ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

อสม.ไทยกว่าล้านคน หรือ ผู้ปิดทองหลังพระ ช่วยสอดส่องดูแลให้ชุมชนห่างไกลโควิด 19

อสม.ไทยกว่าล้านคน หรือ ผู้ปิดทองหลังพระ ช่วยสอดส่องดูแลให้ชุมชนห่างไกลโควิด 19 Thumb HealthServ.net
อสม.ไทยกว่าล้านคน หรือ ผู้ปิดทองหลังพระ ช่วยสอดส่องดูแลให้ชุมชนห่างไกลโควิด 19 ThumbMobile HealthServ.net

กระทรวงสาธารณสุขบริหารจัดการอสม.จำนวน 1.04 ล้านคนทั่วประเทศ รวมถึงอาสาสมัคร 15,000 คนในกรุงเทพฯ อสม.แต่ละคนได้รับเงิน 1,000 บาทต่อเดือน และได้รับอีก 500 บาทเพิ่มในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19

อสม.ไทยกว่าล้านคน หรือ ผู้ปิดทองหลังพระ ช่วยสอดส่องดูแลให้ชุมชนห่างไกลโควิด 19 HealthServ
(บทความแปลมาจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ)
ต้นฉบับภาษาอังกฤษเขียนโดย มณฑิรา นาควิเชียร ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อสารองค์กร องค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย แปลและเรียบเรียงจากต้นฉบับภาษาอังกฤษโดย สุวิมล สงวนสัตย์
 
คูบางหลวง ประเทศไทย – กว่าสี่ทศวรรษแล้วที่กองทัพอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ได้ช่วยเหลือพี่น้องในชุมชนให้ห่างไกลจากโรคต่างๆ ในขณะนี้ อสม.กำลังปกป้องคนในชุมชนจากโรคระบาดใหม่ที่พวกเขาไม่เคยเผชิญมาก่อน
 
อสม.ช่วยให้คนอย่างเช่นนายสมชาย จาจุมปา วัย 37 ปีคลายความกังวลได้ ซึ่งในเดือนมีนาคมเขาได้หนีกลับมาจากประเทศเกาหลีใต้ ที่ที่เขาทำงานอยู่ในโรงงานไอศกรีมแห่งหนึ่งเพื่อกลับมายังบ้านที่คูบางหลวง
 
“ผมกังวลมาก กลัวและอยากออกมาให้เร็วที่สุดเพราะรู้ว่าจะดีกว่าถ้าอยู่บ้านเรา” สมชายกล่าวในการสัมภาษณ์ขององค์การอนามัยโลก
 
เขากล่าวว่า ในช่วงกักตัว 14 วันภาคบังคับเมื่อกลับมาถึงประเทศไทย “บุคลากรทางการแพทย์ และอสม. โทรหาเขาทุกเช้าเพื่อสอบถามว่าเขาเป็นอย่างไร ตลอดจนถามว่าตรวจวัดอุณหภูมิและสังเกตอาการต่างๆหรือไม่”
 
“นอกจากนี้ ยังมีอาหารให้ทุกมื้อและคอยสอบถามเพื่อให้แน่ใจว่าผมไม่เครียดจนเกินไป” สมชายกล่าวเสริม
 
ขณะนี้สมชายปลอดภัยดีและกำลังหางานทำในคูบางหลวง ซึ่งเป็นตำบลในจังหวัดปทุมธานีที่มีลักษณะกึ่งเมืองกึ่งชนบทและอยู่ 50 กม.ทางเหนือของกรุงเทพฯ
อสม.ไทยกว่าล้านคน หรือ ผู้ปิดทองหลังพระ ช่วยสอดส่องดูแลให้ชุมชนห่างไกลโควิด 19 HealthServ
กระทรวงสาธารณสุขบริหารจัดการอสม.จำนวน 1.04 ล้านคนทั่วประเทศ รวมถึงอาสาสมัคร 15,000 คนในกรุงเทพฯ อสม.แต่ละคนได้รับเงิน 1,000 บาทต่อเดือน และได้รับอีก 500 บาทเพิ่มในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
 
อสม.เหล่านี้เป็นส่วนสำคัญของระบบสุขภาพปฐมภูมิในช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมา พวกเขาออกไปสำรวจข้อมูลด้านสาธารณสุข เก็บข้อมูล เก็บบันทึกด้านสุขภาพของครอบครัว และรณรงค์เรื่องการป้องกันโรคเพื่อสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ในช่วงที่มีการแพร่ระบาด การเก็บประวัติสุขภาพของสมาชิกในชุมชนโดยละเอียดได้ถูกนำมาใช้เพื่อติดตามผู้สัมผัสโรคและเพื่อติดตามด้านสุขภาพ
 
อสม.เหล่านี้ได้ปกป้องคนในชุมชนจากโรคที่คุ้นเคยตลอดฤดูกาลระบาดมานานแล้ว ในช่วงฤดูฝน พวกเขาไปเยี่ยมตามบ้านเพื่อช่วยกำจัดแหล่งน้ำขังซึ่งเป็นที่เพาะพันธุ์ยุงลายอันเป็นพาหะของโรคไข้เลือดออก ช่วยกำจัดลูกน้ำ และกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์อื่นๆ ส่วนในช่วงฤดูร้อน พวกเขาช่วยทางปศุสัตว์ท้องถิ่นฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าให้โคกระบือและสัตว์เลี้ยง
 
อสม.เน้นการให้ความรู้และให้ข้อมูล พวกเขาช่วยให้ชาวบ้านเข้าใจสาเหตุของโรคและวิธีป้องกันรักษาโรคเช่น ไข้เลือดออก พิษสุนัขบ้า และมาลาเรีย ซึ่งเป็นบทเรียนที่ได้นำมาปรับใช้กับโรคโควิด 19
 
อสม.ไปเคาะตามประตูบ้านทุกหลังเพื่อให้คำแนะนำเรื่องการป้องกันโรคโควิด 19 อาการและการสังเกตตนเอง แจกหน้ากากซึ่งพวกเขาเย็บเอง ตลอดจนแจกแอลกอฮอล์เจลและใบปลิว ช่วงที่ประเทศไทยมีการระบาดสูง พวกเขาได้รับหน้ากากและเฟสชิล์ด ถุงขยะอันตรายและแอลกอฮอล์เจลเพื่อปกป้องตนเอง
 
ทั่วประเทศไทย นับตั้งแต่วันที่ 2 ถึง 26 มีนาคม อสม.ไปเยี่ยมบ้านถึง 3.3 ล้านหลังคาเรือน ช่วง 27 มีนาคมถึง 11 เมษายน พวกเขาไปเยี่ยมเพิ่มเติมอีก 8 ล้านหลังคาเรือนเพื่อค้นหาผู้ป่วยโควิด 19 โดยเน้นที่กลุ่มคนต้องสงสัยว่ามีความเสี่ยงตามคำนิยามของกระทรวงสาธารณสุข
 
ในวันที่ 22 มิถุนายนที่ได้ไปเยี่ยมโรงพยาบาลเสริมสุขภาพตำบล เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกเห็นอสม. แสดงรายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด 19 ให้ชาวบ้านดูผ่านทางแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือเพื่อให้ชาวบ้านรับรู้แนวโน้มของสถานการณ์โลกและเรียนรู้ถึงประโยชน์ของการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล การใช้แอลกอฮอล์เจลและการเลี่ยงที่ชุมนุมชน เป็นต้น
 
เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกได้เห็นอสม.ช่วยเหลืองานเพื่อป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 และเห็นความพยายามของโรงพยาบาลที่จะทำให้คนมีสุขภาพกายและใจแข็งแรง อีกทั้งได้เห็นอสม.ช่วยวัดความดันและส่งยาตามบ้านผู้ป่วยเรื้อรังด้วย
 
ศิริพร แซมอน ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขซึ่งทำงานกับอสม.ในคูบางหลวง กล่าวว่า อสม.รับรู้สถานการณ์ล่าสุดและข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงานผ่านทางแอปพลิเคชันเพื่ออสม.ซึ่งออกแบบมาใช้ในสถานการณ์การระบาดนี้โดยเฉพาะ และยังมีกลุ่มไลน์ที่สร้างขึ้นสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ระดับปฐมภูมิ อสม.รายงานเหตุการณ์ ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับสุขภาพของสมาชิกในชุมชนและเรียกรถพยาบาลด้วย
 
ทั่วประเทศไทย อสม.ยังช่วยภาครัฐติดตามผู้สัมผัสโรคและแยกตัวผู้ต้องถูกกักกันที่บ้านเมื่อมีความจำเป็น พวกเขายังช่วยดูแลให้ผู้คนและกิจกรรมกิจการต่างๆเป็นไปตามมาตรการป้องกันโควิด 19
 
มีความต้องการความช่วยเหลือของอสม.อย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงที่โรคระบาดนี้สร้างภาระให้โรงพยาบาลและคลินิกต่างๆ
 
“อสม.เป็นบุคลากรหลักในชุมชนที่ช่วยให้บริการจำเป็นทางสุขภาพต่างๆดำเนินไปได้โดยไม่สะดุด” สุชีรา บรรลือสินธุ์ เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทยกล่าว
 
นอกจากนี้ อสม.ยังช่วยสร้างความมั่นใจให้ชาวบ้านในช่วงเวลาที่ไม่มีอะไรแน่นอนและเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความรู้สึกปลอดภัยและการดูแลตนเองของชาวชุมชนคูบางหลวงได้ พวกเขาช่วยบรรเทาการตีตราที่เกิดจากการที่คนถูกสอบสวนโรคเมื่อมีอาการคล้ายโควิด 19 และคนอย่างสมชายที่เพิ่งกลับมาไทย (ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ผู้ป่วยยืนยันโควิด 19 อยู่เฉพาะในกลุ่มผู้ที่เดินทางกลับมา)
  “อสม.ของไทยเป็นผู้ปิดทองหลังพระซึ่งทำงานเพื่อสนับสนุนการป้องกัน การตรวจพบและการรายงานผู้ป่วยโควิด 19 พวกเรารับรู้บทบาทที่พวกเขามีในการส่งเสริมระบบสาธารณสุขในประเทศไทยมากว่าสี่ทศวรรษแล้ว” นายแพทย์แดเนียล เคอร์เทสซ์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทยกล่าว
ในบรรดาคนที่ช่วยเหลือสมชายตอนที่กลับมาจากเกาหลีใต้นั้น มีอสม.ชื่อบุญช่วย กรดงาม วัย 49 ปี ซึ่งเป็นอสม.ในคูบางหลวงมา 26 ปีแล้ว
 
บุญช่วยถอดหน้ากากออกเพื่อ
 
ให้เห็นรอยยิ้มกว้าง “เห็นไหมคะ ไม่มีสัญญาณของความเหน็ดเหนื่อย มีแต่ความภาคภูมิใจที่เราได้รับใช้ชุมชน” บุญช่วยกล่าว “เราพร้อมรับอะไรก็ตามที่จะเกิด เรารู้จักทุกคนที่นี่และได้รับความไว้วางใจจากชาวบ้าน”
 
“เราได้ทำดีที่สุดเพื่อรับใช้ชุมชนเมื่อมีความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นช่วงโควิด 19 ก่อนหน้านั้น หรือแม้กระทั่งหลังจากนี้” บุญช่วยเสริม
 
“อสม.หนึ่งคนดูแล 10 ครอบครัว รวมถึงครอบครัวเราเองด้วย” ทองใบ ใจมั่น วัย 60 ปี กล่าว ทองใบได้ทำงานเพื่อชุมชนมา 27 ปีและขณะนี้เป็นหัวหน้าอสม.ในคูบางหลวง “เราผูกพันกับบ้านเกิดและชุมชนของเรามาก ถ้าคิดอย่างนี้จะช่วยให้เราผ่านเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ในแต่ละวัน”
 
อสม.ได้รับเลือกจากชุมชนโดยต้องมีคุณสมบัติจิตสาธารณะ ความสนใจในเรื่องสุขภาพและความสมัครใจช่วยผู้อื่น บุญช่วยกล่าวว่าได้มาช่วยงานอสม.หลังจากได้รางวัลการให้นมแม่และการเลี้ยงดูบุตรดีเด่นเมื่ออายุเพียง 19 ปี
 
ทั่วประเทศนั้น อสม.ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงอย่างเช่นบุญช่วยและทองใบ ใบบรรดาอสม. 130 คนในคูบางหลวง มีถึง 120 คนเป็นผู้หญิง
 
“อสม.หญิงเป็นกลไกในการเชื่อมโยงกับชุมชนเพื่อตอบสนองต่อการระบาดของโควิด 19 พวกเขาสามารถทำงานประสานกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ปกครองของรัฐได้ และยังถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้รุ่นใหม่ที่กำลังฝึกงานได้” นายแพทย์สมัย สิริทองถาวร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุขกล่าว
 
“พวกเขาใส่ใจรายละเอียด มีความมุ่งมั่นและความฉลาดทางอารมณ์ ผู้หญิงสามารถเข้าถึงครัวเรือนต่างๆเพื่อดูแลผู้สูงอายุและช่วยให้บริการจำเป็นทางการแพทย์ดำเนินต่อโดยไม่สะดุด อีกทั้งยังไปเยี่ยมผู้ต้องกักที่บ้านเพื่อช่วยให้ชุมชนลดการตีตราผู้ถูกสอบสวนโรค” รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวเสริม

 

จนถึงปัจจุบัน ชุมชนคูบางหลวงยังไม่มีผู้ป่วยยืนยันโควิด 19 เลยสักราย

 
อสม.ไทยกว่าล้านคน หรือ ผู้ปิดทองหลังพระ ช่วยสอดส่องดูแลให้ชุมชนห่างไกลโควิด 19 HealthServ

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด