14 ประเด็นสุขภาพโดดเด่น
- โควิด-19 กับการทำงานที่บ้าน (work from home) และผลกระทบ
- ปลดล็อกกัญชา กัญชง และพืชกระท่อม: เงื่อนไข และผลต่อเศรษฐกิจชุมชน
- โฆษณาอาหารเสริมเกินจริง: ควรแก้ปัญหาอย่่างไร?
- แรงงานข้ามชาติในยุคโควิด-19: ก้าวข้ามการแยกเขาแยกเรา สู่ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา
- โรงงานหมิงตี้ระเบิด บทเรียนภัยพิบัติจากโรงงานสารเคมี
- เกษตรอัจฉริยะ (smart farming) และอนาคตเกษตรไทย
- ไทยกับ RCEP และ CPTPP: ผลกระทบและข้อระวัง
- การเมืองบนถนนกับหนทางออก
- น้ำท่วมซ้ำซาก ผลกระทบและการปรับตัว
- SAVEบางกลอย กับประเด็นเรื่องสิทธิทำกินของกลุ่มชาติพันธุ์
- ไทยมุ่งพัฒนา การแพทย์จีโนมิกส์ รักษา 5 กลุ่มโรค
- ไทยมุ่งพัฒนาวัคซีนโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง
- ผลักดันนโยบายภาษีเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมน้ำตาล
- ไทยผลิตยาเลิกบุหรี่จาก เมล็ดจามจุรีสีทอง
แต่ละประเด็นมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
1.โควิด-19 กับการทำงานที่บ้าน (work from home) และผลกระทบ
แม้ว่าการทำงานที่บ้านจะส่งผลดีหลายประการ เช่น ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ก็อาจส่งผลกระทบด้านสุขภาวะต่อคนจำนวนไม่น้อย โดนเฉพาะความเครียดและภาวะซึมเศร้า
2. ปลดล็อกกัญชา กัญชง และพืชกระท่อม: เงื่อนไข และผลต่อเศรษฐกิจชุมชน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กัญชา กัญชง และกระท่อม ถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษ แต่ในช่วงปี 2563-2564 คนไทยได้ทำความรู้จักมักคุ้นกับพืช 3 ชนิดนี้มากขึ้น ด้วยเหตุผลทางการแพทย์ และทางเศษฐกิจโดยมีการทยอนปลดล็อคบางส่วนของพืชทั้ง 3 ชนิด จนเกิดเป็นยารักษาโรค ผลิตภัณฑ์ต่างๆ หรือแม้แต่อาหารและ เครื่องดื่ม ทำให้ประชาชนบางส่วนมีอาชีพและเข้าถึงโอกาสทางรายได้เพิ่มขึ้น
3.โฆษณาอาหารเสริมเกินจริง: ควรแก้ปัญหาอย่างไร?
4.แรงงานข้ามชาติในยุคโควิด-19: ก้าวข้ามการแยกเขาแยกเรา สู่ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา
ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นี้ ไทยปฏิบัติต่อคนไทยและชาวต่างชาติแตกต่างกัน ซึ่งการกระทำเช่นนี้ในที่สุดได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพคนไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะโรคระบาดไม่ได้สนในเรื่องสัญชาติหรือเชื้อชาติ มนุษย์ทุกคนมีสิทธิติดโรคระบาดทั้งสิ้น
5.โรงงานหมิงตี้ระเบิด บทเรียนภัยพิบัติจากโรงงานสารเคมี
การระเบิดของโรงงาน บจก.หมิงตี้ฯ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สนของรัฐ เอกชน และประชาชนเป็นจำนวนมาก อีกทั้งสร้างผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมเป็นวงกว้าง กลุ่มควันสีดำขนาดใหญ่ปกคลุมทั่วบริเวณ จนสามารถมองเห็นไกลออกไปหลายสิบกิโลเมตร
6.เกษตรอัจฉริยะ (smart farming) และอนาคตเกษตรไทย
smart farming ยังคงกระจุกตัวอยู่ในพืชมูลค่าสูงและมีเกษตรกรที่เป็น smart farmer ไม่มาก คำถามสำคัญคือทำอย่างไรที่จะให้เกษตรกรที่ผลิตพืชมูลค่าต่ำ (ข้าว ยาง มันสำปะหลัง และอ้อย) ซึ่งเป็นพืชหลักของประเทศ หันมาใช้ความรู้เข้มข้น เพื่อเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และลดความเสี่ยง และเกษตรกรสามารถพัฒนาตนเองให้เป็น smart farmer ได้
7.ไทยกับ RCEP และ CPTPP: ผลกระทบและข้อระวัง
การที่ประเทศไทยจะเข้าร่วมความตกลงการค้าระหว่างประเทศใดๆ จำเป็นต้องศึกษาและประเมินผลกระทบอย่างรอบด้าน ไม่เพียงในเรื่องการค้า การลงทุน และห่วงโซ่อุปทาน แต่ยังรวมถึง ความมั่นคงทางอาหาร ความมั่นคงทางยา ระบบสุขภาพ และการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
8.การเมืองบนถนนกับหนทางออก
แม้ว่าการระบาดของโควิด-19 จะทำให้การชุมนุมทางการเมืองต้องหยุดพักไประยะหนึ่งตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 แต่ในปี 2564 ก็ได้เกิดม็อบการเมืองบ่อยครั้ง และมีการใช้ความรุนแรงระหว่างรัฐกับผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยมีการตอบโต้กันทั้งสองฝ่าย อีกทั้งมีการดำเนินคดีกับแกนนำม็อบและผู้ชุมนุมจำนวนมาก
9.น้ำท่วมซ้ำซาก ผลกระทบและการปรับตัว
การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในพื้นที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางในการพัฒนาและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการก้าวไปสู่การยกระดับวิถีชีวิตใหม่ที่ตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนในอนาคต
10.#SAVEบางกลอย กับประเด็นเรื่องสิทธิทำกินของกลุ่มชาติพันธุ์
ความขัดแย้งในพื้นที่บางกลอยในผืนป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นภาพสะท้อนปัญหาในเรื่องสิทธิที่ดินทำกินของกลุ่มชาติพันธุ์ในหลายพื้นที่ในประเทศไทย ไม่ใช่เพียงชาวกะเหรี่ยงที่บางกลอยเท่านั้น
11.ไทยมุ่งพัฒนา การแพทย์จีโนมิกส์ รักษา 5 กลุ่มโรค
การแพทย์จีโนมิกส์ หรือ การแพทย์แม่นยำ เป็นแนวทางการดูแลผู้ป่วย โดยประยุกต์ใช้ข้อมูลด้านพันธุกรรม สภาพแวดล้อม และวิถีชีวิตที่จำเพาะต่อผู้ป่วยแต่ละคนมาประกอบการวินิจฉัย และเลือกการรักษาที่ตรงจุดและเหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละราย เพื่อการรักษาโรคบางชนิด เช่น มะเร็ง วัณโรค โรคหายาก เป้นต้น โดยการแพทย์จีโนมิกส์ จะเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น การตรวจยีนมะเร็งบางชนิดเพื่อป้องกันการเกิดมะเร็ง ตรวจยืนแพ้ยาเพื่อลดการแพ้ยารุนแรง ในอนาคตคาดการแพทย์แขนงนี้จะมีบทบาทสูงมากขึ้นในการสาธารณสุขของไทย และใช้ดูแลสุขภาพประชาชนตั้งแต่ตั้งครรภ์ เป็นทารก เติบโต กระทั่งเสียชีวิต
ปัจจุบัน ไทยมุ่งพัฒนาวิจัยด้านแพทย์จีโนมิกส์ใน 5 กลุ่มโรค ได้แก่ กลุ่มโรคมะเร็ง โรคหายาก โรคติดเชื้อ โรคไม่ติดต่อ และกลุ่มผู้ป่วยแพ้ยา
12.ไทยมุ่งพัฒนาวัคซีนโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันไทยเป็นฐานการผลิตวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าที่สำคัญแห่งหนึ่งในเอเซีย จากโรงงานสยามไบโอไซเอนซ์ นอกจากนี้หลายหน่วยงานได้มุ่งพัฒนาวิจัยวัคซีนโควิด-19 ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ อาทิ วัคซีนชนิดโปรตีนซับยูนิท บ.ใบยา ไฟโตฟาร์ม ร่วมกับคณะเภสัชฯ จุฬาฯ วัคซีน mRNA ของศูนย์วิจัยวัคซีนคณะแพทย์ฯ จุฬาฯ วัคซีนโควิด-19 HXP-CPOVac ขององค์การเภสัชกรรม วัคซีนโควิเจน ชนิด DNA ของบ. BioNet-Asia จำกัด
เนื่องจากโควิด-19 มีการกลายพันธู์ตลอดเวลา การพัฒนาวัคซีนให้ครอบคลุมสายพันธุ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง จึงเป็นสิ่งจำเป้น ซึ่งประเทศไทย ก็ได้ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาวัคซีนเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าวด้วยเช่นกัน
13.ผลักดันนโยบายภาษีเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมน้ำตาล
เป็นนโยบายที่ทำให้กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้รับรางวัล United Nations Inter-Agency Task Force (UNIATF Award) on the Prevention and Control of Non-communicable Diseases ของสหประชาชาติ ในการประชุมครั้งที่ 76 ปี 2564 โดยรางวัลนี้จะมอบให้แก่องค์กรที่มีผลงานโดดเด่นด้านการควบคุมป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรังจากทั่วโลก ที่ผลักดันนโยบาย ขับเคลื่อน ควบคุมและป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรับ ตามกรอบ SDGs โดยรางวัลที่กรมอนามัย ได้รับ ในหมวดภาครัฐด้านสาธารณสุข จากการผลักดันนโยบายภาษีเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาล ลดการบริโภคน้ำตาลในประชากรไทย โดยมีหลักฐานเชิงประจักษ์ด้านผลการดำเนินนโยบาย และเป็นผู้นำในการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง ผลจากนโยบาย คือการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตของเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล 3 ประเด็น ได้แก่
1. ในภาพรวม ราคาเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ที่ผลิตในประเทศ และนำเข้า มีราคาเพิ่มขึ้น ร้อยละ 12.7 และ 18.1 ตามลำดับ
2. เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง มีสัดส่วนลดลง โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมากกว่า 10 กรัม แต่ไม่เกิน 14 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร มีสัดส่วนลดลงมากที่สุด
3. สัดส่วนรายได้จากภาษีเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบต่อรายได้ภาษีสรรพสามิตทั้งหมด14.ไทยผลิตยาเลิกบุหรี่จาก เมล็ดจามจุรีสีทอง
ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการวิจัยเพื่อพัฒนายาเลิกบุหรี่ที่ชื่อ "ไซทิซีน (cytisine)" เป็นสารสกัดธรรมชาติ จาก เมล็ดจามจุรีสีทอง มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการถอนนิโคติด ทำให้ผ่อนคลายไม่หงุดหงิดในขณะที่เข้าสู่กระบวนการเลิกบุหรี่ โดยความร่วมมือของคณะแพทยศาสตร์ มศว. ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) สสส. และองค์การเภสัชกรรม โดยยาชนิดนี้ใช้มาก่อนหน้านี้แล้วในยุโรป ถือเป็นยาเลิกบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพดีและปลอดภัย ที่องค์การอนามัยโลกให้การรับรองและสนับสนุน ในประเทศไทย ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างที่เข้ารับบริการ เมื่อได้รับผลวิจัยที่สมบูรณ์แล้ว อภ.จะทำการขึ้นทะเบียนยากับสำนักงาน อย. และผลักดันให้เข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติต่อไป
โปรดใช้ถ้อยคำสุภาพ เหมาะสม เพื่อบรรยากาศที่ดีในการสนทนา และแบ่งปันข้อมูลอันมีคุณค่าต่อกัน