ทั้งนี้คำตอบของคำถามเหล่านี้จะต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงของสถานการณ์โควิดในประเทศจีนเป็นหลัก ด้วยโควิดยังคงพบการระบาดอยู่ในหลายมณฑล ในหลายเมือง การรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และดูจะมีแนวโน้นเพิ่มขึ้นอยู่ ขณะที่ประชาชนชาวจีน เริ่มแสดงออกมากขึ้นต่อมาตรการเข้มงวด ที่ส่งผลกระทบกับชีวิต สังคม และธุรกิจมายาวนาน ทุกฝ่ายกำลังจับจ้องไปยังทางการว่าจะมีการดำเนินมาตรการอย่างใด เพื่อรับมือและคลี่คลายสถานการณ์ที่เรียกว่าค่อนข้างจะเขม็งเกลียวไม่น้อย
จากนี้ไปบทความนี้จะทำการรวบรวม ติดตามอัพเดตสถานการณ์ในประเทศจีน อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เห็นทิศทางว่าจะดำเนินไปอย่างไร โดยอ้างอิงแหล่งข่าวจากสำนักข่าวในไทยและต่างประเทศ
28 พ.ย. จำนวนผู้ติดเชื้อในกว่างโจว และฉงชิ่ง ลดลง และจำนวนรวมก็ลดลง
CNBC รายงานอ้างข้อมูลจากปักกิ่ง รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงต่ำกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าอีกครั้ง นับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน กล่าวคือจำนวนผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการ รวม 38,421 ราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่มีจำนวน 40,052 ราย เมืองที่มีผู้ติดเชื้อลดลงอย่างมากได้แก่เมืองกว่างโจว และฉงชิ่ง ซึ่งทั้งสองเมืองมีการระบาดหนักที่สุดในรอบล่าสุด และที่สำคัญไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ส่วนเมืองใหญ่อย่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น
โอมิครอน BF.7 เป็นสายพันธุ์หลักที่กรุงปักกิ่ง
โอมิครอน BF.7 (หนึ่งในบรรดาลูกของ BA.5) ขณะนี้ระบาดเป็นสายพันธุ์หลักที่กรุงปักกิ่งประเทศจีน เกิน 1,000 รายต่อวันโดยไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง
ไวรัสโคโรนา 2019 ที่ระบาดใหญ่ในนครปักกิ่งขณะนี้มี 3 สายพันธุ์คือ BF.7, BA.5.2, และ BA.5.1.7 ซึ่งคาดว่าแพร่มาจากแถบมองโกเลีย ในประเทศจีน โดยมี BF.7 เป็นสายพันธุ์หลัก มี 5 อาการที่พบบ่อยคือ คัดจมูก เจ็บคอ ไอ อ่อนเพลีย และน้ำมูกไหล
โอมิครอน BF.7 ซึ่งเป็นรุ่นลูกของ BA.5 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด เหนือกว่า BA.5.2, BA.5.1.7 ประมาณ 22% ทำให้เกิดระบาดเป็นสายพันธุ์หลักในกรุงปักกิ่งได้ [
Center for Medical Genomics]
รัฐบาลกรุงปักกิ่ง เปิดเผยถึงความคืบหน้าในความพยายามเร่งฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงให้มากขึ้น เพื่อให้เข้าใกล้โอกาสเปิดเมืองเปิดประเทศ โดยสัดส่วนผู้สูงอายุเกิน 80 ปีที่ได้รับวัคซีนแล้ว 65.8% ขณะที่มีเพียง 40% เท่านั้นที่ได้รับเข็มกระตุ้น ถือว่าเป็นจำนวนที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับสหรัฐหรือสิงคโปร์ ทางการไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่าจะกระจายการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นอย่างไร [
CNBC]
29 พ.ย. อุรุมชี ทยอยฟื้นคืนบริการขนส่งสาธารณะและดำเนินธุรกิจที่จำเป็น
นครอุรุมชี ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เริ่มทยอยฟื้นคืนบริการขนส่งสาธารณะและดำเนินธุรกิจที่จำเป็นอีกครั้งตั้งแต่วันจันทร์ (28 พ.ย.) ขณะการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในเมืองทุเลาลง ผู้คนในเมืองเริ่มออกมาทำงานและจับจ่ายซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าท้องถิ่นแล้ว ผู้เชี่ยวชาญจีนคาด จีนจะผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ในเดือนมีนาคมปีหน้า CNBC
สำนักข่าว
CNBC ได้รายงานว่า หลี่เต้าขุย(李稻葵) ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ของ Mansfield Freeman ของมหาวิทยาลัยชิงหวา เเละเคยเป็นถึงอดีตที่ปรึกษาธนาคาร Bank of Chinaได้ให้ความเห็นในช่อง CNBC ว่า จีนอาจผ่อนคลายนโยบายโควิดอย่างเห็นได้ชัดในเดือนมีนาคมปีหน้า!
