สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนให้ทำการสืบสวนกรณีมีบุคคลเปิดให้บริการผ่าตัดฝังมุกเสริมซิลิโคนและฉีดฟิลเลอร์อวัยวะเพศชายผ่านเฟซบุค “รับฝังมุก ซิลิโคนและฉีดฟิลเลอร์ sub skin” จนแผลเกิดการอักเสบและติดเชื้อรุนแรง มีหนองไหลออกมา โดยหลังรับการรักษาอาการอักเสบแล้ว ยังมีอาการเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง, กลั้นปัสสาวะไม่อยู่, อวัยวะเพศไม่แข็งตัว และไม่สามารถใช้งานหรือมีเพศสัมพันธ์ได้ตั้งแต่ไปฝังมาจนถึงปัจจุบัน
ทำให้เกิดความเครียด ซึมเศร้า จนคิดฆ่าตัวตาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงทำการสืบสวน จนทราบถึงตัวผู้กระทำผิดแล้วจึงให้สายลับทำการนัดหมายเพื่อทำการฉีดเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชาย
ต่อมาเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. จึงร่วมกับ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เข้าตรวจสอบห้องพักรายวันไม่ทราบเลขที่ แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นสถานที่นัดหมาย พบ นาย อภิชาติ (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี กำลังให้บริการลูกค้าที่นัดหมายฉีดเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชาย โดยรับว่าตนไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ และไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมแต่อย่างใด พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นยา, เวชภัณฑ์, เครื่องมือแพทย์ และอุปกรณ์ในการผ่าตัด รวม 25 รายการ จึงร่วมกันจับกุมนาย อภิชาตฯ ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 ดำเนินคดีในความผิดฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา และขายเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต”
โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และรับว่าตนไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมแต่อย่างใด จบการศึกษาระดับปริญญาตรี โดยเคยทำงานในคลินิกช่วยหมอทำงาน หลังจากนั้นออกมาทำเองได้ประมาณ 5 ปี โดยเปิดเฟสบุครับงาน จากนั้นนัดหมายลูกค้าทำการผ่าตัดฝังมุกฉีดฟิลเลอร์เพิ่มขนาดอวัยวะเพศชายตามโรงแรมม่านรูด หรือห้องพักรายวัน โดยคิดค่าใช้จ่ายครั้งละ 15,000-20,000 บาท แล้วแต่ลักษณะการทำ และจำนวนมุกที่ฝัง
ข่าวและภาพจากเพจปคบ.เตือนภัยผู้บริโภค
7 ธันวาคม 2565
กรม สบส.เตือนภัยจากการฉีดสาร หรือฝังวัสดุแปลกปลอมขยายขนาดอวัยวะเพศ
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เตือนอันตรายจากการฉีดสาร หรือฝังวัสดุแปลกปลอมเพื่อขยายขนาดอวัยวะเพศ สุ่มเสี่ยงเกิดอันตรายจากการอักเสบ ติดเชื้อจากอุปกรณ์ที่ไม่สะอาด ซ้ำบางรายลุกลามจนเกิดเป็นมะเร็งต้องตัดอวัยวะเพศทิ้ง
นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า จากกรณี กรม สบส. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าจับกุมหมอเถื่อนซึ่งลักลอบให้บริการฉีดสารแปลกปลอม และฝังวัสดุแปลกปลอม จนผู้รับบริการได้รับผลกระทบจากการติดเชื้อที่อวัยวะเพศ ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะ และไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้
ซึ่งในกรณีข้างต้น กรม สบส. ต้องชี้แจงให้ประชาชนทราบว่า จากการจับกุมผู้กระทำผิดในลักษณะดังกล่าว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น พบว่าผู้ให้บริการฉีดสารแปลกปลอม หรือฝังวัสดุแปลกปลอม ทุกรายมิใช่แพทย์ ซึ่งมักจะมีการใช้สารแปลกปลอมที่ไม่ผ่านการรับรองทางการแพทย์ อาทิ น้ำมันพืช น้ำมันมะกอก หรือซิลิโคนที่ใช้ในอุตสาหกรรม ฯลฯ มาฉีดใต้ผิวหนังของอวัยวะเพศ ส่งผลให้ให้เกิดอาการอักเสบเรื้อรัง บวมแดง หมดความยืดหยุ่นเกิดการดึงรั้งอวัยวะเพศ จนไม่สามารถปัสสาวะ หรือมีเพศสัมพันธ์ได้
อีกทั้ง มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการติดเชื้อเป็นหนองและติดเชื้อไวรัส เช่น ไวรัสเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus : HIV) ไวรัสตับอักเสบจากอุปกรณ์ที่ขาดความสะอาด หรือเกิดการอักเสบลุกลามเป็นมะเร็งที่อวัยวะเพศจนต้องตัดอวัยวะเพศทิ้ง
ฐานความผิด
ด้าน นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า ผู้ที่ลักลอบประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือหมอเถื่อน จะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐานประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต และดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากประชาชนทราบเบาะแสการกระทำผิดของหมอเถื่อน หรือหมอเถื่อน ในพื้นที่กรุงเทพฯ ก็สามารถร่วมเป็นหู เป็นตาในการคุ้มครองผู้บริโภค และนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วนกรม สบส. 1426 หรือทางหมายเลขโทรศัพท์ 02-1937000 แต่หากอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดก็สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ ในวันและเวลาราชการ