป็นสายพันธุ์หลักที่กรุงปักกิ่งประเทศจีน เกิน 1,000 รายต่อวันโดยไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง 
 
ไวรัสโคโรนา 2019 ที่ระบาดใหญ่ในนครปักกิ่งขณะนี้มี 3 สายพันธุ์คือ BF.7, BA.5.2, และ BA.5.1.7 ซึ่งคาดว่าแพร่มาจากแถบมองโกเลีย ในประเทศจีน โดยมี BF.7 เป็นสายพันธุ์หลัก มี 5 อาการที่พบบ่อยคือ คัดจมูก เจ็บคอ ไอ อ่อนเพลีย และน้ำมูกไหล
 
โอมิครอน BF.7  ซึ่งเป็นรุ่นลูกของ BA.5 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BA.5.2, BA.5.1.7 ประมาณ 22% ทำให้เกิดระบาดเป็นสายพันธุ์หลักในกรุงปักกิ่งได้ [Center for Medical Genomics

รัฐบาลกรุงปักกิ่ง เปิดเผยถึงความคืบหน้าในความพยายามเร่งฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงให้มากขึ้น เพื่อให้เข้าใกล้โอกาสเปิดเมืองเปิดประเทศ โดยสัดส่วนผู้สูงอายุเกิน 80 ปีที่ได้รับวัคซีนแล้ว 65.8% ขณะที่มีเพียง 40% เท่านั้นที่ได้รับเข็มกระตุ้น ถือว่าเป็นจำนวนที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับสหรัฐหรือสิงคโปร์ ทางการไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่าจะกระจายการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นอย่างไร [CNBC]

29 พ.ย. อุรุมชี ทยอยฟื้นคืนบริการขนส่งสาธารณะและดำเนินธุรกิจที่จำเป็น

นครอุรุมชี ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เริ่มทยอยฟื้นคืนบริการขนส่งสาธารณะและดำเนินธุรกิจที่จำเป็นอีกครั้งตั้งแต่วันจันทร์ (28 พ.ย.) ขณะการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในเมืองทุเลาลง ผู้คนในเมืองเริ่มออกมาทำงานและจับจ่ายซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าท้องถิ่นแล้ว

ผู้เชี่ยวชาญจีนคาด จีนจะผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ในเดือนมีนาคมปีหน้า CNBC

สำนักข่าว CNBC ได้รายงานว่า หลี่เต้าขุย(李稻葵) ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ของ Mansfield Freeman ของมหาวิทยาลัยชิงหวา เเละเคยเป็นถึงอดีตที่ปรึกษาธนาคาร Bank of Chinaได้ให้ความเห็นในช่อง CNBC ว่า จีนอาจผ่อนคลายนโยบายโควิดอย่างเห็นได้ชัดในเดือนมีนาคมปีหน้า! 
 
ในขณะนี้รัฐบาลจีนกำลังมุ่งเน้นไปที่สุขภาพผู้สูงอายุก่อน โดยเฉพาะในฤดูหนาว การเเพร่ของเชื้อโควิด-19 จะเป็นไปได้ง่ายขึ้น
 
นับตั้งเเต่โลกเผชิญการระบาดโควิดที่ผ่านมา จีนมีมาตรการปิดประเทศมานานถึง 3 ปีเเล้ว เเละส่งผลให้ GDP จีนโตต่ำกว่า 3%
 
หลี่เต้าขุยกล่าวเสริมว่า ก่อนหน้านั้นหลายบริษัทย้ายฐานการผลิตมาที่จีน เพราะมองว่ามั่นคง เป็นจุดศูนย์รวมการพัฒนาต่างๆ เเต่ปรากฎว่าจากการเเพร่ระบาดโควิดที่ผ่านมา ทำให้หลายบริษัทเปลี่ยนความคิด เเละสร้างฐานผลิตในประเทศตนเองเเละประเทศอื่นเเทนเพื่อกระจายความเสี่ยง
 
เมื่อช่วงล่าสุดก่อนหน้า ได้เกิดการประท้วงในหลายจุดที่จีน จากมาตรการโควิดเป็นศูนย์อันเข้มงวดมากไป กระทบการประกอบอาชีพเเละการใช้ชีวิต จึงเกิดเสียงเรียกร้องให้ผ่อนคลายความเข้มงวดลง
 
ทางการจีนได้ตอบสนองข้อเรียกร้องดังกล่าวด้วยการเร่งระดมฉีดวัคซีนผู้สูงอายุให้มากขึ้น 
 
อีกทั้งก่อนหน้านั้นก็กำลังพิจารณาอนุมัติวัคซีนตะวันตกเเบบ mRNA ของเยอรมนี เเละได้ปรับรายละเอียดนโยบายโควิดเป็นศูนย์หลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นจากเเต่เดิม ปิดหมดทั้งเมือง ก็เปลี่ยนเป็นปิดเฉพาะจุด จากเเต่เดิมกักตัวผู้สัมผัสผู้ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อก็เปลี่ยนเป็น กักตัวเฉพาะผู้ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อเท่านั้น ปรับลดระยะเวลาการกักตัวลง ยกเลิกการตรวจครั้งละจำนวนมาก ฯลฯ
 
หลี่เต้าขุย ศ.ด้านเศรษฐศาสตร์ ได้ให้ความเห็นเพิ่มต่ออีกว่า หากจีนผ่อนคลายนโยบายโควิดจากศูนย์ในเดือนมีนาคมเเล้ว จีนจะยังคงเผชิญเศรษฐกิจซบเซา เเละปัญหาสภาพคล่องอสังหาฯ 
 
ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลจีนควรทำคือ ปรับโครงสร้างหนี้ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เเละกระตุ้นเศรษฐกิจ
 
เมื่อเราพิจารณาความเห็นท่านหลี่เต้าขุย จะเห็นได้ว่า ช่วงฤดูหนาวนี้โควิดจะเเพร่ระบาดได้ง่าย เดือนมกราคมเป็นเทศกาลปีใหม่ เดือนกุมภาพันธ์เป็นเทศกาลตรุษจีนที่มีการเฉลิมฉลอง เเละเดินทางจำนวนมาก
 
ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดผู้เสียชีวิตเเละอาการหนักอันควบคุมไม่ได้จากประชากรจีน 1,400 ล้านคน(สหรัฐฯ 300 ล้านคน)  มีเเนวโน้มว่าทางการจีนอาจยังคงเข้มงวดนโยบายไปจนถึงเดือนมีนาคมปีหน้าเพื่อผ่านช่วงฤดูหนาว เเละเทศกาลดังกล่าวไปก่อน [Insight การเมืองเศรษฐกิจโลก 30 พ.ย.65]