ในขณะนี้รัฐบาลจีนกำลังมุ่งเน้นไปที่สุขภาพผู้สูงอายุก่อน โดยเฉพาะในฤดูหนาว การเเพร่ของเชื้อโควิด-19 จะเป็นไปได้ง่ายขึ้น
นับตั้งเเต่โลกเผชิญการระบาดโควิดที่ผ่านมา จีนมีมาตรการปิดประเทศมานานถึง 3 ปีเเล้ว เเละส่งผลให้ GDP จีนโตต่ำกว่า 3%
หลี่เต้าขุยกล่าวเสริมว่า ก่อนหน้านั้นหลายบริษัทย้ายฐานการผลิตมาที่จีน เพราะมองว่ามั่นคง เป็นจุดศูนย์รวมการพัฒนาต่างๆ เเต่ปรากฎว่าจากการเเพร่ระบาดโควิดที่ผ่านมา ทำให้หลายบริษัทเปลี่ยนความคิด เเละสร้างฐานผลิตในประเทศตนเองเเละประเทศอื่นเเทนเพื่อกระจายความเสี่ยง
เมื่อช่วงล่าสุดก่อนหน้า ได้เกิดการประท้วงในหลายจุดที่จีน จากมาตรการโควิดเป็นศูนย์อันเข้มงวดมากไป กระทบการประกอบอาชีพเเละการใช้ชีวิต จึงเกิดเสียงเรียกร้องให้ผ่อนคลายความเข้มงวดลง
ทางการจีนได้ตอบสนองข้อเรียกร้องดังกล่าวด้วยการเร่งระดมฉีดวัคซีนผู้สูงอายุให้มากขึ้น
อีกทั้งก่อนหน้านั้นก็กำลังพิจารณาอนุมัติวัคซีนตะวันตกเเบบ mRNA ของเยอรมนี เเละได้ปรับรายละเอียดนโยบายโควิดเป็นศูนย์หลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นจากเเต่เดิม ปิดหมดทั้งเมือง ก็เปลี่ยนเป็นปิดเฉพาะจุด จากเเต่เดิมกักตัวผู้สัมผัสผู้ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อก็เปลี่ยนเป็น กักตัวเฉพาะผู้ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อเท่านั้น ปรับลดระยะเวลาการกักตัวลง ยกเลิกการตรวจครั้งละจำนวนมาก ฯลฯ
หลี่เต้าขุย ศ.ด้านเศรษฐศาสตร์ ได้ให้ความเห็นเพิ่มต่ออีกว่า หากจีนผ่อนคลายนโยบายโควิดจากศูนย์ในเดือนมีนาคมเเล้ว จีนจะยังคงเผชิญเศรษฐกิจซบเซา เเละปัญหาสภาพคล่องอสังหาฯ
ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลจีนควรทำคือ ปรับโครงสร้างหนี้ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เเละกระตุ้นเศรษฐกิจ
เมื่อเราพิจารณาความเห็นท่านหลี่เต้าขุย จะเห็นได้ว่า ช่วงฤดูหนาวนี้โควิดจะเเพร่ระบาดได้ง่าย เดือนมกราคมเป็นเทศกาลปีใหม่ เดือนกุมภาพันธ์เป็นเทศกาลตรุษจีนที่มีการเฉลิมฉลอง เเละเดินทางจำนวนมาก
ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดผู้เสียชีวิตเเละอาการหนักอันควบคุมไม่ได้จากประชากรจีน 1,400 ล้านคน(สหรัฐฯ 300 ล้านคน) มีเเนวโน้มว่าทางการจีนอาจยังคงเข้มงวดนโยบายไปจนถึงเดือนมีนาคมปีหน้าเพื่อผ่านช่วงฤดูหนาว เเละเทศกาลดังกล่าวไปก่อน [
Insight การเมืองเศรษฐกิจโลก 30 พ.ย.65]
1 ธ.ค. รายงานผู้ติดเชื้อโควิดในจีน ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน
จีน รายงานผู้ติดเชื้อโควิดในท้องถิ่น 4,080 ราย (30 พ.ย.) พบผู้ติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการ 31,720 ราย ผู้ป่วยที่หายดีและออกจากโรงพยาบาล 2,419 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม คงยอดผู้เสียชีวิตไว้ที่ 5,233 ราย ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน
ก่อนหน้านี้ (29 พ.ย.) ทางการจีนเปิดเผยแผนการเร่งฉีดวัคซีนในผู้สูงอายุ กลุ่มเปราะบาง ที่มีอายุตั้งแต่ 60-80 ปี ขึ้นไป เพื่อลดความเสี่ยงเจ็บหนังหรือขั้นวิกฤต หรือเสี่ยงเสียชีวิต โดยรัฐบาลจะเร่งดำเนินการผ่านหน่วยงานท้องถิ่น พร้อมกับรับรองภาวะความรับผิดชอบของเขตอำนาจศาลท้องถิ่นในการดำเนินการดังกล่าว 1 ธ.ค.65 - ปักกิ่งคลายกฏการตรวจหาเชื้อ
ปักกิ่ง (
ซินหัว) รัฐบาลกรุงปักกิ่ง ประกาศปรับข้อกำหนดที่ผ่อนคลายลงในการควบคุมโรคโควิด เพื่อลดผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยุ่ของประชาชน มีหลายข้อที่สำคัญ ดังนี้
- ผู้อยู่อาศัยท้องถิ่นที่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการตรวจคัดกรองกรดนิวคลีอิกระดับชุมชน หากพวกเขาไม่ได้จำเป็นต้องออกจากบ้านเรือนที่พักอาศัย เริ่มตั้งแต่วันพุธ (30 พ.ย.) ที่ผ่านมา
- สั่งยกเลิกมาตรการการจัดการแบบปิดอย่างทันท่วงทีสำหรับชุมชนที่อยู่อาศัยที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์
- อนุญาตซูเปอร์มาร์เก็ตที่ตรวจพบเชื้อไวรัสฯ กลับมาเปิดทำการหลังจากปิดหนึ่งวัน
- ห้ามการตั้งสิ่งกีดขวางประตูอาคารและทางเข้าชุมชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงสูง พร้อมสั่งเปิดช่องทางสัญจรสำหรับการขนส่งทางการแพทย์ การอพยพฉุกเฉิน และการกู้ภัยด้วย
สวีเหอเจี้ยน โฆษกรัฐบาลเทศบาลกรุงปักกิ่ง แถลงข่าวว่าข้อกำหนดนี้ครอบคลุมคนหลายกลุ่ม อาทิ ผู้สูงอายุในบ้าน เด็ก และประชาชนที่ทำงานหรือเรียนหนังสือจากบ้าน
3 ธ.ค.รายงานผู้ติดเชื้อ 3,933 ราย ปักกิ่ง เสิ่นเจิ้น คลายมาตรการโควิด
จีน รายงานตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ติดเชื้อในท้องถิ่น 3,933 ราย ในวันศุกร์ (2 ธ.ค.) ที่ผ่านมา ติดเชื้อในท้องถิ่นแบบไม่แสดงอาการรวม 28,894 ราย และมีผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลหลังหายดีรวม 3,378 ราย
อนึ่ง แผ่นดินใหญ่ของจีนไม่มีรายงานผู้ป่วยโรคโควิด-19 เสียชีวิตเพิ่มเติมในวันศุกร์ (2 ธ.ค.) ทำให้ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตคงอยู่ที่ 5,233 ราย
