29 กรกฎาคม 2567 ที่ รพ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดโครงการพาหมอไปหาประชาชน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 4 ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารส่วนท้องถิ่น และ อสม. ร่วมงาน โดยมี 14 จังหวัด ร่วมเปิดโครงการพร้อมกันผ่านระบบออนไลน์
นายสมศักดิ์กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข จัดโครงการพาหมอไปหาประชาชน เฉลิมพระเกียรติฯ ต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี 2567 โดยในวันนี้ถือเป็นวาระสำคัญมีการจัดพร้อมกันทั้ง 12 เขตสุขภาพ ใน 15 จังหวัด ได้แก่ เขตสุขภาพที่ 1 รพร.เด่นชัย จ.แพร่, เขตสุขภาพที่ 2 รร.ดงขุยวิทยาคม อำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์, เขตสุขภาพที่ 3 รพ.บางมูลนาก จ.พิจิตร, เขตสุขภาพที่ 4 รพ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี, เขตสุขภาพที่ 5 มรภ.หมู่บ้านจอมบึง จ.ราชบุรี, เขตสุขภาพที่ 6 วิทยาลัยเทคนิคสระแก้ว จ.สระแก้ว, เขตสุขภาพที่ 7 รพร.กระนวน จ.ขอนแก่น, เขตสุขภาพที่ 8 รพร.ธาตุพนม จ.นครพนม รพร.บ้านดุง จ.อุดรธานี รร.หนองหลวงวิทยานุกูล จ.สกลนคร รพร.ด่านซ้าย จ.เลย, เขตสุขภาพที่ 9 รพ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ, เขตสุขภาพที่ 10 รร.ศรีเมืองวิทยาคาร จ.อุบลราชธานี, เขตสุขภาพที่ 11 รพ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช และเขตสุขภาพที่ 12 รพ.สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ณ อ.นาทวี จ.สงขลา รวม 303 คลินิกเฉพาะทาง คาดว่าจะมีประชาชนเข้ารับบริการ 28,674 ราย ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการจากแพทย์เฉพาะทางสะดวกรวดเร็วขึ้น ได้รับการค้นหาและรักษาโรคในระยะเริ่มต้นอย่างทันท่วงที ช่วยลดการป่วยและเสียชีวิตได้มากขึ้น และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านรักษาพยาบาลได้ประมาณ 231,540,695 บาท
“จังหวัดนนทบุรี วันนี้จัดคลินิกเฉพาะทางให้บริการรวม 21 คลินิก โดยเฉพาะคลินิกคัดกรองโรคมะเร็งซึ่งเป็นปัญหาสำคัญและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของชาวนนทบุรี มีทั้งมะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง มะเร็งเต้านม รวมถึงวัณโรคและมะเร็งปอด คาดว่าจะมีประชาชนมาใช้บริการกว่า 3,000 ราย หากคิดเป็นมูลค่าจะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนได้ประมาณ 700 - 800 บาทต่อคน หรือ 2.1 – 2.4 ล้านบาท” นายสมศักดิ์กล่าว
นพ.โอภาสกล่าวว่า ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขจัดโครงการพาหมอไปหาประชาชน เฉลิมพระเกียรติฯ แล้ว 81 ครั้ง ใน 71 จังหวัด มีประชาชนเข้ารับบริการกว่า 1.2 ล้านราย ได้รับบริการตรวจรักษาคลินิกเฉพาะทาง 723,456 ราย มากสุด 5 อันดับ ได้แก่ คัดกรองมะเร็งเต้านม, มะเร็งตับและท่อน้ำดี, มะเร็งลำไส้ใหญ่, มะเร็งปากมดลูก และทันตกรรม ส่วนการทำหัตถการเฉพาะทาง 23,110 ราย มากสุดได้แก่ อัลตร้าซาวด์ตับและท่อน้ำดี,ตรวจแมมโมแกรมและอัลตร้าซาวด์เต้านม, ส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่, ผ่าตัดต้อกระจก และส่องกล้องปากมดลูกโดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหน่วยงานสาธารณสุขทุกระดับ ภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน อสม.และจิตอาสา รวมถึงการจัดงานทั้ง 12 เขตสุขภาพ ใน 15 จังหวัด ในครั้งนี้ด้วย
รมช. สันติ เปิดโครงการพาหมอไปหาประชาชน เฉลิมพระเกียรติฯ ในพื้นที่ห่างไกล อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์
29 กรกฎาคม 2567. ที่ โรงเรียนดงขุยวิทยาคม ตำบลดงขุย อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิด “โครงการพาหมอไปหาประชาชนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมี นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 2 นพ.สุรศักดิ์ จันทร์เกตุ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชนแดน ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขและประชาชน เข้าร่วมงาน
นายสันติกล่าวว่า เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 บุคลากรกระทรวงสาธารณสุขได้พร้อมใจจัดโครงการพาหมอหาประชาชนเฉลิมพระเกียรติฯ พร้อมกันในทุกเขตสุขภาพ โดยเขตสุขภาพที่ 2 จัดที่ อ.ชนแดน ซึ่งอยู่ไกลจากตัวเมืองประมาณ 60 กิโลเมตร ประชาชนที่จำเป็นต้องเดินทางไปรับบริการยังโรงพยาบาลเพชรบูรณ์จะมีความลำบากและมีภาระค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ จากข้อมูลการรับบริการของโรงพยาบาลชนแดน พบว่าผู้ป่วยในพื้นที่มีปัญหาสุขภาพที่สำคัญ คือ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ ไตวายเรื้อรัง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมเสี่ยง และยังพบวัณโรคปอด โรคในสังคมผู้สูงอายุ เช่น โรคทางตา โรคหูคอจมูก โรคทางกระดูกและข้อ โรคทางอายุรกรรม โรคทางช่องปาก มะเร็งชนิดต่างๆซึ่งหากได้รับการตรวจคัดกรองรักษาอย่างทันท่วงทีจะสามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อน ลดความรุนแรงของโรคและลดโอกาสเสียชีวิตได้
“ประชาชนในพื้นที่ห่างไกล การเดินทางไปโรงพยาบาลใช้เวลานาน เช่นที่ อำเภอชนแดน และอำเภอวังโป่ง การมีทักษะในการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานเป็นเรื่องสำคัญมาก โครงการพาหมอไปหาประชาชนฯ ในวันนี้ จึงมีการจัดอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานให้กับประชาชนที่มารับบริการด้วย เพื่อให้สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงทีในกรณีที่เกิดเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉิน เช่น ถูกไฟฟ้าซ๊อต จมน้ำ หมดสติขณะเล่นกีฬา สำลักอาหารอุดกั้นหลอดลม เป็นต้น”นายสันติกล่าว
ด้าน นพ.โสภณ กล่าวว่า จังหวัดเพชรบูรณ์ จัดโครงการพาหมอไปหาประชาชนฯ แล้ว 1 ครั้ง ที่ อำเภอวิเชียรบุรี มีผู้เข้ารับบริการเกือบ 5,000 คน สำหรับครั้งนี้ได้จัด 23 คลินิกเฉพาะทาง คือ 1) กุมารเวชกรรม 2) โรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม 3) มะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง 4) มะเร็งตับและท่อน้ำดี 5) วัณโรค 6) ดูแลพระภิกษุสงฆ์ 7) เยี่ยมบ้านผู้ต้องดูแลประคับประคอง 8) ส่งเสริมการมีบุตร 9) เวชกรรมทั่วไป 10) จิตเวช 11) ตาในเด็กและผู้สูงอายุ 12) ทันตกรรม 13) อายุกรรม 14) กระดูกและข้อ 15) กายภาพบำบัด 16) แพทย์แผนไทยและทางเลือก 17) มณีเวช 18) หู คอ จมูก 19) มะเร็งเต้านม 20) มะเร็งปากมดลูก 21) ฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน 22) ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ และ 23) เภสัชกรรม รวมทั้งมีจุดให้บริการยืนยันตัวตน รองรับนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ร่วมให้บริการ อาทิ 1) การซ่อมรถจักรยานยนต์และอุปกรณ์ไฟฟ้า วิทยาลัยการอาชีพชนแดน 2) การออกบัตรผู้พิการให้กับผู้พิการ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 3) แจกกล้าไม้ 1,000 ต้น ศูนย์เพาะชำกล้าไม้เขารัง 4) คลินิกแก้ไขปัญหาความยากจน ธนาคารออมสิน และ ธกส. 5) บริการทำหมันสุนัข – แมว และฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า สำนักงานปศุสัตว์อำเภอชนแดน เป็นต้น คาดว่าจะมีประชาชนเข้ารับบริการในคลินิกต่างๆ ประมาณ 2,500 คน