1 ธ.ค. รายงานผู้ติดเชื้อโควิดในจีน ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน

จีน รายงานผู้ติดเชื้อโควิดในท้องถิ่น 4,080 ราย (30 พ.ย.) พบผู้ติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการ 31,720 ราย ผู้ป่วยที่หายดีและออกจากโรงพยาบาล 2,419 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม คงยอดผู้เสียชีวิตไว้ที่ 5,233 ราย ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 

ก่อนหน้านี้ (29 พ.ย.) ทางการจีนเปิดเผยแผนการเร่งฉีดวัคซีนในผู้สูงอายุ กลุ่มเปราะบาง ที่มีอายุตั้งแต่ 60-80 ปี ขึ้นไป เพื่อลดความเสี่ยงเจ็บหนังหรือขั้นวิกฤต หรือเสี่ยงเสียชีวิต โดยรัฐบาลจะเร่งดำเนินการผ่านหน่วยงานท้องถิ่น พร้อมกับรับรองภาวะความรับผิดชอบของเขตอำนาจศาลท้องถิ่นในการดำเนินการดังกล่าว

1 ธ.ค.65 - ปักกิ่งคลายกฏการตรวจหาเชื้อ

ปักกิ่ง (ซินหัว) รัฐบาลกรุงปักกิ่ง ประกาศปรับข้อกำหนดที่ผ่อนคลายลงในการควบคุมโรคโควิด เพื่อลดผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยุ่ของประชาชน มีหลายข้อที่สำคัญ ดังนี้
  • ผู้อยู่อาศัยท้องถิ่นที่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการตรวจคัดกรองกรดนิวคลีอิกระดับชุมชน หากพวกเขาไม่ได้จำเป็นต้องออกจากบ้านเรือนที่พักอาศัย เริ่มตั้งแต่วันพุธ (30 พ.ย.) ที่ผ่านมา
  • สั่งยกเลิกมาตรการการจัดการแบบปิดอย่างทันท่วงทีสำหรับชุมชนที่อยู่อาศัยที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์
  • อนุญาตซูเปอร์มาร์เก็ตที่ตรวจพบเชื้อไวรัสฯ กลับมาเปิดทำการหลังจากปิดหนึ่งวัน
  • ห้ามการตั้งสิ่งกีดขวางประตูอาคารและทางเข้าชุมชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงสูง พร้อมสั่งเปิดช่องทางสัญจรสำหรับการขนส่งทางการแพทย์ การอพยพฉุกเฉิน และการกู้ภัยด้วย

สวีเหอเจี้ยน โฆษกรัฐบาลเทศบาลกรุงปักกิ่ง แถลงข่าวว่าข้อกำหนดนี้ครอบคลุมคนหลายกลุ่ม อาทิ ผู้สูงอายุในบ้าน เด็ก และประชาชนที่ทำงานหรือเรียนหนังสือจากบ้าน




3 ธ.ค.รายงานผู้ติดเชื้อ 3,933 ราย ปักกิ่ง เสิ่นเจิ้น คลายมาตรการโควิด

จีน รายงานตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ติดเชื้อในท้องถิ่น 3,933 ราย ในวันศุกร์ (2 ธ.ค.) ที่ผ่านมา ติดเชื้อในท้องถิ่นแบบไม่แสดงอาการรวม 28,894 ราย และมีผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลหลังหายดีรวม 3,378 ราย

อนึ่ง แผ่นดินใหญ่ของจีนไม่มีรายงานผู้ป่วยโรคโควิด-19 เสียชีวิตเพิ่มเติมในวันศุกร์ (2 ธ.ค.) ทำให้ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตคงอยู่ที่ 5,233 ราย
 
เมืองซินเซียง มณฑลเหอหนานทางตอนกลางของจีน ติดตั้งอุปกรณ์ทดสอบกรดนิวคลีอิกด้วยตนเอง จำนวน 1,000 เครื่อง ในพื้นที่หลายมุมเมือง โดยส่วนใหญ่จัดวางอยู่ตามชุมชน โรงเรียน โรงพยาบาล ซูเปอร์มาร์เก็ต บริษัท และสถาบันต่างๆ ผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่สามารถเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งสำหรับทดสอบกรดนิวคลีอิกอย่างชำนาญภายในเวลาไม่ถึง 20 วินาที


ทางการท้องถิ่นนครกว่างโจว เมืองเอกของมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีน รายงานการตรวจพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) สะสม 162,700 ราย ระหว่างการกลับมาแพร่ระบาดรอบใหม่ โดยผู้ป่วยที่ติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการคิดเป็นราวร้อยละ 90 ของผู้ป่วยทั้งหมด จางอี้ รองผู้อำนวยการคณะกรรมการสุขภาพเทศบาลเมืองกว่างโจว กล่าวในการแถลงข่าวซึ่งจัดขึ้นที่กว่างโจวว่าในจำนวนนี้ ผู้ป่วย 4 รายมีอาการหนักขั้นวิกฤต ทว่ายังไม่มีรายงานพบผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด จางระบุว่าขณะนี้กว่างโจวมีเตียงสำหรับรองรับผู้ป่วยเกือบ 90,000 เตียง และเตียงในหอผู้ป่วยหนักมากกว่า 2,000 เตียงสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน เขตทุกแห่งในกว่างโจวได้จัดตั้งสถานที่เก็บตัวอย่างกรดนิวคลีอิกรวมกว่า 1,700 แห่ง ตั้งแต่วันศุกร์ (2 ธ.ค.) โดยมี 87 แห่งเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เขตไห่จู เทียนเหอ พานอวี๋ และลี่วานในกว่างโจวได้ยกเลิกมาตรการควบคุมชั่วคราวทั้งหมดเมื่อวันพุธ (30 พ.ย.) โดยพื้นที่ทั้งหมดยกเว้นพื้นที่เสี่ยงโรคโควิด-19 ระดับสูง ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่เสี่ยงระดับต่ำ หรืออยู่ภายใต้มาตรการควบคุมปกติ


ปักกิ่ง เสิ่นเจิ้น คลายมาตรการโควิด

แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโดยรวมทั้งประเทศจีนยังคงอยู่ในระดับสูง แต่บางเมืองบางมณฑลเริ่มขยับมาตรการหรือผ่อนคลายความเข้มงวดรวมถึงการกักตัวลงบ้างแล้ว หลังจากผลกระทบเริ่มปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ ทางเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะกับประชาชนจนเกิดการประท้วงเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา 
 