เมืองซินเซียง มณฑลเหอหนานทางตอนกลางของจีน ติดตั้งอุปกรณ์ทดสอบกรดนิวคลีอิกด้วยตนเอง จำนวน 1,000 เครื่อง ในพื้นที่หลายมุมเมือง โดยส่วนใหญ่จัดวางอยู่ตามชุมชน โรงเรียน โรงพยาบาล ซูเปอร์มาร์เก็ต บริษัท และสถาบันต่างๆ ผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่สามารถเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งสำหรับทดสอบกรดนิวคลีอิกอย่างชำนาญภายในเวลาไม่ถึง 20 วินาที
ทางการท้องถิ่นนครกว่างโจว เมืองเอกของมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีน รายงานการตรวจพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) สะสม 162,700 ราย ระหว่างการกลับมาแพร่ระบาดรอบใหม่ โดยผู้ป่วยที่ติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการคิดเป็นราวร้อยละ 90 ของผู้ป่วยทั้งหมด จางอี้ รองผู้อำนวยการคณะกรรมการสุขภาพเทศบาลเมืองกว่างโจว กล่าวในการแถลงข่าวซึ่งจัดขึ้นที่กว่างโจวว่าในจำนวนนี้ ผู้ป่วย 4 รายมีอาการหนักขั้นวิกฤต ทว่ายังไม่มีรายงานพบผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด จางระบุว่าขณะนี้กว่างโจวมีเตียงสำหรับรองรับผู้ป่วยเกือบ 90,000 เตียง และเตียงในหอผู้ป่วยหนักมากกว่า 2,000 เตียงสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน เขตทุกแห่งในกว่างโจวได้จัดตั้งสถานที่เก็บตัวอย่างกรดนิวคลีอิกรวมกว่า 1,700 แห่ง ตั้งแต่วันศุกร์ (2 ธ.ค.) โดยมี 87 แห่งเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เขตไห่จู เทียนเหอ พานอวี๋ และลี่วานในกว่างโจวได้ยกเลิกมาตรการควบคุมชั่วคราวทั้งหมดเมื่อวันพุธ (30 พ.ย.) โดยพื้นที่ทั้งหมดยกเว้นพื้นที่เสี่ยงโรคโควิด-19 ระดับสูง ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่เสี่ยงระดับต่ำ หรืออยู่ภายใต้มาตรการควบคุมปกติ
ปักกิ่ง เสิ่นเจิ้น คลายมาตรการโควิด
แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโดยรวมทั้งประเทศจีนยังคงอยู่ในระดับสูง แต่บางเมืองบางมณฑลเริ่มขยับมาตรการหรือผ่อนคลายความเข้มงวดรวมถึงการกักตัวลงบ้างแล้ว หลังจากผลกระทบเริ่มปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ ทางเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะกับประชาชนจนเกิดการประท้วงเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
ทางการปักกิ่งยกเลิกจุดตรวจหาเชื้อหลายแห่ง พร้อมกับยกเลิกการแสดงผลตรวจ PCR เมื่อต้องเข้าใช้บริการซุปเปอร์มาเก็ต อาคารพาณิชย์ ที่พักอาศัยชุมชน และรถไฟใต้ดิน แต่สถานที่บางแห่งเช่น สำนักงาน โรงพยาบาล อินเตอร์เน็ตค่าเฟ่ คาราโอเกะ บาร์ ยิม โรงเรียนทุกระดับ ยังคงจำเป็นต้องแสดงผลตรวจ 48 ชั่วโมง กรณีการจัดกิจกรรมที่มีคนรวมตัวกันมาก เปิดโอกาสให้ผู้จัดหรือหน่วยงานใช้ดุลพินิจกำหนดมาตรการเอง (
CGTN)
นครเสิ่นเจิ้น เริ่มขยับมาตรการผ่อนคลาย โดยประกาศยกเลิกการแสดงผลตรวจเมื่อต้องเข้าไปใช้บริการขนส่งสาธารณะ ร้านอาหารหรือสวนสาธารณะ พร้อมกับยกเลิก การตรวจสอบยานพาหนะก่อนเดินทางด้วยเช่นกัน สอดคล้องไปกับมาตรการผ่อนคลายที่เกิดในเมืองใหญ่อื่นๆ อย่าง เฉิงตู เทียนจิน [
CNBC]
4 ธ.ค. จีนรายงานผู้ติดเชื้อโควิดในท้องถิ่น 4,168 ราย
จีน รายงานพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ติดเชื้อในท้องถิ่น 4,168 ราย ในวันเสาร์ (3 ธ.ค.) ที่ผ่านมา ติดเชื้อในท้องถิ่นแบบไม่แสดงอาการรวม 27,433 ราย และมีผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลหลังหายดีรวม 3,341 ราย ขณะเดียวกันแผ่นดินใหญ่ของจีนตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตรวมอยู่ที่ 5,235 ราย 5 ธ.ค. จีนรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่ม 4,247 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม
จีน รายงานผู้ป่วยโควิด-19 ที่ติดเชื้อในท้องถิ่นเพิ่ม 4,247 ราย ในวันอาทิตย์ (4 ธ.ค.) ที่ผ่านมา ติดเชื้อในท้องถิ่นแบบไม่แสดงอาการรวม 25,477 ราย และมีผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลหลังหายดีรวม 3,913 ราย ขณะยอดผู้ป่วยเสียชีวิตยังคงรวมอยู่ที่ 5,235 ราย 6 ธ.ค. จีนรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่ม 5,046 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม
CGTN รายงานว่า แผ่นดินใหญ่จีนตรวจพบผู้ป่วยโควิด-19 (เมื่อ 5 ธ.ค.) ที่ติดเชื้อในท้องถิ่นเพิ่ม 4,988 ราย จากต่างประเทศ 58 ราย
- จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ไม่แสดงอาการ รวม 23,016 ราย
- ผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการที่อยู่ในการดูแลเฝ้าสังเกตการ 371,140 ราย
- รวมจำนวนผู้ป่วยในจีนแผ่นดินใหญ่ 345,529 ราย
- ผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลหลังหายดีรวม 3,913 ราย
- ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตยังคงรวมอยู่ที่ 5,235 ราย
จำนวนผู้ป่วยแยกตามพื้นที่
- ฮ่องกง 465,099 ราย (หายแล้ว 100,599 เสียชีวิต 10,826 ราย)
- มาเก๊า 826 ราย (หายแล้ว 791 เสียชีวิต 6 ราย)
- ไต้หวัน 8,379,467 ราย (หายแล้ว 13,742 เสียชีวิต 14,500 ราย)
*กราฟแสดงจำนวนผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการ และ จำนวนผู้ติดเชื่อในท้องถิ่น (ไม่รวมจากต่างประเทศ - CGTN)
