15 สิงหาคม 2567 ที่ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2567 โดยมี นายแพทย์พงศธร พอกเพิ่มดี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์โรคติดต่อที่สำคัญ โดยเฉพาะโรคฝีดาษลิง (Mpox) ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขหลังแอฟริกามีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2565 ประเทศไทยพบผู้ป่วยยืนยัน 827 ราย เฉพาะปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 3 สิงหาคม พบผู้ป่วยยืนยัน 140 ราย ทุกรายเป็นสายพันธุ์ Clade ll ไม่ใช่สายพันธุ์ที่ระบาดในแอฟริกาที่ WHO ประกาศคือ Clade IB
อย่างไรก็ตาม ได้ให้กรมควบคุมโรควางมาตรการเฝ้าระวังโดย
1.ให้หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่เพิ่มการเฝ้าระวังผู้ที่อาจป่วยด้วยโรคฝีดาษวานร โดยใช้แนวทางเฝ้าระวัง แนวทางการวินิจฉัย และแนวทางการรักษาตามมาตรการ ในการดูแลโรคฝีดาษวานร
2. ให้ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ คัดกรองโรคฝีดาษวานรในผู้เดินทางที่มีความเสี่ยงที่มาจากประเทศในทวีปแอฟริกา ณ จุดคัดกรองโรค ทุกช่องทางทั้ง บก เรือ และอากาศ ก่อนจะเข้าประเทศ
3.เตรียมความพร้อมทางห้องปฏิบัติการในการตรวจวินิจฉัยโรคฝีดาษวานร ทั้งห้องปฏิบัติการสังกัดกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และหน่วยงานในสำนักงานกระทรวงสาธารณสุข
4.จัดเตรียมเวชภัณฑ์ในการรักษาผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรอย่างเพียงพอ และ
5.จัดเตรียมทีมเฝ้าระวังสอบสวนและการจัดการพื้นที่ ในกรณีเกิดการระบาดของโรคฝีดาษวานร นอกจากนี้ ที่ประชุมยังติดตามสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่และโรคหัด ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรคหัดซึ่งเข้าสู่ช่วงของการระบาด โดยพบมากในพื้นที่ชายแดนใต้ เนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนต่ำกว่าร้อยละ 80 โดยล่าสุด มีผู้ป่วยยืนยันแล้ว 2,000 ราย เสียชีวิต 4 ราย ซึ่งได้จัดทีมปฏิบัติการเชิงรุกลงพื้นที่เพื่อเพิ่มความครอบคลุมการได้รับวัคซีนให้มากขึ้น
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบร่างอนุบัญญัติ ได้แก่
1.ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ให้เพิ่มด่านสามเหลี่ยมทองคำ จังหวัดเชียงราย และด่านระนอง (ท่าเทียบเรือสะพานปลา) จังหวัดระนอง เป็นด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ลำดับที่ 70 และ 71
2.ร่างระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าตอบแทนในการดำเนินการ เฝ้าระวัง การสอบสวนโรคการป้องกัน หรือการควบคุมโรคติดต่อ จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ ระเบียบค่าตอบแทนสำหรับโรคติดต่ออันตราย และ ระเบียบค่าตอบแทนสำหรับโรคระบาด ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 เนื่องจากการดำเนินงานของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ มีความเสี่ยงสูงและมีโอกาสติดโรคได้ง่าย โดยให้มีคณะกรรมการพิจารณาการเบิกจ่ายค่าตอบแทนให้กับเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อซึ่งปฏิบัติงานใน 4 สถานที่ ได้แก่ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ, พื้นที่ที่มีผู้ที่เป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตราย, ห้องปฏิบัติการ และสถานพยาบาล
3.ร่างระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าชดเชยในการดำเนินการเฝ้าระวังการสอบสวนโรค การป้องกัน หรือการควบคุมโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาด ซึ่งผู้ที่มีสิทธิได้รับค่าชดเชย ได้แก่ เจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ หน่วยงานของรัฐ สถานพยาบาล ห้องปฏิบัติการ สถานที่ที่ได้มีการชันสูตรของหน่วยงานของรัฐ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการเฝ้าระวัง สอบสวนโรค ป้องกัน หรือควบคุมโรคติดต่อหรือโรคระบาด ที่ติดเชื้อหรือเป็นโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาด โดยตัวเจ้าหน้าที่หรือทายาท สามารถยื่นคำขอรับค่าชดเชยต่อหัวหน้าหน่วยงานได้ 4 กรณี ดังนี้
1) กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพอย่างถาวร หรือเจ็บป่วยเรื้อรังที่ต้องได้รับการรักษาตลอดชีวิต และมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการดำรงชีวิต
2) กรณีสูญเสียอวัยวะหรือพิการที่มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต
3) กรณีติดเชื้อหรือกรณีบาดเจ็บจนได้รับอันตรายสาหัส และ
4) กรณีติดเชื้อหรือกรณีบาดเจ็บและได้รับการรักษาไม่เกิน 20 วัน
นอกจากนี้ ได้มีมติเห็นชอบนโยบายแนวทางปฏิบัติและมาตรการขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อยุติปัญหาเอดส์ โดยมอบฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ประสานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาดำเนินการในพื้นที่รับผิดชอบต่อไป