ทางการปักกิ่งยกเลิกจุดตรวจหาเชื้อหลายแห่ง พร้อมกับยกเลิกการแสดงผลตรวจ PCR เมื่อต้องเข้าใช้บริการซุปเปอร์มาเก็ต อาคารพาณิชย์ ที่พักอาศัยชุมชน และรถไฟใต้ดิน แต่สถานที่บางแห่งเช่น สำนักงาน โรงพยาบาล อินเตอร์เน็ตค่าเฟ่ คาราโอเกะ บาร์ ยิม โรงเรียนทุกระดับ ยังคงจำเป็นต้องแสดงผลตรวจ 48 ชั่วโมง กรณีการจัดกิจกรรมที่มีคนรวมตัวกันมาก เปิดโอกาสให้ผู้จัดหรือหน่วยงานใช้ดุลพินิจกำหนดมาตรการเอง (CGTN
 
นครเสิ่นเจิ้น เริ่มขยับมาตรการผ่อนคลาย โดยประกาศยกเลิกการแสดงผลตรวจเมื่อต้องเข้าไปใช้บริการขนส่งสาธารณะ ร้านอาหารหรือสวนสาธารณะ พร้อมกับยกเลิก การตรวจสอบยานพาหนะก่อนเดินทางด้วยเช่นกัน สอดคล้องไปกับมาตรการผ่อนคลายที่เกิดในเมืองใหญ่อื่นๆ อย่าง เฉิงตู เทียนจิน [CNBC]
 

4 ธ.ค. จีนรายงานผู้ติดเชื้อโควิดในท้องถิ่น 4,168 ราย

จีน รายงานพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ติดเชื้อในท้องถิ่น 4,168 ราย ในวันเสาร์ (3 ธ.ค.) ที่ผ่านมา ติดเชื้อในท้องถิ่นแบบไม่แสดงอาการรวม 27,433 ราย และมีผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลหลังหายดีรวม 3,341 ราย ขณะเดียวกันแผ่นดินใหญ่ของจีนตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตรวมอยู่ที่ 5,235 ราย

5 ธ.ค. จีนรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่ม 4,247 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม

จีน รายงานผู้ป่วยโควิด-19 ที่ติดเชื้อในท้องถิ่นเพิ่ม 4,247 ราย ในวันอาทิตย์ (4 ธ.ค.) ที่ผ่านมา ติดเชื้อในท้องถิ่นแบบไม่แสดงอาการรวม 25,477 ราย และมีผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลหลังหายดีรวม 3,913 ราย ขณะยอดผู้ป่วยเสียชีวิตยังคงรวมอยู่ที่ 5,235 ราย

6 ธ.ค. จีนรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่ม 5,046 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม

CGTN รายงานว่า แผ่นดินใหญ่จีนตรวจพบผู้ป่วยโควิด-19  (เมื่อ 5 ธ.ค.) ที่ติดเชื้อในท้องถิ่นเพิ่ม 4,988 ราย จากต่างประเทศ 58 ราย
  • จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ไม่แสดงอาการ รวม 23,016 ราย
  • ผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการที่อยู่ในการดูแลเฝ้าสังเกตการ 371,140 ราย
  • รวมจำนวนผู้ป่วยในจีนแผ่นดินใหญ่ 345,529 ราย
  • ผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลหลังหายดีรวม 3,913 ราย
  • ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตยังคงรวมอยู่ที่ 5,235 ราย

จำนวนผู้ป่วยแยกตามพื้นที่
  • ฮ่องกง 465,099 ราย (หายแล้ว 100,599 เสียชีวิต 10,826 ราย)
  • มาเก๊า 826 ราย (หายแล้ว 791 เสียชีวิต 6 ราย)
  • ไต้หวัน 8,379,467 ราย (หายแล้ว 13,742 เสียชีวิต 14,500 ราย) 
*กราฟแสดงจำนวนผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการ และ จำนวนผู้ติดเชื่อในท้องถิ่น (ไม่รวมจากต่างประเทศ - CGTN)

7 ธ.ค. จีนรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่ม 4,409 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม

CGTN แผ่นดินใหญ่จีนตรวจพบผู้ป่วยโควิด-19 (เมื่อ 6 ธ.ค.) ที่ติดเชื้อในท้องถิ่นเพิ่ม 4,351 ราย จากต่างประเทศ 58 ราย
  • จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ไม่แสดงอาการ รวม 20,912 ราย
  • ผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการที่อยู่ในการดูแลเฝ้าสังเกตการ 356,627 ราย
  • รวมจำนวนผู้ป่วยในจีนแผ่นดินใหญ่ 349,938 ราย
  • ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตยังคงรวมอยู่ที่ 5,235 ราย

จำนวนผู้ป่วยแยกตามพื้นที่
  • ฮ่องกง 466,509 ราย (หายแล้ว 100,900 เสียชีวิต 10,842 ราย)
  • มาเก๊า 827 ราย (หายแล้ว 791 เสียชีวิต 6 ราย)
  • ไต้หวัน 8,395,477 ราย (หายแล้ว 13,742 เสียชีวิต 14,522 ราย) 

9 ธ.ค. นักระบาดวิทยาจีน เร่งให้มีการฉีดวัคซีนกระตุ้นในกลุ่มเสี่ยง

จงหนานซาน นักระบาดวิทยาชั้นนำของจีน กระตุ้นเตือนการเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงอื่นๆจงเข้าร่วมการประชุมประจำปีของสมาคมทรวงอกแห่งชาติจีนผ่านระบบวิดีโอ และกล่าวว่าการเร่งฉีดวัคซีนเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญของการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 พร้อมเรียกร้องการฉีดวัคซีนปกป้องบุคลากรการแพทย์ที่ดียิ่งขึ้น

วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของจีนได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงในการลดอัตราการเสียชีวิต โดยความเสี่ยงเสียชีวิตของผู้ป่วยอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งฉีดวัคซีนโดสกระตุ้นแล้วในการระบาดในนครเซี่ยงไฮ้เมื่อช่วงครึ่งแรกของปีนี้ลดลงร้อยละ 98

จงกล่าวว่ายุทธศาสตร์การป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ของจีนประสบผลลัพธ์ยอดเยี่ยมและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก

โดยการวิจัยพบว่าเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน ยังคงสามารถแพร่เชื้อเพิ่มขึ้น แต่มีอัตราการเสียชีวิตลดลงต่อเนื่อง "การติดเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน อาทิ สายพันธุ์ย่อยบีเอ.5 (BA.5) และบีเอฟ.7 (BF.7) นั้นไม่มีอะไรน่ากลัว โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่สามารถฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ได้ภายใน 7-10 วัน" จงกล่าว (ซินหัวไทย)

12 ธ.ค. จีนประกาศยุติใช้รหัสเดินทางดิจิตอล LINK

12 ธ.ค. จีนประกาศยุติใช้รหัสเดินทางดิจิตอล [update] จับตาโควิดในจีน กับเส้นทางสู่การผ่อนคลายซีโร่โควิดและเปิดประเทศ
12 ธ.ค. จีนประกาศยุติใช้รหัสเดินทางดิจิตอล [update] จับตาโควิดในจีน กับเส้นทางสู่การผ่อนคลายซีโร่โควิดและเปิดประเทศ
CGTN รายงานเผยแพร่หนังสือจากทางการจีนระบุว่า จะยุติการใช้งานบริการรหัสเดินทางดิจิตอล วันที่ 13 ธันวาคม 2022 หลังจากที่ประกาศใช้มาแล้วเกือบ 3 ปี (ตั้งแต่ 13 กุมภาพันธ์ 2020) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อใช้ตรวจสอบประวัติการเดินทางของประชาชน โดยใช้งานผ่าน WeChat หรือ Alipay

13 ธ.ค. ฮ่องกงยกเลิกมาตรการกักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศ ยกเลิกใช้แอปโควิด LINK

ฮ่องกงเดินหน้าผ่อนคลายมาตรการโควิดครั้งสำคัญ จากการออกประกาศ โดย จอห์น ลี คา-ชู (John Lee Ka-chiu) ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ที่ระบุว่า ฮ่องกงจะยกเลิกมาตรการกักตัว ผู้ที่จะเดินทางเข้าฮ่องกง ตั้งแต่วันพุธที่ 14 ธันวาคม 2022 เป็นต้นไป รวมทั้งได้ยกเลิกการใช้แอปโควิดด้วย การยกเลิกมาตรการทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเปิดศูนย์กลางการเงินแห่งนี้ให้กลับมาทำงานอีกครั้ง และหวังว่าการเปิดฮ่องกงอีกครั้ง จะช่วยกระตุ้นการบริโภค การท่องเที่ยวและธุรกิจได้
 
แต่เดิมทางการกำหนดให้ใช้รหัสสีอำพัน สำหรับนักเดินทางต่างชาติที่เดินทางเข้าไปยังฮ่องกง ซึ่งหมายความว่า จะต้องถูกกักตัว 3 วันแรก และห้ามออกไปภายนอก ทั้งร้านอาหาร บาร์ 
 
แต่หลังจากวันพุธ 14 ธันวาคม มาตรการนี้จะถูกยกเลิก ทั้งผู้เดินทางชาวต่างชาติและผู้มีถิ่นพำนักในฮ่องกง ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ จะไม่ต้องถูกกักตัว เพียงแต่ต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 เป็นลบเมื่อเดินทางถึง  พร้อมกับยกเลิกการใช้แอปรหัสเดินทางดิจิตอล  ที่แต่เดิมต้องแสดงเพื่อเข้าใช้บริการสาธารณะ เช่น ร้านอาหาร ยิม คลับ ร้านเสริมสวย ซึ่งการยกเลิกนี้เป็นไปตามนโยบายของจีนแผ่นดินใหญ่ที่ยกเลิกไปแล้วก่อนหน้านี้  

14 ธ.ค. จีนหยุดเผยยอดผู้ป่วยโควิด-19 แบบไร้อาการ

เจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน เปิดเผยว่าจีนหยุดการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แบบไม่แสดงอาการ เริ่มตั้งแต่วันพุธ (14 ธ.ค.) เป็นต้นไป

หลี่ฉวิน หัวหน้าศูนย์เหตุฉุกเฉินทางสาธารณสุข สังกัดศูนย์ควบคุมฯ อธิบายว่าปัจจุบันการทดสอบกรดนิวคลีอิกเพื่อตรวจโรคโควิด-19 อยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์ "ดำเนินการทดสอบเฉพาะผู้ที่เลือกรับการทดสอบเท่านั้น" เป็นหลัก ผู้ติดเชื้อไวรัสฯ แบบไม่แสดงอาการจำนวนมากไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการทดสอบกรดนิวคลีอิก และไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาจากสถาบันสุขภาพ จึงเป็นการยากที่จะระบุจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสฯ แบบไม่แสดงอาการที่แท้จริงอย่างแม่นยำ

14 ธ.ค. ยอดเที่ยวบินในปักกิ่งพุ่ง หลังปรับมาตรการคุมโควิด-19

หน่วยงานกำกับควบคุมการบินพลเรือนประจำภูมิภาคตอนเหนือของจีน เปิดเผยว่ากรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศ ได้รับรองเที่ยวบินเพิ่มขึ้นในช่วงไม่นานนี้ หลังจากจีนปรับปรุงมาตรการรับมือการระบาดของโรคโควิด-19

จำนวนเที่ยวบินทั้งหมดที่ท่าอากาศยานนานาชาตินครหลวงปักกิ่ง และท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง ต้าซิง ในวันอาทิตย์ (11 ธ.ค.) เพิ่มขึ้นร้อยละ 169 จากช่วงต้นเดือนธันวาคม และคาดว่าจำนวนเที่ยวบินรายวันของสนามบินทั้งสองแห่งจะกลับมาอยู่ที่ร้อยละ 70 ของระดับปี 2019 ในอนาคตอันใกล้

เมื่อไม่นานนี้ จีนได้ประกาศมาตรการชุดใหม่เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความเหมาะสมของการควบคุมโรคระบาด อาทิ การเสนอให้ผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยหรือไม่มีอาการกักตัวที่บ้าน และการลดการทดสอบกรดนิวคลีอิกเพื่อประชาชนเดินทางและเข้าถึงสถานที่สาธารณะง่ายขึ้น

ทั้งนี้ ผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องแสดงรหัสสุขภาพและผลทดสอบกรดนิวคลีอิกที่เป็นลบ หรือตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายเมื่อเข้าสู่สนามบินทั้งสองแห่งอีกต่อไปตามชุดมาตรการใหม่ด้วย (ซินหัว)

17 ธ.ค. จีนรายงานติดเชื่อในท้องถิ่น 2,229 ราย

จีนรายงานตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ติดเชื้อในท้องถิ่น 2,229 ราย ในวันศุกร์ (16 ธ.ค.) ที่ผ่านมา รายงานระบุว่าแผ่นดินใหญ่ของจีนมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 ออกจากโรงพยาบาลหลังหายดีรวม 2,649 ราย โดยไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มเติมในวันศุกร์ (16 ธ.ค.) ทำให้ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตยังคงอยู่ที่ 5,235 ราย

19 ธ.ค.จีนรายงานติดเชื่อในท้องถิ่น 1,918 ราย

จีนรายงานตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ติดเชื้อในท้องถิ่น 1,918 ราย ในวันอาทิตย์ (18 ธ.ค.) ที่ผ่านมา รายงานระบุว่าแผ่นดินใหญ่ของจีนมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 ออกจากโรงพยาบาลหลังหายดีรวม 1,344 ราย โดยไม่มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มเติมในวันอาทิตย์ (18 ธ.ค.) ทำให้ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตยังคงอยู่ที่ 5,237 ราย

20 ธ.ค.ปักกิ่งเร่งเพิ่มคลินิก 1,200 แห่ง เตรียมพร้อมดูแลคนป่วยโควิด สายการบินจีนเตรียมกลับมาบิน ม.ค. LINK

ปักกิ่ง เมืองหลวงของจีนเร่งขยายคลินิกเพิ่มกว่า 1,200 แห่ง รวมถึงโรงพยาบาลระดับทุติยภูมิ และศูนย์สุขภาพชุมชน พร้อมระดมจัดหาเวชภัณฑ์เต็มพิกัด พร้อมรองรับให้การดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีอาการไข้ที่มีเพิ่มในอัตราเร่ง หลังจากทางการจีนผ่อนปรนนโยบายและยกเลิกมาตรการควบคุมโควิดตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

สายการบินจีนจะกลับมาเปิดเที่ยวบินระหว่างประเทศเพิ่มเติมใน ม.ค. 2566

21 ธ.ค. ยอดผู้ป่วยใหม่ 3,049 ราย ไม่มีเสียชีวิต

จีนรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อในท้องถิ่น ในวันอังคาร (20 ธ.ค.) ที่ผ่านมา จำนวน 3,049 ราย ออกจากโรงพยาบาลหลังหายดีรวม 1,953 ราย และไม่มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตแตะที่ 5,241 ราย

22 ธ.ค. เซินเจิ้น เร่งเปลี่ยนจุดตรวจโควิดเป็นห้องให้คำปรึกษาสำหรับผู้ป่วยมีไข้

นครเซินเจิ้น มณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีน กำลังปรับเปลี่ยนตู้ทดสอบกรดนิวคลีอิกเป็นห้องให้คำปรึกษาสำหรับผู้ป่วยมีไข้ เช่นเดียวกับอีกหลายเมืองในประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามล่าสุดเพื่อรับมือกับจำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่เพิ่มขึ้น

เจ้าหน้าที่และผู้อาศัยในนครเซินเจิ้นเผยว่าหลายเขตของเมืองกำลังปรับเปลี่ยนตู้ทดสอบกรดนิวคลีอิกเป็นห้องให้คำปรึกษาที่สามารถให้บริการผู้ป่วยมีไข้และจ่ายยาขั้นพื้นฐาน เพื่อลดแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในโรงพยาบาลแห่งต่างๆ

สำนักสาธารณสุขเขตฝูเถียนของเซินเจิ้นระบุว่าตู้ทดสอบกรดนิวคลีอิกในท้องถิ่น จำนวน 53 ตู้ ถูกดัดแปลงเป็นห้องให้คำปรึกษาอาการไข้ ด้านศูนย์สุขภาพชุมชน 66 แห่งในเขตเป่าอันดำเนินการปรับเปลี่ยนการใช้งานตู้ทดสอบกรดนิวคลีอิกที่ถูกทิ้งร้างกลับมา

เฉินปี้ฉิน ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพชุมชนในเขตฝูเถียน กล่าวว่าห้องให้คำปรึกษาขนาด 4 ตารางเมตร สามารถรองรับแพทย์และผู้ป่วยได้ครั้งละ 1 คน พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ฆ่าเชื้อโรคและระบบระบายอากาศ โดยทำเลที่ตั้งของสถานที่เหล่านี้เอื้อให้ผู้อาศัยที่ป่วยเป็นไข้สามารถเข้ารับการรักษาได้สะดวก

บริษัทจัดหาตู้ทดสอบกรดนิวคลีอิกในเซินเจิ้นระบุว่าตู้ทดสอบกรดนิวคลีอิกจำนวนมากไม่ได้ถูกนำมาใช้งาน หลังรัฐบาลผ่อนปรนข้อบังคับการทดสอบกรดนิวคลีอิก โดยนอกจากถูกปรับเปลี่ยนเป็นห้องให้คำปรึกษาแล้ว ตู้ทดสอบบางแห่งยังถูกปรับเป็นห้องฉีดวัคซีนด้วย

ทั้งนี้ หลายเมืองของจีนเร่งเปิดคลินิกรักษาไข้และกักตุนยาเพิ่มขึ้น หลังพบจำนวนผู้ป่วยมีไข้จำนวนมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยนครกว่างโจว เมืองเอกของกว่างตง ได้เพิ่มจำนวนคลินิกไข้ในโรงพยาบาลจาก 114 เป็น 199 แห่ง เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญประเมินว่ากว่างโจวจะเผชิญการระบาดของโรคโควิด-19 แตะจุดสูงสุดช่วงต้นเดือนมกราคมนี้

ด้านกรุงปักกิ่งได้เปิดคลินิกไข้ชั่วคราวที่มีห้องให้คำปรึกษา 4 ห้อง ภายในโรงยิมกว่างอันในเขตซีเฉิงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมด้วยร้านขายยาชั่วคราวและคลังเก็บยา ซึ่งจัดเตรียมยาลดไข้และสิ่งจำเป็นอย่างเพียงพอ

25 ธ.ค. ปักกิ่ง เร่งตั้งคลินิกไข้ชั่วคราว

โรงพยาบาลบางแห่งในกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน ได้จัดตั้งคลินิกไข้ชั่วคราวภายในโรงยิมสำหรับให้บริการต่างๆ แก่ประชาชน เช่น การตรวจวินิจฉัยโรค การออกใบสั่งยา และการจ่ายยา เพื่ออำนวยความสะดวกกลุ่มผู้ป่วยที่มีไข้ในการเข้ารับการรักษาพยาบาล และรองรับความต้องการทางการแพทย์ของผู้อยู่อาศัย (ซินหัว)

