รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสร้างความมั่นใจนักลงทุน เผยกระทรวงสาธารณสุขพร้อมสนับสนุนการเปิดประเทศกระตุ้นเศรษฐกิจชาติ มีความพร้อมด้านการแพทย์ เป็นประเทศอันดับต้นๆ ของโลกในการได้มาซึ่งวัคซีน ยันต้องสร้างจุดสมดุลระหว่างการติดเชื้อและระบบเศรษฐกิจ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อได้บนพื้นฐานความปลอดภัย
วันนี้ (23 พฤศจิกายน 2563) ที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นวิทยากรในงานสัมมนา “ท่องเที่ยวและสาธารณสุขไทยในอนาคต” โดยมีนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารบริษัท หลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัดมหาชน และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมฟังการบรรยาย โดยนายอนุทิน กล่าวว่า สถานการณ์โควิด 19 ของประเทศไทย ตลอดระยะเวลา 10 เดือนที่ผ่านมา สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี จากนี้ไป คือกระบวนการได้มาซึ่งวัคซีน ซึ่งรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ 45,000 ล้านบาท ในการต่อสู้โควิด 19 ในภาพรวมระบบสาธารณสุขทั้งประเทศ โดยใช้ 6,049 ล้านบาท สำหรับการจองและจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 จำนวน 26 ล้านโดส จากบริษัท AstraZeneca ซึ่งมีหลักการการไม่แสวงหาผลกำไร โดยจะขายในราคาต้นทุน หากมีประสิทธิภาพและปลอดภัยจะฉีดให้กับคนไทยคนละ 2 โดส ครอบคลุมการดูแลคนไทยร้อยละ 20 ของประชากร หรือ 13 ล้านคน โดยมีกรมควบคุมโรคเป็น ผู้จัดซื้อรวมทั้งจัดเก็บ ขนส่ง และนำไปฉีดให้กับประชาชน คาดว่าจะสามารถฉีดให้กับประชาชนได้ในปีหน้า สำหรับประเทศไทยก่อนมีวัคซีนโควิดใช้จริงคนไทยสามารสร้างวัคซีนสำหรับตนเองได้ด้วยการสวมหน้ากากอนามัยป้องกันการติดเชื้อได้ในระดับที่ดี ทำให้เราสามารถรอวัคซีนที่มีความปลอดภัยสูงสุดได้
นายอนุทินกล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นการเปิดประเทศ ต้องรับฟังสียงจากประชาชนเป็นหลัก ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขพร้อมสนับสนุนการเปิดประเทศ เนื่องจากมีความพร้อมในทุกด้าน มีประสบการณ์ บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ อุปกรณ์ ยา และเวชภัณฑ์ มีมาตรการคุมเข้มในในผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ ซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรการ และเข้ารับการกักตัวจะสามารถตรวจจับผู้ติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพและนำเข้าสู่ระบบการรักษา สิ่งสำคัญที่สุดคือระบบบริหารจัดการ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขทำหน้าที่ในการควบคุมโรค ไม่ใช่การทำให้ประเทศปลอดโรค ดังนั้นประเทศไทยจึงมีโอกาสพบผู้ติดเชื้อได้ การที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์อาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด แต่สิ่งที่จำเป็นที่สุดคือการหาจุดสมดุลให้ทุกคนอยู่ได้บนพื้นฐานความปลอดภัยของคนในประเทศ นอกจากนี้ภายใต้สถานการณ์โควิด 19 ไทยเป็นประเทศที่ให้บริการด้านสุขภาพได้ดี คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาใช้บริการด้านสุขภาพมากขึ้นในอนาคต
“โควิด 19 ทำให้เราเลิกยืมจมูกคนอื่นหายใจ สามารถผลิตหน้ากากอนามัย ชุด PPE ได้เอง ขณะนี้เหลือรอวัคซีนอย่างเดียว หากมีวัคซีนเราจะสามารถดูแลรักษาตัวเองได้ครบทั้งระบบ” นายอนุทินกล่าว