องค์การเภสัชกรรม (GPO) เผยมียาฟาวิพิราเวียร์กว่า 4.8 แสนเม็ด ทยอยส่งให้โรงพยาบาลแล้ว พร้อมจัดหาเพิ่มอีก 1 แสนเม็ด
องค์การเภสัชกรรมกรรม เผยได้มีการสำรองยาฟาวิพิราเวียร์กว่า 4.8 แสนเม็ด และได้ทยอยจัดส่งไปรักษาผู้ป่วยในพื้นที่ต่างๆแล้ว พร้อมจัดหาเพิ่มอีกกว่า 1 แสนเม็ด คาดยาที่ผลิตเองและขึ้นทะเบียนได้ในปี 2564 ประสานผู้ผลิตหน้ากากอนามัยขยายกำลังการผลิต ช่วยบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนมีหน้ากากอนามัยใช้อย่างเพียงพอในสถานการณ์โควิด 19
นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมยาและเวชภัณฑ์ในสถานการณ์โรคโควิด 19 ว่า การรักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด 19 มียาฟาวิพิราเวียร์จำนวน 488,200 เม็ด โดยบางส่วนทยอยจัดส่งไปใช้รักษาผู้ติดเชื้อในพื้นที่ต่างๆ แล้ว และมีการตรวจติดตามคุณภาพของยาอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดหาเพิ่มเติมอีกกว่า 100,000 เม็ด นอกจากนี้ องค์การเภสัชกรรมได้ทำการวิจัยและพัฒนายาฟาวิพิราเวียร์เอง เพื่อให้ประเทศไทยพึ่งพาตนเองได้
"ขณะนี้การวิจัยพัฒนาในระดับห้องปฏิบัติการเสร็จแล้ว โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 จะเริ่มทำการผลิตในระดับอุตสาหกรรมจำนวน 360,000 เม็ด สำหรับทดสอบประสิทธิผลการรักษาหรือการศึกษาชีวสมมูล (Bioequivalence study) ซึ่งเป็นการศึกษาระดับยาในเลือดเทียบกับยาต้นแบบ เพื่อยื่นขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ในเดือนกันยายน 2564 หากได้รับขึ้นทะเบียน จะเป็นยาสำหรับการสำรองใช้ในการรักษาผู้ติดเชื้อโควิดต่อไป" นพ.วิฑูรย์กล่าว
นพ.วิฑูรย์กล่าวต่อว่า ส่วนเวชภัณฑ์ต่างๆ ขณะนี้มี
- หน้ากาก N95 จำนวน 2,167,182 ชิ้น
- ชุด PPE แบบ Cover all จำนวน 165,146 ชุด
- แบบ surgical gown จำนวน 55,726 ชุด
- แบบ Isolation gown จำนวน 275,750 ชุด
- แบบ Isolation gown Reusable ชนิดใช้ซ้ำ จำนวน 7,948 ชุด
- ถุงมือ Nitrile จำนวน 96,350 คู่
- ถุงมือ Latex Glove จำนวน 223,050 คู่
- และจัดเตรียมแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์เจลเพิ่มเติมให้เพียงพอกับสถานการณ์
สำหรับหน้ากากอนามัย องค์การเภสัชกรรมเปิดสายการผลิตหน้ากากอนามัย โดยผลิตได้เดือนละ 1 ล้านชิ้น ขณะนี้ได้ส่งหน้ากากอนามัยจำนวน 1 แสนชิ้นไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่การระบาด และประสานกับบริษัทเอกชนในประเทศขยายกำลังการผลิตหน้ากากอนามัยให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนว่าจะมีหน้ากากอนามัยสำหรับใช้งานอย่างเพียงพอ ในราคาที่เข้าถึงได้