7 ธ.ค. จีนรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่ม 4,409 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม
CGTN แผ่นดินใหญ่จีนตรวจพบผู้ป่วยโควิด-19 (เมื่อ 6 ธ.ค.) ที่ติดเชื้อในท้องถิ่นเพิ่ม 4,351 ราย จากต่างประเทศ 58 ราย
- จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ไม่แสดงอาการ รวม 20,912 ราย
- ผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการที่อยู่ในการดูแลเฝ้าสังเกตการ 356,627 ราย
- รวมจำนวนผู้ป่วยในจีนแผ่นดินใหญ่ 349,938 ราย
- ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตยังคงรวมอยู่ที่ 5,235 ราย
จำนวนผู้ป่วยแยกตามพื้นที่
- ฮ่องกง 466,509 ราย (หายแล้ว 100,900 เสียชีวิต 10,842 ราย)
- มาเก๊า 827 ราย (หายแล้ว 791 เสียชีวิต 6 ราย)
- ไต้หวัน 8,395,477 ราย (หายแล้ว 13,742 เสียชีวิต 14,522 ราย)
9 ธ.ค. นักระบาดวิทยาจีน เร่งให้มีการฉีดวัคซีนกระตุ้นในกลุ่มเสี่ยง
จงหนานซาน นักระบาดวิทยาชั้นนำของจีน กระตุ้นเตือนการเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงอื่นๆจงเข้าร่วมการประชุมประจำปีของสมาคมทรวงอกแห่งชาติจีนผ่านระบบวิดีโอ และกล่าวว่าการเร่งฉีดวัคซีนเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญของการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 พร้อมเรียกร้องการฉีดวัคซีนปกป้องบุคลากรการแพทย์ที่ดียิ่งขึ้น
วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของจีนได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงในการลดอัตราการเสียชีวิต โดยความเสี่ยงเสียชีวิตของผู้ป่วยอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งฉีดวัคซีนโดสกระตุ้นแล้วในการระบาดในนครเซี่ยงไฮ้เมื่อช่วงครึ่งแรกของปีนี้ลดลงร้อยละ 98
จงกล่าวว่ายุทธศาสตร์การป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ของจีนประสบผลลัพธ์ยอดเยี่ยมและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
โดยการวิจัยพบว่าเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน ยังคงสามารถแพร่เชื้อเพิ่มขึ้น แต่มีอัตราการเสียชีวิตลดลงต่อเนื่อง "การติดเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน อาทิ สายพันธุ์ย่อยบีเอ.5 (BA.5) และบีเอฟ.7 (BF.7) นั้นไม่มีอะไรน่ากลัว โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่สามารถฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ได้ภายใน 7-10 วัน" จงกล่าว (
ซินหัวไทย)
12 ธ.ค. จีนประกาศยุติใช้รหัสเดินทางดิจิตอล LINK
CGTN รายงานเผยแพร่หนังสือจากทางการจีนระบุว่า จะยุติการใช้งานบริการรหัสเดินทางดิจิตอล วันที่ 13 ธันวาคม 2022 หลังจากที่ประกาศใช้มาแล้วเกือบ 3 ปี (ตั้งแต่ 13 กุมภาพันธ์ 2020) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อใช้ตรวจสอบประวัติการเดินทางของประชาชน โดยใช้งานผ่าน WeChat หรือ Alipay
13 ธ.ค. ฮ่องกงยกเลิกมาตรการกักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศ ยกเลิกใช้แอปโควิด LINK
ฮ่องกงเดินหน้าผ่อนคลายมาตรการโควิดครั้งสำคัญ จากการออกประกาศ โดย จอห์น ลี คา-ชู (John Lee Ka-chiu) ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ที่ระบุว่า ฮ่องกงจะยกเลิกมาตรการกักตัว ผู้ที่จะเดินทางเข้าฮ่องกง ตั้งแต่วันพุธที่ 14 ธันวาคม 2022 เป็นต้นไป รวมทั้งได้ยกเลิกการใช้แอปโควิดด้วย การยกเลิกมาตรการทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเปิดศูนย์กลางการเงินแห่งนี้ให้กลับมาทำงานอีกครั้ง และหวังว่าการเปิดฮ่องกงอีกครั้ง จะช่วยกระตุ้นการบริโภค การท่องเที่ยวและธุรกิจได้
แต่เดิมทางการกำหนดให้ใช้รหัสสีอำพัน สำหรับนักเดินทางต่างชาติที่เดินทางเข้าไปยังฮ่องกง ซึ่งหมายความว่า จะต้องถูกกักตัว 3 วันแรก และห้ามออกไปภายนอก ทั้งร้านอาหาร บาร์
แต่หลังจากวันพุธ 14 ธันวาคม มาตรการนี้จะถูกยกเลิก ทั้งผู้เดินทางชาวต่างชาติและผู้มีถิ่นพำนักในฮ่องกง ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ จะไม่ต้องถูกกักตัว เพียงแต่ต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 เป็นลบเมื่อเดินทางถึง พร้อมกับยกเลิกการใช้แอปรหัสเดินทางดิจิตอล ที่แต่เดิมต้องแสดงเพื่อเข้าใช้บริการสาธารณะ เช่น ร้านอาหาร ยิม คลับ ร้านเสริมสวย ซึ่งการยกเลิกนี้เป็นไปตามนโยบายของจีนแผ่นดินใหญ่ที่ยกเลิกไปแล้วก่อนหน้านี้
14 ธ.ค. จีนหยุดเผยยอดผู้ป่วยโควิด-19 แบบไร้อาการ
เจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน เปิดเผยว่าจีนหยุดการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แบบไม่แสดงอาการ เริ่มตั้งแต่วันพุธ (14 ธ.ค.) เป็นต้นไป
หลี่ฉวิน หัวหน้าศูนย์เหตุฉุกเฉินทางสาธารณสุข สังกัดศูนย์ควบคุมฯ อธิบายว่าปัจจุบันการทดสอบกรดนิวคลีอิกเพื่อตรวจโรคโควิด-19 อยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์ "ดำเนินการทดสอบเฉพาะผู้ที่เลือกรับการทดสอบเท่านั้น" เป็นหลัก ผู้ติดเชื้อไวรัสฯ แบบไม่แสดงอาการจำนวนมากไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการทดสอบกรดนิวคลีอิก และไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาจากสถาบันสุขภาพ จึงเป็นการยากที่จะระบุจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสฯ แบบไม่แสดงอาการที่แท้จริงอย่างแม่นยำ 14 ธ.ค. ยอดเที่ยวบินในปักกิ่งพุ่ง หลังปรับมาตรการคุมโควิด-19
หน่วยงานกำกับควบคุมการบินพลเรือนประจำภูมิภาคตอนเหนือของจีน เปิดเผยว่ากรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศ ได้รับรองเที่ยวบินเพิ่มขึ้นในช่วงไม่นานนี้ หลังจากจีนปรับปรุงมาตรการรับมือการระบาดของโรคโควิด-19
จำนวนเที่ยวบินทั้งหมดที่ท่าอากาศยานนานาชาตินครหลวงปักกิ่ง และท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง ต้าซิง ในวันอาทิตย์ (11 ธ.ค.) เพิ่มขึ้นร้อยละ 169 จากช่วงต้นเดือนธันวาคม และคาดว่าจำนวนเที่ยวบินรายวันของสนามบินทั้งสองแห่งจะกลับมาอยู่ที่ร้อยละ 70 ของระดับปี 2019 ในอนาคตอันใกล้
เมื่อไม่นานนี้ จีนได้ประกาศมาตรการชุดใหม่เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความเหมาะสมของการควบคุมโรคระบาด อาทิ การเสนอให้ผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยหรือไม่มีอาการกักตัวที่บ้าน และการลดการทดสอบกรดนิวคลีอิกเพื่อประชาชนเดินทางและเข้าถึงสถานที่สาธารณะง่ายขึ้น
ทั้งนี้ ผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องแสดงรหัสสุขภาพและผลทดสอบกรดนิวคลีอิกที่เป็นลบ หรือตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายเมื่อเข้าสู่สนามบินทั้งสองแห่งอีกต่อไปตามชุดมาตรการใหม่ด้วย (
ซินหัว)
17 ธ.ค. จีนรายงานติดเชื่อในท้องถิ่น 2,229 ราย
จีนรายงานตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ติดเชื้อในท้องถิ่น 2,229 ราย ในวันศุกร์ (16 ธ.ค.) ที่ผ่านมา รายงานระบุว่าแผ่นดินใหญ่ของจีนมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 ออกจากโรงพยาบาลหลังหายดีรวม 2,649 ราย โดยไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มเติมในวันศุกร์ (16 ธ.ค.) ทำให้ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตยังคงอยู่ที่ 5,235 ราย 19 ธ.ค.จีนรายงานติดเชื่อในท้องถิ่น 1,918 ราย
จีนรายงานตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ติดเชื้อในท้องถิ่น 1,918 ราย ในวันอาทิตย์ (18 ธ.ค.) ที่ผ่านมา รายงานระบุว่าแผ่นดินใหญ่ของจีนมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 ออกจากโรงพยาบาลหลังหายดีรวม 1,344 ราย โดยไม่มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มเติมในวันอาทิตย์ (18 ธ.ค.) ทำให้ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตยังคงอยู่ที่ 5,237 ราย 21 ธ.ค. ยอดผู้ป่วยใหม่ 3,049 ราย ไม่มีเสียชีวิต
จีนรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อในท้องถิ่น ในวันอังคาร (20 ธ.ค.) ที่ผ่านมา จำนวน 3,049 ราย ออกจากโรงพยาบาลหลังหายดีรวม 1,953 ราย และไม่มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตแตะที่ 5,241 ราย 22 ธ.ค. เซินเจิ้น เร่งเปลี่ยนจุดตรวจโควิดเป็นห้องให้คำปรึกษาสำหรับผู้ป่วยมีไข้
นครเซินเจิ้น มณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีน กำลังปรับเปลี่ยนตู้ทดสอบกรดนิวคลีอิกเป็นห้องให้คำปรึกษาสำหรับผู้ป่วยมีไข้ เช่นเดียวกับอีกหลายเมืองในประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามล่าสุดเพื่อรับมือกับจำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่เพิ่มขึ้น
เจ้าหน้าที่และผู้อาศัยในนครเซินเจิ้นเผยว่าหลายเขตของเมืองกำลังปรับเปลี่ยนตู้ทดสอบกรดนิวคลีอิกเป็นห้องให้คำปรึกษาที่สามารถให้บริการผู้ป่วยมีไข้และจ่ายยาขั้นพื้นฐาน เพื่อลดแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในโรงพยาบาลแห่งต่างๆ
สำนักสาธารณสุขเขตฝูเถียนของเซินเจิ้นระบุว่าตู้ทดสอบกรดนิวคลีอิกในท้องถิ่น จำนวน 53 ตู้ ถูกดัดแปลงเป็นห้องให้คำปรึกษาอาการไข้ ด้านศูนย์สุขภาพชุมชน 66 แห่งในเขตเป่าอันดำเนินการปรับเปลี่ยนการใช้งานตู้ทดสอบกรดนิวคลีอิกที่ถูกทิ้งร้างกลับมา
เฉินปี้ฉิน ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพชุมชนในเขตฝูเถียน กล่าวว่าห้องให้คำปรึกษาขนาด 4 ตารางเมตร สามารถรองรับแพทย์และผู้ป่วยได้ครั้งละ 1 คน พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ฆ่าเชื้อโรคและระบบระบายอากาศ โดยทำเลที่ตั้งของสถานที่เหล่านี้เอื้อให้ผู้อาศัยที่ป่วยเป็นไข้สามารถเข้ารับการรักษาได้สะดวก
บริษัทจัดหาตู้ทดสอบกรดนิวคลีอิกในเซินเจิ้นระบุว่าตู้ทดสอบกรดนิวคลีอิกจำนวนมากไม่ได้ถูกนำมาใช้งาน หลังรัฐบาลผ่อนปรนข้อบังคับการทดสอบกรดนิวคลีอิก โดยนอกจากถูกปรับเปลี่ยนเป็นห้องให้คำปรึกษาแล้ว ตู้ทดสอบบางแห่งยังถูกปรับเป็นห้องฉีดวัคซีนด้วย
ทั้งนี้ หลายเมืองของจีนเร่งเปิดคลินิกรักษาไข้และกักตุนยาเพิ่มขึ้น หลังพบจำนวนผู้ป่วยมีไข้จำนวนมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยนครกว่างโจว เมืองเอกของกว่างตง ได้เพิ่มจำนวนคลินิกไข้ในโรงพยาบาลจาก 114 เป็น 199 แห่ง เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญประเมินว่ากว่างโจวจะเผชิญการระบาดของโรคโควิด-19 แตะจุดสูงสุดช่วงต้นเดือนมกราคมนี้