26 ธ.ค.โรงงานยาในเทียนจินเร่งผลิตยารักษาโควิด

เหล่าพนักงานบริษัทเภสัชภัณฑ์ในเทศบาลนครเทียนจินทางตอนเหนือของจีน ทำงานผลิตและขนส่งยารักษาโรคอย่างแข็งขัน ขณะสายการผลิตยารักษาโรคในเทียนจินเร่งทำงานเต็มกำลังเพื่อขยายอุปทานยารักษาอาการเจ็บป่วยของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ภาพจาก ซินหัว)

27 ธ.ค. จีนเตรียมวัคซีนโควิด กว่า 10 ชนิด เพื่อฉีดกระตุ้นเข็มที่สอง

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญจากคณะทำงานเฉพาะกิจระหว่างหน่วยงานเพื่อการรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แห่งคณะรัฐมนตรีจีน เผยว่าปัจจุบันจีนมีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 รวม 13 ชนิด สำหรับฉีดเป็นวัคซีนโดสกระตุ้นที่สอง ซึ่งได้รับอนุมัติให้วางจำหน่ายในตลาดแบบมีเงื่อนไขหรือใช้งานในกรณีฉุกเฉิน

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญจากกลไกร่วมป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 แห่งคณะรัฐมนตรีจีน กล่าวว่าประชาชนส่วนใหญ่เลือกวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดมุ่งต้านเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน สำหรับฉีดเป็นวัคซีนโดสกระตุ้นที่สอง

แผ่นดินใหญ่ของจีนได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 กว่า 3,460 ล้านโดส เมื่อนับถึงวันศุกร์ (23 ธ.ค.) โดยมีประชากรได้รับวัคซีนครบโดสแล้วกว่าร้อยละ 90 อย่างไรก็ดี กลุ่มผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าระดับของแอนติบอดีจะลดลงตามระยะเวลาหลังการฉีดวัคซีน พร้อมเสริมว่าการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสฯ ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ซึ่งทำให้แอนติบอดีมีประสิทธิภาพลดลง

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญอ้างอิงการศึกษาหลายชิ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการฉีดวัคซีนโดสกระตุ้นสามารถกระตุ้นเซลล์ความจำทางภูมิคุ้มกันในร่างกายของผู้ทดลองและเพิ่มระดับแอนติบอดี ซึ่งจะช่วยป้องกันการเจ็บป่วยขั้นรุนแรงและการเสียชีวิต พร้อมแนะนำผู้มีคุณสมบัติที่ยังไม่ได้รับวัคซีนโดสกระตุ้นเข้ารับวัคซีนโดยเร็วที่สุด โดยกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงติดเชื้อสูง ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัวร้ายแรง และผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ ควรเข้ารับวัคซีนโดสกระตุ้นที่สอง หลังฉีดวัคซีนโดสกระตุ้นแรก 6 เดือน

ส่วนผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิดเชื้อตาย 3 โดสแรก สามารถเลือกรับวัคซีนชนิดอื่นๆ ที่รัฐบาลแนะนำเป็นวัคซีนโดสกระตุ้นที่สอง ซึ่งได้แก่ วัคซีนชนิดโปรตีนลูกผสม วัคซีนชนิดใช้อะดิโนไวรัสเป็นตัวนำพา หรือวัคซีนชนิดใช้เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เป็นตัวนำพา

ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีนได้ทำการติดตามอาการไม่พึงประสงค์หลังการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยอ้างอิงจากการฉีดวัคซีนกว่า 3.4 พันล้านโดสให้กับประชาชนกว่า 1.3 พันล้านคน ซึ่งพบว่าอัตราอุบัติการณ์ของอาการไม่พึงประสงค์ต่อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 นั้นใกล้เคียงกับวัคซีนอื่นๆ ทั่วไป และอัตราอุบัติการณ์ดังกล่าวในผู้สูงอายุต่ำกว่าคนหนุ่มสาวเล็กน้อย 



จีนเร่งผลิตเวชภัณฑ์ รับมือโควิด

จีนดำเนินงานรับรองการผลิตเวชภัณฑ์สำคัญอย่างเร่งด่วน ขณะมีการปรับปรุงประสิทธิภาพและความเหมาะสมของการรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ภายในประเทศ

กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีน ได้จัดตั้งกลไกการประสานงานฉุกเฉินกับทางการท้องถิ่น เพื่อช่วยผู้ประกอบธุรกิจเภสัชภัณฑ์ขยายกำลังการผลิต และรับรองการจัดสรรอุปทานยาสำคัญสำหรับควบคุมโรคโควิด-19

โจวเจี้ยน เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ กล่าวว่ากลุ่มบริษัทที่เกี่ยวข้องและบริษัทฝ่ายสนับสนุนหลักทั้งหมดถูกจัดอยู่ใน "บัญชีขาว" เพื่อรับการสนับสนุนและบรรลุความร่วมมือด้านปัจจัยการผลิต

ทางการท้องถิ่นทั่วจีนได้ออกสารพัดมาตรการเพื่อเพิ่มผลผลิตเวชภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงการจัดหาวัตถุดิบและพลังงาน การจัดตั้งสายการผลิตใหม่ และการส่งเสริมการยกระดับเทคโนโลยี เพื่อช่วยผู้ประกอบการดำเนินการผลิตเต็มกำลัง ณ ฐานการผลิตของปู้ฉาง ฟาร์มาซูติคัลส์ (Buchang Pharmaceuticals) บริษัทผู้รับผิดชอบการผลิตยาที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด-19 สามตัว มีสายการผลิตดำเนินงานตลอด 24 ชั่วโมง จำนวน 8 สาย

ส่วนบริษัท หูเป่ย เฮิงตี๋ จำกัด (Hubei Biocause Heilen Pharmaceutical) บริษัทเภสัชภัณฑ์ในมณฑลหูเป่ยทางตอนกลางของจีน เผยว่าสายการผลิตยาลดไข้ไอบูโพรเฟน (ibuprofen) ทั้งหมดทำการผลิตสูงสุดเท่าที่ได้ โดยผลผลิตวัตถุดิบสำหรับยาดังกล่าวอยู่ที่ 10-13 ตันต่อวัน

ทั้งนี้ กระทรวงฯ พยายามรับรองการจัดสรรยาอย่างตรงเป้าหมายและสมเหตุสมผล ให้ความสำคัญกับการแจกจ่ายเวชภัณฑ์สู่สถานที่สำคัญ เช่น สถาบันการแพทย์และบ้านพักคนชรา พร้อมแนะนำร้านขายยาออนไลน์รายใหญ่ปรับปรุงแพลตฟอร์มการซื้อยาออนไลน์

27 ธ.ค. จีนมุ่งปรับมาตรการโควิด-19 รับหยุด ปีใหม่-ตรุษจีน ราบรื่น

หนังสือเวียนจากสำนักงานทั่วไปของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและคณะรัฐมนตรีจีน ซึ่งเกี่ยวกับการปฏิบัติงานช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่และเทศกาลตรุษจีน เน้นย้ำการรับรองการปรับเปลี่ยนระยะการรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) อย่างราบรื่น

การปฏิบัติงานช่วงวันหยุดดังกล่าวควรให้ความสำคัญกับประชาชนและชีวิตมนุษย์เหนือสิ่งอื่นใด ตลอดจนปรับใช้แนวทางตามหลักวิทยาศาสตร์และมาตรการแบบมุ่งเป้า พร้อมตระเตรียมการตอบสนองความต้องการการรักษาทางการแพทย์ โดยเฉพาะผู้ป่วยอาการหนัก เพื่อรับรองการรักษาตามลำดับปกติ

ทางการท้องถิ่นและหน่วยงานรัฐควรดำเนินมาตรการรับมือโรคโควิด-19 ในสถานที่ องค์กร และกลุ่มประชากรสำคัญอย่างจริงจัง เพื่อลดผลกระทบต่อการผลิตและวิถีชีวิตของประชาชน พร้อมเพิ่มความพยายามชี้แนะผู้ป่วยรับการรักษาแบบแบ่งกลุ่ม แบ่งระดับ และแบบส่งต่อ รวมถึงการให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยที่รักษาตัวในบ้าน

หนังสือเวียนยังเรียกร้องการผลิต จัดหา สำรอง และจัดสรรยาและน้ำยาทดสอบโรคอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงการสืบสวนสอบสวนและลงโทษตามกฎหมายกับกรณีโก่งราคาและกักตุนเวชภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคโควิด-19

ขณะเดียวกันหนังสือเวียนบ่งชี้ความสำคัญของการตอบสนองความต้องการเดินทางของประชาชน การลดความเสี่ยงแพร่เชื้อไวรัสฯ และการจัดสรรบริการขนส่งที่ปลอดภัยและเข้าถึงง่ายตามหลักการ ระหว่างมหกรรมการเดินทางช่วงเทศกาลตรุษจีนในอนาคตอันใกล้

ทั้งนี้ หนังสือเวียนเสนอแนวทางให้ผู้ประกอบการและองค์กรอนุญาตลูกจ้างลาหยุดแบบไม่ทับซ้อนกันตามข้อกำหนดขององค์กรและความต้องการของพนักงาน ด้านโรงเรียนสามารถเริ่มใช้กำหนดการวันหยุดแบบไม่ทับซ้อนกัน เพื่อเกื้อหนุนการเดินทางแบบเหลื่อมเวลาของนักเรียน

27 ธ.ค. จีนประกาศยกเลิกผลตรวจโควิดนักเดินทางต่างประเทศ ตั้งแต่ 8 ม.ค. เป็นต้นไป

แถลงการณ์บนเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศของจีน เมื่อวันอังคาร (27 ธ.ค.) ระบุว่าจีนจะยกเลิกการทดสอบกรดนิวคลีอิกกับนักเดินทางขาเข้าจากต่างประเทศ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. เป็นต้นไป

นักเดินทางขาเข้าจีนควรรับการตรวจโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แบบ PCR ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง

ผู้มีผลตรวจเป็นบวก ควรเลื่อนการเดินทางจนกว่าจะมีผลตรวจเป็นลบ 
 
ขณะเดียวกันนักเดินทางขาเข้าจีนไม่จำเป็นต้องยื่นขอรหัสสุขภาพจากคณะผู้แทนทางการทูตและกงสุลจีน แต่จะแจ้งสถานะสุขภาพของนักเดินทางบนบัตรพิธีการศุลกากร

ส่วนผู้มีสถานะสุขภาพผิดปกติหรืออาการไข้จะได้รับชุดทดสอบแอนติเจนที่ด่านศุลกากร โดยนักเดินทางจะได้รับคำแนะนำให้กักตัวที่บ้านจนกว่าจะหายดีหรือรับการรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพสุขภาพร่างกาย (ภาพ ซินหัว)

28 ธ.ค. ปักกิ่งเร่งกระจายยาและสิ่งของให้ประชาชน

เหล่าเจ้าหน้าที่ชุมชนตระเวนส่งมอบชุดบรรจุภัณฑ์ช่วยเหลือ ซึ่งประกอบด้วยยาและสิ่งของป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แก่ผู้สูงอายุที่อาศัยตามลำพังและกลุ่มผู้พิการในเขตย่อยหยางฟางเตี้ยน เขตไห่เตี้ยน กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน นอกจากนั้นยังจัดสรรชุดอุปกรณ์ทางการแพทย์แบบใช้ร่วมกันให้ประชาชนสำหรับใช้กรณีฉุกเฉินอีกด้วย (ซินหัว)


จีนพัฒนาระบบ uFAST เพื่อจัดส่งยาแบบตรงเป้าหมาย ด้วยโดรน

บทความวิจัยที่ตีพิมพ์ผ่านวารสารแอดวานซ์ แมททีเรียลส์ (Advanced Materials) เมื่อไม่นานนี้ เผยว่าคณะนักวิจัยจีนได้พัฒนาระบบปฐมพยาบาลที่ใช้อากาศยานไร้คนขับหรือโดรน เพื่อจัดส่งยาแบบตรงเป้าหมาย

การจ่ายยาสำคัญให้ผู้ป่วยโรคเฉียบพลันอย่างทันท่วงทีถือเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยชีวิต ขณะการจัดส่งชุดปฐมพยาบาลที่เชื่องช้าและการขาดผู้ที่เคยฝึกอบรมใช้ยามักนำไปสู่อาการบาดเจ็บสาหัสหรือแม้กระทั่งการเสียชีวิต

บทความระบุว่าระบบปฐมพยาบาลแบบใหม่หรือยูฟาสต์ (uFAST) ช่วยให้ผู้ป่วยใช้แผ่นแปะยารักษาฉุกเฉินเพื่อบรรเทาอาการป่วยผ่านเข็มฉีดยาขนาดไมครอนที่จะกระตุ้นด้วยการสัมผัส โดยไม่ต้องมีบุคลากรทางการแพทย์

ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงได้สาธิตความสามารถใช้งานจริงและความปลอดภัยของระบบดังกล่าวในสถานการณ์จำลองของหมูที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำขั้นรุนแรง โดยการจ่ายฮอร์โมนกลูคากอน (Glucagon) แบบอัตโนมัติ

อนึ่ง นักวิจัยคาดว่าระบบยูฟาสต์จะอำนวยความสะดวกในการพัฒนาอุปกรณ์ตรวจวัดทางสรีรวิทยาที่สวมใส่ได้ ระบบตรวจจับหรือวิเคราะห์สุขภาพ ตลอดจนวิธีการและอุปกรณ์จัดส่งยาขั้นสูง

29 ธ.ค. เซี่ยงไฮ้ เปลี่ยนศูนย์ตรวจโควิดเป็นคลินิกไข้ชั่วคราว

เทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีนปรับเปลี่ยนจุดทดสอบกรดนิวคลีอิกหลายแห่งเป็นคลินิกไข้ชั่วคราว เพื่อตอบสนองความต้องการทางการแพทย์ของประชาชนท้องถิ่นได้ดียิ่งขึ้น โดยทั้งสองด้านของคลินิกไข้เป็นหน้าต่างสำหรับการตรวจร่างกาย การวินิจฉัยและการรักษา และการจ่ายยา

สวีตงเจี้ยน แพทย์ประจำคลินิกไข้ชั่วคราว กล่าวว่าเจ้าหน้าที่คนหนึ่งรับผิดชอบการตรวจร่างกาย ลงทะเบียน และเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป

หญิงแซ่ลู่ ประชาชนท้องถิ่นคนหนึ่ง เผยว่าคลินิกไข้อยู่ใกล้บ้าน คนไม่เยอะ ทำให้สามารถเข้ารับบริการทางการแพทย์ได้ทันที

จูจินเสียง รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาสังคมตำบลหนานเสียง ระบุว่าจะมีการเปลี่ยนจุดทดสอบกรดนิวคลีอิกเป็นคลินิกไข้ชั่วคราวเพิ่มขึ้น รวมถึงยกระดับการบริการ หลังจากประเมินความต้องการการรักษาทางการแพทย์ของประชาชนและทรัพยากรทางการแพทย์ที่มีอยู่แล้ว

30 ธ.ค. จีนเผย ยาเม็ดรักษาโควิด-19 VV116 มีประสิทธิภาพเท่ายาแพกซ์โลวิด

จีนเผยผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่เผยแพร่ในวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ เปิดเผยว่า "วีวี116" (VV116) ซึ่งเป็นยาต้านโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชนิดรับประทานของจีน มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูสุขภาพหลังป่วยได้รวดเร็วเทียบเท่ากับยาแพกซ์โลวิด (Paxlovid)

ยาต้านเชื้อไวรัสโคโรนาข้างต้นที่พัฒนาขึ้นโดยหลายสถาบันในสังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (CAS) แสดงผลลัพธ์ที่ดีในการรักษาการติดเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์โอไมครอนระยะแรกเริ่ม

ก่อนหน้านี้การศึกษาเบื้องต้นขนาดเล็กรายการหนึ่ง แสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยาวีวี116 ภายใน 5 วัน หลังผลทดสอบเป็นบวกครั้งแรก มีระยะเวลาขับเชื้อไวรัสฯ ออกจากร่างกายสั้นกว่าผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแบบปกติ โดยอยู่ที่เฉลี่ย 8.56 วัน ขณะที่ระยะขับเชื้อของกลุ่มควบคุม (กลุ่มที่ใช้เปรียบเทียบผลการทดลอง) เฉลี่ยอยู่ที่ 11.13 วัน

การศึกษาใหม่ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ (28 ธ.ค.) ยังเผยว่าระยะที่ 3 ซึ่งเป็นการทดลองแบบสุ่มระหว่างการระบาดของเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน พบว่ากลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยาวีวี116 มีระยะเวลาเฉลี่ยในการฟื้นฟูสุขภาพหลังป่วยอยู่ที่ 4 วัน เทียบกับผู้รับประทานยาแพกซ์โลวิดซึ่งอยู่ที่ 5 วัน

การศึกษายังพบว่าผลการรักษาด้วยยาวีวี116 ในกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีอาการระดับเล็กน้อยถึงปานกลางและเสี่ยงที่จะมีอาการลุกลามในโรงพยาบาล 7 แห่งของเซี่ยงไฮ้ ไม่ได้ด้อยไปกว่ายาแพกซ์โลวิด หรือยานีมาทรีเวียร์-รีโทนาเวียร์ (nirmatrelvir-ritonavir) ทั้งยังมีข้อกังวลด้านความปลอดภัยน้อยกว่า

ทั้งนี้ คณะนักวิจัยกล่าวว่าเนื่องจากอุปทานยาแพกซ์โลวิดทั่วโลกไม่เพียงพอต่อความต้องการ ยาวีวี116 จึงถือเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

31 ธ.ค.จีนอนุมัตินำเข้าโมลนูพิราเวียร์แล้ว

เมื่อวันศุกร์ (30 ธ.ค.) สำนักงานบริหารเวชภัณฑ์แห่งชาติจีน เปิดเผยการอนุมัติพิเศษและการอนุมัติแบบมีเงื่อนไขเพื่อการจดทะเบียนนำเข้าโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ยารักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ของเมิร์ก แอนด์ โค (Merck & Co)

โมลนูพิราเวียร์เป็นยาชนิดรับประทานที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก สำหรับผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่ที่มีอาการของโรคโควิด-19 ระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง และมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการป่วยหนัก รวมถึงผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่เป็นผู้สูงอายุ น้ำหนักเกิน หรือมีโรคไตเรื้อรัง เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือดรุนแรง และโรคปอดเรื้อรัง

ทั้งนี้ สำนักงานฯ ร้องขอผู้ถือครองสิทธิทางการตลาดของยาโมลนูพิราเวียร์ดำเนินการวิจัยที่เกี่ยวข้องต่อไป ปฏิบัติตามข้อกำหนดตามเงื่อนไขต่างๆ ภายในระยะเวลาที่กำหนด และยื่นผลการวิจัยการติดตตามผลต่อเนื่องโดยทันที
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด