นายสิทธิวัตน์ กำกัดวงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โรงพยาบาลอินเตอร์เมดิคัล แคร์ แอนด์ แล็บ (IMH) เปิดเผยถึงแผนธุรกิจของกลุ่มบริษัท IMH ที่ประกอบด้วย โรงพยาบาลเอกชน 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลอินเตอร์เมดิคัล แคร์ แอนด์ แล็บ (IMH) และเป็นบริษัทแม่ของกลุ่ม และอีก 2 โรงพยาบาล คือ โรงพยาบาล IMH ธนบุรี และล่าสุด โรงพยาบาล IMH สีลม (รพ.มเหสักข์เดิม) ไม่รวมโรงพยาบาล IMH แบริ่ง ระยะที่ 1 ที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
นายสิทธิวัตน์ กล่าวถึงกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและการวาง Position ของโรงพยาบาลแต่ละแห่ง ตอบรับเป้าหมายกลุ่มผู้ป่วยที่แตกต่างกันไป โดย รพ.อินเตอร์เมดฯ เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านอาชีวะเวชศาสตร์ โดยเน้นด้านหน่วยแพทย์เคลื่อนที่, Telemed และ Central Lab สามารถให้บริการลูกค้าบริษัท / โรงงาน ได้ทั่วประเทศทั้งภาคเหนือ จรดภาคใต้ ผ่านรถหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ที่มีรองรับการให้บริการกว่า 14 คัน มีเป้าหมายรายได้ ครึ่งปีหลัง 2566 ราว 100 ล้านบาท
ขณะที่ โรงพยาบาล IMH ธนบุรี จะให้บริการดูแลคนไข้ใน พื้นฝั่งธนบุรี รองรับการบริการกลุ่มผู้ป่วยสิทธิ์รัฐบาล ทั้งสิทธิสปสช. (บัตรทอง) สิทธิประกันสังคม และคนไข้เงินสด รวมทั้งการบริหารเครือข่ายคลินิกปฐมภูมิ ภายใต้ชื่อ "คลินิกเวชกรรม IMH" เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการคนไข้ฝั่งธนได้กว้างขวางยิ่งขึ้น
ส่วน โรงพยาบาล IMH สีลม หรือ รพ.มเหสักข์เดิม
หลังงบลงทุนกว่า 998 ล้านบาท ซื้อเข้ามาเป็นสาขาแห่งใหม่ล่าสุด พร้อมแผนขยายเตียงเพิ่มเป็นกว่า 232 เตียง นอกจากวางเป้าให้บริการดูแลผู้ป่วยสิทธิสปสช.และประกันสังคม ในพื้นที่สีลม สาทร แล้ว ยังมีเป้าหมายจะยกระดับขึ้นมาให้บริการคนไข้ต่างชาติ และ กลุ่ม Corporate ย่านสีลม เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้าง รพ. IMH แบริ่ง (เฟส 1) จำนวน 300 เตียง บนพื้นที่ทำเลทองติด BTS แบริ่งนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการออกแบบ ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ ในปี 2568 เพื่อรองรับการให้บริการในกลุ่มลูกค้าคนไทยสิทธิชำระเงินสดระดับกลาง-บน และกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพใต้ – สมุทรปราการ ทั้งนี้หากโรงพยาบาลดังกล่าวแล้วเสร็จ จะส่งผลให้กลุ่ม IMH มีการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่นยืนในอนาคต
นายสิทธิวัตน์ กล่าวถึงแผนอนาคตว่า มีแผนจะเข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลเพิ่ม อีก 1 แห่ง โดยคาดว่าดีลดังกล่าวจะแล้วเสร็จต้นปี 2567 ซึ่งหากเป็นไปตามแผน จะทำให้กลุ่ม IMH มีโรงพยาบาลรวมทั้งหมด 4 แห่ง ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพในการลดต้นทุนในการบริหารจัดการโรงพยาบาล สร้าง Synergy ในเครือฯ ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดของกลุ่ม IMH สู่การเป็น”IMH Medical Hub” ในอนาคต