ด้านกรุงปักกิ่งได้เปิดคลินิกไข้ชั่วคราวที่มีห้องให้คำปรึกษา 4 ห้อง ภายในโรงยิมกว่างอันในเขตซีเฉิงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมด้วยร้านขายยาชั่วคราวและคลังเก็บยา ซึ่งจัดเตรียมยาลดไข้และสิ่งจำเป็นอย่างเพียงพอ 25 ธ.ค. ปักกิ่ง เร่งตั้งคลินิกไข้ชั่วคราว
โรงพยาบาลบางแห่งในกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน ได้จัดตั้งคลินิกไข้ชั่วคราวภายในโรงยิมสำหรับให้บริการต่างๆ แก่ประชาชน เช่น การตรวจวินิจฉัยโรค การออกใบสั่งยา และการจ่ายยา เพื่ออำนวยความสะดวกกลุ่มผู้ป่วยที่มีไข้ในการเข้ารับการรักษาพยาบาล และรองรับความต้องการทางการแพทย์ของผู้อยู่อาศัย (ซินหัว)
26 ธ.ค.โรงงานยาในเทียนจินเร่งผลิตยารักษาโควิด
เหล่าพนักงานบริษัทเภสัชภัณฑ์ในเทศบาลนครเทียนจินทางตอนเหนือของจีน ทำงานผลิตและขนส่งยารักษาโรคอย่างแข็งขัน ขณะสายการผลิตยารักษาโรคในเทียนจินเร่งทำงานเต็มกำลังเพื่อขยายอุปทานยารักษาอาการเจ็บป่วยของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ภาพจาก ซินหัว)
27 ธ.ค. จีนเตรียมวัคซีนโควิด กว่า 10 ชนิด เพื่อฉีดกระตุ้นเข็มที่สอง
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญจากคณะทำงานเฉพาะกิจระหว่างหน่วยงานเพื่อการรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แห่งคณะรัฐมนตรีจีน เผยว่าปัจจุบันจีนมีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 รวม 13 ชนิด สำหรับฉีดเป็นวัคซีนโดสกระตุ้นที่สอง ซึ่งได้รับอนุมัติให้วางจำหน่ายในตลาดแบบมีเงื่อนไขหรือใช้งานในกรณีฉุกเฉิน
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญจากกลไกร่วมป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 แห่งคณะรัฐมนตรีจีน กล่าวว่าประชาชนส่วนใหญ่เลือกวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดมุ่งต้านเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน สำหรับฉีดเป็นวัคซีนโดสกระตุ้นที่สอง
แผ่นดินใหญ่ของจีนได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 กว่า 3,460 ล้านโดส เมื่อนับถึงวันศุกร์ (23 ธ.ค.) โดยมีประชากรได้รับวัคซีนครบโดสแล้วกว่าร้อยละ 90 อย่างไรก็ดี กลุ่มผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าระดับของแอนติบอดีจะลดลงตามระยะเวลาหลังการฉีดวัคซีน พร้อมเสริมว่าการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสฯ ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ซึ่งทำให้แอนติบอดีมีประสิทธิภาพลดลง
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญอ้างอิงการศึกษาหลายชิ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการฉีดวัคซีนโดสกระตุ้นสามารถกระตุ้นเซลล์ความจำทางภูมิคุ้มกันในร่างกายของผู้ทดลองและเพิ่มระดับแอนติบอดี ซึ่งจะช่วยป้องกันการเจ็บป่วยขั้นรุนแรงและการเสียชีวิต พร้อมแนะนำผู้มีคุณสมบัติที่ยังไม่ได้รับวัคซีนโดสกระตุ้นเข้ารับวัคซีนโดยเร็วที่สุด โดยกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงติดเชื้อสูง ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัวร้ายแรง และผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ ควรเข้ารับวัคซีนโดสกระตุ้นที่สอง หลังฉีดวัคซีนโดสกระตุ้นแรก 6 เดือน
ส่วนผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิดเชื้อตาย 3 โดสแรก สามารถเลือกรับวัคซีนชนิดอื่นๆ ที่รัฐบาลแนะนำเป็นวัคซีนโดสกระตุ้นที่สอง ซึ่งได้แก่ วัคซีนชนิดโปรตีนลูกผสม วัคซีนชนิดใช้อะดิโนไวรัสเป็นตัวนำพา หรือวัคซีนชนิดใช้เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เป็นตัวนำพา
ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีนได้ทำการติดตามอาการไม่พึงประสงค์หลังการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยอ้างอิงจากการฉีดวัคซีนกว่า 3.4 พันล้านโดสให้กับประชาชนกว่า 1.3 พันล้านคน ซึ่งพบว่าอัตราอุบัติการณ์ของอาการไม่พึงประสงค์ต่อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 นั้นใกล้เคียงกับวัคซีนอื่นๆ ทั่วไป และอัตราอุบัติการณ์ดังกล่าวในผู้สูงอายุต่ำกว่าคนหนุ่มสาวเล็กน้อย
จีนเร่งผลิตเวชภัณฑ์ รับมือโควิด
จีนดำเนินงานรับรองการผลิตเวชภัณฑ์สำคัญอย่างเร่งด่วน ขณะมีการปรับปรุงประสิทธิภาพและความเหมาะสมของการรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ภายในประเทศ
กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีน ได้จัดตั้งกลไกการประสานงานฉุกเฉินกับทางการท้องถิ่น เพื่อช่วยผู้ประกอบธุรกิจเภสัชภัณฑ์ขยายกำลังการผลิต และรับรองการจัดสรรอุปทานยาสำคัญสำหรับควบคุมโรคโควิด-19
โจวเจี้ยน เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ กล่าวว่ากลุ่มบริษัทที่เกี่ยวข้องและบริษัทฝ่ายสนับสนุนหลักทั้งหมดถูกจัดอยู่ใน "บัญชีขาว" เพื่อรับการสนับสนุนและบรรลุความร่วมมือด้านปัจจัยการผลิต
ทางการท้องถิ่นทั่วจีนได้ออกสารพัดมาตรการเพื่อเพิ่มผลผลิตเวชภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงการจัดหาวัตถุดิบและพลังงาน การจัดตั้งสายการผลิตใหม่ และการส่งเสริมการยกระดับเทคโนโลยี เพื่อช่วยผู้ประกอบการดำเนินการผลิตเต็มกำลัง ณ ฐานการผลิตของปู้ฉาง ฟาร์มาซูติคัลส์ (Buchang Pharmaceuticals) บริษัทผู้รับผิดชอบการผลิตยาที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด-19 สามตัว มีสายการผลิตดำเนินงานตลอด 24 ชั่วโมง จำนวน 8 สาย
ส่วนบริษัท หูเป่ย เฮิงตี๋ จำกัด (Hubei Biocause Heilen Pharmaceutical) บริษัทเภสัชภัณฑ์ในมณฑลหูเป่ยทางตอนกลางของจีน เผยว่าสายการผลิตยาลดไข้ไอบูโพรเฟน (ibuprofen) ทั้งหมดทำการผลิตสูงสุดเท่าที่ได้ โดยผลผลิตวัตถุดิบสำหรับยาดังกล่าวอยู่ที่ 10-13 ตันต่อวัน
ทั้งนี้ กระทรวงฯ พยายามรับรองการจัดสรรยาอย่างตรงเป้าหมายและสมเหตุสมผล ให้ความสำคัญกับการแจกจ่ายเวชภัณฑ์สู่สถานที่สำคัญ เช่น สถาบันการแพทย์และบ้านพักคนชรา พร้อมแนะนำร้านขายยาออนไลน์รายใหญ่ปรับปรุงแพลตฟอร์มการซื้อยาออนไลน์
27 ธ.ค. จีนมุ่งปรับมาตรการโควิด-19 รับหยุด ปีใหม่-ตรุษจีน ราบรื่น
หนังสือเวียนจากสำนักงานทั่วไปของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและคณะรัฐมนตรีจีน ซึ่งเกี่ยวกับการปฏิบัติงานช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่และเทศกาลตรุษจีน เน้นย้ำการรับรองการปรับเปลี่ยนระยะการรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) อย่างราบรื่น
การปฏิบัติงานช่วงวันหยุดดังกล่าวควรให้ความสำคัญกับประชาชนและชีวิตมนุษย์เหนือสิ่งอื่นใด ตลอดจนปรับใช้แนวทางตามหลักวิทยาศาสตร์และมาตรการแบบมุ่งเป้า พร้อมตระเตรียมการตอบสนองความต้องการการรักษาทางการแพทย์ โดยเฉพาะผู้ป่วยอาการหนัก เพื่อรับรองการรักษาตามลำดับปกติ
ทางการท้องถิ่นและหน่วยงานรัฐควรดำเนินมาตรการรับมือโรคโควิด-19 ในสถานที่ องค์กร และกลุ่มประชากรสำคัญอย่างจริงจัง เพื่อลดผลกระทบต่อการผลิตและวิถีชีวิตของประชาชน พร้อมเพิ่มความพยายามชี้แนะผู้ป่วยรับการรักษาแบบแบ่งกลุ่ม แบ่งระดับ และแบบส่งต่อ รวมถึงการให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยที่รักษาตัวในบ้าน
หนังสือเวียนยังเรียกร้องการผลิต จัดหา สำรอง และจัดสรรยาและน้ำยาทดสอบโรคอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงการสืบสวนสอบสวนและลงโทษตามกฎหมายกับกรณีโก่งราคาและกักตุนเวชภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคโควิด-19
ขณะเดียวกันหนังสือเวียนบ่งชี้ความสำคัญของการตอบสนองความต้องการเดินทางของประชาชน การลดความเสี่ยงแพร่เชื้อไวรัสฯ และการจัดสรรบริการขนส่งที่ปลอดภัยและเข้าถึงง่ายตามหลักการ ระหว่างมหกรรมการเดินทางช่วงเทศกาลตรุษจีนในอนาคตอันใกล้
ทั้งนี้ หนังสือเวียนเสนอแนวทางให้ผู้ประกอบการและองค์กรอนุญาตลูกจ้างลาหยุดแบบไม่ทับซ้อนกันตามข้อกำหนดขององค์กรและความต้องการของพนักงาน ด้านโรงเรียนสามารถเริ่มใช้กำหนดการวันหยุดแบบไม่ทับซ้อนกัน เพื่อเกื้อหนุนการเดินทางแบบเหลื่อมเวลาของนักเรียน 27 ธ.ค. จีนประกาศยกเลิกผลตรวจโควิดนักเดินทางต่างประเทศ ตั้งแต่ 8 ม.ค. เป็นต้นไป
แถลงการณ์บนเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศของจีน เมื่อวันอังคาร (27 ธ.ค.) ระบุว่าจีนจะยกเลิกการทดสอบกรดนิวคลีอิกกับนักเดินทางขาเข้าจากต่างประเทศ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. เป็นต้นไป
นักเดินทางขาเข้าจีนควรรับการตรวจโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แบบ PCR ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง
ผู้มีผลตรวจเป็นบวก ควรเลื่อนการเดินทางจนกว่าจะมีผลตรวจเป็นลบ
ขณะเดียวกันนักเดินทางขาเข้าจีนไม่จำเป็นต้องยื่นขอรหัสสุขภาพจากคณะผู้แทนทางการทูตและกงสุลจีน แต่จะแจ้งสถานะสุขภาพของนักเดินทางบนบัตรพิธีการศุลกากร
ส่วนผู้มีสถานะสุขภาพผิดปกติหรืออาการไข้จะได้รับชุดทดสอบแอนติเจนที่ด่านศุลกากร โดยนักเดินทางจะได้รับคำแนะนำให้กักตัวที่บ้านจนกว่าจะหายดีหรือรับการรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพสุขภาพร่างกาย (ภาพ
ซินหัว)
28 ธ.ค. ปักกิ่งเร่งกระจายยาและสิ่งของให้ประชาชน
เหล่าเจ้าหน้าที่ชุมชนตระเวนส่งมอบชุดบรรจุภัณฑ์ช่วยเหลือ ซึ่งประกอบด้วยยาและสิ่งของป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แก่ผู้สูงอายุที่อาศัยตามลำพังและกลุ่มผู้พิการในเขตย่อยหยางฟางเตี้ยน เขตไห่เตี้ยน กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน นอกจากนั้นยังจัดสรรชุดอุปกรณ์ทางการแพทย์แบบใช้ร่วมกันให้ประชาชนสำหรับใช้กรณีฉุกเฉินอีกด้วย (ซินหัว)
จีนพัฒนาระบบ uFAST เพื่อจัดส่งยาแบบตรงเป้าหมาย ด้วยโดรน
บทความวิจัยที่ตีพิมพ์ผ่านวารสารแอดวานซ์ แมททีเรียลส์ (Advanced Materials) เมื่อไม่นานนี้ เผยว่าคณะนักวิจัยจีนได้พัฒนาระบบปฐมพยาบาลที่ใช้อากาศยานไร้คนขับหรือโดรน เพื่อจัดส่งยาแบบตรงเป้าหมาย
การจ่ายยาสำคัญให้ผู้ป่วยโรคเฉียบพลันอย่างทันท่วงทีถือเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยชีวิต ขณะการจัดส่งชุดปฐมพยาบาลที่เชื่องช้าและการขาดผู้ที่เคยฝึกอบรมใช้ยามักนำไปสู่อาการบาดเจ็บสาหัสหรือแม้กระทั่งการเสียชีวิต
บทความระบุว่าระบบปฐมพยาบาลแบบใหม่หรือยูฟาสต์ (uFAST) ช่วยให้ผู้ป่วยใช้แผ่นแปะยารักษาฉุกเฉินเพื่อบรรเทาอาการป่วยผ่านเข็มฉีดยาขนาดไมครอนที่จะกระตุ้นด้วยการสัมผัส โดยไม่ต้องมีบุคลากรทางการแพทย์
ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงได้สาธิตความสามารถใช้งานจริงและความปลอดภัยของระบบดังกล่าวในสถานการณ์จำลองของหมูที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำขั้นรุนแรง โดยการจ่ายฮอร์โมนกลูคากอน (Glucagon) แบบอัตโนมัติ
อนึ่ง นักวิจัยคาดว่าระบบยูฟาสต์จะอำนวยความสะดวกในการพัฒนาอุปกรณ์ตรวจวัดทางสรีรวิทยาที่สวมใส่ได้ ระบบตรวจจับหรือวิเคราะห์สุขภาพ ตลอดจนวิธีการและอุปกรณ์จัดส่งยาขั้นสูง 29 ธ.ค. เซี่ยงไฮ้ เปลี่ยนศูนย์ตรวจโควิดเป็นคลินิกไข้ชั่วคราว
เทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีนปรับเปลี่ยนจุดทดสอบกรดนิวคลีอิกหลายแห่งเป็นคลินิกไข้ชั่วคราว เพื่อตอบสนองความต้องการทางการแพทย์ของประชาชนท้องถิ่นได้ดียิ่งขึ้น โดยทั้งสองด้านของคลินิกไข้เป็นหน้าต่างสำหรับการตรวจร่างกาย การวินิจฉัยและการรักษา และการจ่ายยา
สวีตงเจี้ยน แพทย์ประจำคลินิกไข้ชั่วคราว กล่าวว่าเจ้าหน้าที่คนหนึ่งรับผิดชอบการตรวจร่างกาย ลงทะเบียน และเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป
หญิงแซ่ลู่ ประชาชนท้องถิ่นคนหนึ่ง เผยว่าคลินิกไข้อยู่ใกล้บ้าน คนไม่เยอะ ทำให้สามารถเข้ารับบริการทางการแพทย์ได้ทันที
จูจินเสียง รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาสังคมตำบลหนานเสียง ระบุว่าจะมีการเปลี่ยนจุดทดสอบกรดนิวคลีอิกเป็นคลินิกไข้ชั่วคราวเพิ่มขึ้น รวมถึงยกระดับการบริการ หลังจากประเมินความต้องการการรักษาทางการแพทย์ของประชาชนและทรัพยากรทางการแพทย์ที่มีอยู่แล้ว 30 ธ.ค. จีนเผย ยาเม็ดรักษาโควิด-19 VV116 มีประสิทธิภาพเท่ายาแพกซ์โลวิด
จีนเผยผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่เผยแพร่ในวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ เปิดเผยว่า "วีวี116" (VV116) ซึ่งเป็นยาต้านโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชนิดรับประทานของจีน มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูสุขภาพหลังป่วยได้รวดเร็วเทียบเท่ากับยาแพกซ์โลวิด (Paxlovid)
ยาต้านเชื้อไวรัสโคโรนาข้างต้นที่พัฒนาขึ้นโดยหลายสถาบันในสังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (CAS) แสดงผลลัพธ์ที่ดีในการรักษาการติดเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์โอไมครอนระยะแรกเริ่ม
ก่อนหน้านี้การศึกษาเบื้องต้นขนาดเล็กรายการหนึ่ง แสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยาวีวี116 ภายใน 5 วัน หลังผลทดสอบเป็นบวกครั้งแรก มีระยะเวลาขับเชื้อไวรัสฯ ออกจากร่างกายสั้นกว่าผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแบบปกติ โดยอยู่ที่เฉลี่ย 8.56 วัน ขณะที่ระยะขับเชื้อของกลุ่มควบคุม (กลุ่มที่ใช้เปรียบเทียบผลการทดลอง) เฉลี่ยอยู่ที่ 11.13 วัน
การศึกษาใหม่ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ (28 ธ.ค.) ยังเผยว่าระยะที่ 3 ซึ่งเป็นการทดลองแบบสุ่มระหว่างการระบาดของเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน พบว่ากลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยาวีวี116 มีระยะเวลาเฉลี่ยในการฟื้นฟูสุขภาพหลังป่วยอยู่ที่ 4 วัน เทียบกับผู้รับประทานยาแพกซ์โลวิดซึ่งอยู่ที่ 5 วัน
การศึกษายังพบว่าผลการรักษาด้วยยาวีวี116 ในกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีอาการระดับเล็กน้อยถึงปานกลางและเสี่ยงที่จะมีอาการลุกลามในโรงพยาบาล 7 แห่งของเซี่ยงไฮ้ ไม่ได้ด้อยไปกว่ายาแพกซ์โลวิด หรือยานีมาทรีเวียร์-รีโทนาเวียร์ (nirmatrelvir-ritonavir) ทั้งยังมีข้อกังวลด้านความปลอดภัยน้อยกว่า
ทั้งนี้ คณะนักวิจัยกล่าวว่าเนื่องจากอุปทานยาแพกซ์โลวิดทั่วโลกไม่เพียงพอต่อความต้องการ ยาวีวี116 จึงถือเป็นทางเลือกที่ดีกว่า 31 ธ.ค.จีนอนุมัตินำเข้าโมลนูพิราเวียร์แล้ว
เมื่อวันศุกร์ (30 ธ.ค.) สำนักงานบริหารเวชภัณฑ์แห่งชาติจีน เปิดเผยการอนุมัติพิเศษและการอนุมัติแบบมีเงื่อนไขเพื่อการจดทะเบียนนำเข้าโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ยารักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ของเมิร์ก แอนด์ โค (Merck & Co)
โมลนูพิราเวียร์เป็นยาชนิดรับประทานที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก สำหรับผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่ที่มีอาการของโรคโควิด-19 ระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง และมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการป่วยหนัก รวมถึงผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่เป็นผู้สูงอายุ น้ำหนักเกิน หรือมีโรคไตเรื้อรัง เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือดรุนแรง และโรคปอดเรื้อรัง
ทั้งนี้ สำนักงานฯ ร้องขอผู้ถือครองสิทธิทางการตลาดของยาโมลนูพิราเวียร์ดำเนินการวิจัยที่เกี่ยวข้องต่อไป ปฏิบัติตามข้อกำหนดตามเงื่อนไขต่างๆ ภายในระยะเวลาที่กำหนด และยื่นผลการวิจัยการติดตตามผลต่อเนื่องโดยทันที