จากนโยบาย “มะเร็งครบวงจร” ซึ่งเป็นหนึ่งใน 13 นโยบายหลักของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ในการเดินหน้าให้บริการด้านโรคมะเร็ง ครอบคลุมทั้งการส่งเสริม ป้องกัน คัดกรอง วินิจฉัย รักษา และดูแลฟื้นฟูกายใจ โดยได้เริ่มขับเคลื่อนการป้องกันมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นมะเร็งที่สามารถป้องกันและตรวจคัดกรองความเสี่ยงได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส HPV ให้กับหญิงไทยอายุ 11-20 ปี ตั้งเป้า 1 ล้านโดสภายใน 100 วัน
ล่าสุด นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประกาศความสำเร็จการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ว่า ตั้งแต่วันที่ 8 จนถึงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการฉีดวัคซีน HPV ให้หญิงไทยอายุ 11-20 ปี ไปแล้ว 501,608 โดส โดยสามารถทำได้เร็วกว่ากำหนดเดิมที่คาดไว้ว่าจะถึง 5 แสนโดสแรกในช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2566 ทั้งนี้ ในช่วงแรกของการรณรงค์ได้เน้นการฉีดให้กับนักเรียนในโรงเรียนแต่ในช่วงสัปดาห์นี้ จะขยายการจัดบริการให้ครอบคลุมมากขึ้นในสถานประกอบการ และสถานพยาบาลใกล้บ้าน จึงขอเชิญชวนหญิงไทยอายุตั้งแต่ 11 – 20 ปี เข้ารับการฉีดวัคซีน HPV โดยสามารถนัดหมายเข้ารับวัคซีนได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน ทั้งนี้ มั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายครบ 1 ล้านโดส ในเดือนธันวาคม 2566 โดย 10 จังหวัดที่มีอัตราการฉีดวัคซีนตามเป้าหมายสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร หนองคาย มุกดาหาร อุดรธานี นครพนม สงขลา ระนอง แม่ฮ่องสอน สุโขทัย และนราธิวาส
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า มะเร็งปากมดลูกเป็นสาเหตุการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตอันดับ 2 ของหญิงไทยอายุต่ำกว่า 45 ปี ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ให้การดูแลประชาชน ตั้งแต่การป้องกันโรค ตรวจคัดกรอง พัฒนาวิธีการรักษา และการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง เพื่อลดอัตราป่วยและเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกในทุกมิติ ขณะนี้วัคซีน HPV มากกว่า 1 ล้านโดสได้ส่งถึงพื้นที่ครบแล้ว และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่งได้จัดทำแผนการฉีดวัคซีนให้ครบตามเป้าหมาย 1 ล้านโดสเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รับภูมิคุ้มกันโดยเร็ว ควบคู่ไปกับการรณรงค์ให้ประชาชนอายุ 30-60 ปี ได้คัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเอง เพื่อให้ประชากรไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี สอดคล้องกับนโยบายกระทรวงสาธารณสุข