คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติเห็นชอบออก “วัคซีนพาสปอร์ต” สำหรับผู้ที่รับวัคซีนโควิด 19 ครบ พร้อมลดวันกักตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศที่มีใบรับรองฉีดวัคซีนโควิดเหลือ 7 วัน หากไม่มีใบรับรองฉีดวัคซีน มีเพียงผลตรวจปลอดเชื้อโควิด ลดกักตัวเหลือ 10 วัน ยกเว้นผู้เดินทางจากทวีปแอฟริกาคงการกักตัว 14 วัน เตรียมนำเสนอ ศบค. เพื่อพิจารณา
วันนี้ (8 มีนาคม 2564) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2564 ว่า ที่ประชุมได้หารือในประเด็นสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 2 ประเด็น คือ เรื่องเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนโควิด-19 และ เรื่องการลดวันกักตัว
1. เอกสารรับรองการได้รับวัคซีนโควิด-19
คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีมติเห็นชอบในเรื่องเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนโควิด-19 ใน 2 รูปแบบ ดังนี้
- ใบรับรองการฉีดวัคซีน เอกสารรับรองการได้รับวัคซีนโควิด-19 โดยผู้ที่ได้รับวัคซีนครบแล้วจะได้รับใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด 19 จากสถานพยาบาลที่ฉีด ไม่มีค่าใช้จ่าย
- วัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine Passport) หรือ “สมุดเล่มเหลือง” หากประสงค์ที่จะเดินทางไปต่างประเทศให้นำใบรับรองการฉีดวัคซีนไปขอรับวัคซีนพาสปอร์ตหรือ “สมุดเล่มเหลือง” ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมเล่มละ 50 บาท และรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ 50 บาท โดยจะมีการออกประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการออกสมุดเล่มเหลือง
อย่างไรก็ตาม การนำไปใช้เดินทางในต่างประเทศยังต้องรอข้อตกลงระดับสากลก่อน
2. การลดวันกักตัว
เรื่องการลดวันกักตัว เนื่องจากขณะนี้ทั่วโลกฉีดวัคซีนโควิด 19 แล้วมากกว่า 250 ล้านโดส ทำให้มีภูมิต้านทานและลดการติดเชื้อได้มากขึ้น ที่ประชุมเห็นชอบการลดวันกักตัวใน 3 กรณี คือ
2.1 คนต่างชาติมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน
- อย่างน้อย 14 วัน ไม่เกิน 3 เดือนก่อนเดินทาง
- มีเอกสารรับรองปลอดโควิดใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง และ
- ตรวจหาเชื้ออีกครั้งในประเทศไทยไม่พบเชื้อ
ลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน ยกเว้นผู้ที่เดินทางมาจากทวีปแอฟริกาให้กักตัว 14 วัน
2.2 คนไทยเดินทางจากต่างประเทศ
- มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนโควิดอย่างน้อย 14 วัน ไม่เกิน 3 เดือน
- ไม่มีเอกสารรับรองปลอดโควิด
- ผลการตรวจหาเชื้อในประเทศไทย 2 ครั้งไม่พบเชื้อ
ให้ลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน
2.3 คนต่างชาติไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนโควิด
- มีเพียงเอกสารรับรองปลอดโควิด 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
ลดวันกักตัวเหลือ 10 วัน
โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เมษายน 2564 เป็นต้นไป
ระยะต่อไปตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 หากฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มเสี่ยงป่วยรุนแรงอย่างน้อยร้อยละ 70 และประชาชนที่ทำงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยวได้รับวัคซีนครบตามเป้าหมาย บางพื้นที่่อาจผ่อนคลายไม่ต้องกักตัว โดยจะเสนอ ศบค. พิจารณาต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมจึงได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมรับมือโควิด 19 และเฝ้าระวังแนวชายแดนไทย-เมียนมา จากสถานการณ์การเมืองในเมียนมา เข้มงวดบริเวณแนวชายแดน และจัดสถานกักกันตามชายแดนไว้รองรับเป็นการเฉพาะ
นายอนุทินกล่าวต่อว่า คณะกรรมการฯ พิจารณาเรื่องการจัดหาวัคซีนโควิด 19 เพิ่มให้ครอบคลุมประชาชนมากยิ่งขึ้น จากที่จัดหาไว้ 63 ล้านโดส ครอบคลุมประชาชน 31.5 ล้านคน โดยไม่นับกลุ่มหญิงตั้งครรภ์และคนอายุน้อยกว่า 18 ปี ก็อาจต้องหาเพิ่มเติมอีก 10-20 ล้านโดสโดยอาจขอให้แอสตร้าเซนเนก้าเพิ่มกำลังผลิต หรือจัดหาวัคซีนชนิดอื่นที่มีประสิทธิภาพประสิทธิผลปลอดภัยมากขึ้น
8 มีนาคม 2564