ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

ครม.อนุมัติงบ 438 ล้าน ทำ Organizational Quarantine (OQ) คุมแรงงานต่างด้าวและผู้หลบหนีเข้าเมือง

ครม.อนุมัติงบ 438 ล้าน ทำ Organizational Quarantine (OQ) คุมแรงงานต่างด้าวและผู้หลบหนีเข้าเมือง Thumb HealthServ.net
ครม.อนุมัติงบ 438 ล้าน ทำ Organizational Quarantine (OQ) คุมแรงงานต่างด้าวและผู้หลบหนีเข้าเมือง ThumbMobile HealthServ.net

จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.) เสนอ

ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำโครงการ Organizational Quarantine (OQ) สำหรับแรงงานต่างด้าวและผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ของกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน

                    คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน 438,075,800 บาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำโครงการ Organizational Quarantine (OQ) สำหรับแรงงานต่างด้าวและผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.) เสนอ
 
สาระสำคัญของเรื่อง
ตช. รายงานว่า
1. จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้ภาคการผลิตในด้านต่างๆ มีความต้องการแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก ส่งผลให้มีการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.) ซึ่งมีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นประธาน ได้มีการประชุมและมีมติเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวสรุปได้ดังนี้

 
19 มกราคม 2564
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) หารือร่วมกับสำนักงบประมาณ (สงป.) กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และ ตช. (บช.ตชด.) เพื่อพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการจัดสรรงบประมาณ สำหรับการจัดเตรียมสถานที่ทำโครงการ OQ ในพื้นที่ของกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน (กองร้อยฯ) เพื่อรองรับแรงงานต่างด้าวที่จะเข้ามาทำงานในประเทศไทยในระยะต่อไป เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ดีขึ้น
 
20 มกราคม 2564
ให้ ตช. (บช.ตชด.) เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการปรับปรุงพื้นที่กองร้อยฯ และใช้พื้นที่โรงนอนของกองร้อยฯ เป็น OQ และสามารถยกระดับเป็นโรงพยาบาลสนามได้ เมื่อ สธ. ร้องขอ โดยดำเนินการปรับปรุงใช้พื้นที่ว่างเปล่าในกองร้อยฯ จัดตั้งโรงพยาบาลสนามแบบเต็นท์ เพื่อใช้เป็นสถานที่กักกันตัวสำหรับบุคคลที่ลักลอบเข้าเมืองทุกประเภท ทั้งนี้ ให้จัดลำดับความสำคัญของพื้นที่ภาคตะวันตก ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามลำดับ โดยเน้นย้ำที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จังหวัดเชียงราย จังหวัดระนอง จังหวัดสงขลา จังหวัดจันทบุรี จังหวัดสระแก้ว และจังหวัดหนองคาย
2. ตช. เห็นว่า ภารกิจในการจัดทำโครงการ OQ สำหรับแรงงานต่างด้าวและผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองในพื้นที่กองร้อยฯ เป็นภารกิจสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนและความมั่นคงของประเทศ ซึ่ง ตช. (บช.ตชด.) ได้จัดทำสถานที่เพื่อควบคุมแรงงานต่างด้าวและผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ (ลาว กัมพูชา และเมียนมา) และนำเข้าสู่มาตรการการคัดกรองและควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไปสู่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ทั้งนี้ สาระสำคัญของโครงการ OQ สำหรับแรงงานต่างด้าวและผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง สรุปได้ ดังนี้

2.1 วัตถุประสงค์
2.1.1 เพื่อเป็นการบริหารจัดการด้านสาธารณสุขของผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ทั้งคนไทยและคนต่างด้าวทั้งระบบ (ควบคุม/คัดกรอง/ป้องกัน) จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

2.1.2 เพื่อเป็นการควบคุมดูแลและป้องกันคนไทยในประเทศจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากกรณีคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในประเทศไทย

2.1.3 เพื่อเป็นการปรับปรุงพื้นที่หน่วยตำรวจตระเวนชายแดนทางกายภาพให้สามารถปรับเป็นโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อได้ในอนาคตและเป็นการสนับสนุนโรงพยาบาลที่ไม่สามารถรองรับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้อย่างเพียงพอ

2.2 แนวทางการปฏิบัติ ดังนี้

องค์ประกอบด้านสถานที่กักกันโรค

  1. ปรับปรุงหน่วยระดับกองร้อยฯ ให้มีลักษณะเป็นที่พักให้เหมาะสมไม่แออัด(ไม่ควรเกิน 50 คน) เพื่อเตรียมความพร้อมในการควบคุมแรงงานต่างด้าวและคนไทยที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมถึงแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (บันทึกความเข้าใจฯ) ที่ประเทศไทยได้ทำกับลาว เมียนมา และกัมพูชา ทั้ง 3 ฉบับ
  2. จัดหาเต็นท์สนามขนาด 250 เตียง เพื่อรองรับการควบคุมกักบริเวณแรงงานต่างด้าวและคนไทยที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมถึงแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยตามบันทึกความเข้าใจข้างต้น ซึ่งเต็นท์สนามมีลักษณะสำคัญ เช่น (1) เป็นอาคารโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปชนิดพิเศษ Prefabricated structure โดยผนังอาคารทั้งหมดกรุด้วยฉนวนกันความร้อนปิดทับด้วยเหล็กแผ่นเคลือบสีพิเศษชนิด Medical grade ที่ใช้ในห้อง clean room และโรงพยาบาล (2) ตัวอาคารมีขนาด 1,650 ตารางเมตร 1 ชั้น ประกอบด้วย ห้องน้ำและห้องพักกักกัน ซึ่งใช้ผนังฉนวนสำเร็จรูปสูง 1.50 เมตร เป็นตัวกั้นกันติดเชื้อระหว่างเตียงสู่เตียง และ (3) พื้นเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กและหลังคาเป็นทรงจั่วขนาดใหญ่ และมีระบบประปา สุขาภิบาล ระบบไฟฟ้าส่องสว่าง พัดลมดูดอากาศ และช่องระบายอากาศ ตะแกรงมุ้งลวดกันแมลง ประตูฉุกเฉิน 2 บาน ซึ่งหากมีการหลบหนีจะมีสัญญาณเตือนทั้งเสียงและไฟเตือน มีกล้องวงจรปิด 16 จุด ทั้งภายในและภายนอกรวมกัน และมีระบบขอความช่วยเหลือฉุกเฉินติดตั้งไว้ทุกเตียงหากผู้เข้ากักกันต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่
  3. จัดทำแนวเขตแสดงอาณาบริเวณพื้นที่ควบคุม (รั้วลวดหนาม, ช่องทางเข้าออกทางเดียว) และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง (เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กล้อง CCTV และไฟฟ้าส่องสว่าง) เพื่อป้องกันการหลบหนีการควบคุม
  4. พื้นที่บริการด้านการแพทย์และการบริหารจัดการในพื้นที่ควบคุม ได้แก่ เต็นท์บริการด้านการแพทย์ เต็นท์กองอำนวยการ/ศูนย์ประสาน เต็นท์เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เต็นท์ประกอบอาหาร เป็นต้น
  5. พื้นที่ประกอบอาหารให้กับผู้เข้ารับการกักกันและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและการบริการน้ำดื่มที่เพียงพอต่อความต้องการ
  6. ระบบสาธารณูปโภครองรับผู้เข้ารับการกักกันที่เพียงพอ ได้แก่ ระบบน้ำดื่มน้ำใช้ ห้องน้ำห้องส้วมและรถสุขาเคลื่อนที่ เครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต และการบริการอื่น ๆ
  7. มีการจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อม การบำบัดน้ำเสีย และการจัดการขยะติดเชื้อที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข

องค์ประกอบของเจ้าหน้าที่ประจำสถานที่กักกัน

  1. ผู้บังคับกองร้อยฯ เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ และปลัดอำเภอในพื้นที่และสาธารณสุขอำเภอ เป็นรองผู้บัญชาการเหตุการณ์
  2. เจ้าหน้าที่ติดตามและบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข
  3. เจ้าพนักงานโรคติดต่อและเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประจำสถานที่กักกันตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกำหนดมอบหมาย
  4. เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
     

แผนการปฏิบัติและหน่วยรับผิดชอบการปฏิบัติงานในสถานที่กักกันโรค

  1. การรักษาความปลอดภัยสถานที่ กองร้อยฯ รับผิดชอบจัดกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบสถานที่กักกันโรค แยกเป็น (1) อาคารกองร้อยฯ จำนวน 3 จุด และช่องทางเข้าออก จำนวน 1 จุด รวมเป็น 4 จุด ใช้กำลังพลจำนวน 12 นาย/วัน (2) เต็นท์สนาม จำนวน 3 จุด และช่องทางเข้าออกจำนวน 1 จุด รวมจำนวน 4 จุด ใช้กำลังพล จำนวน 24 นาย/วัน
  2. การปฏิบัติด้านการแพทย์และสาธารณสุข : สาธารณสุขอำเภอในพื้นที่รับผิดชอบจัดทีมติดตามและบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข รับผิดชอบติดตาม ตรวจสอบ ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และงานด้านการแพทย์ (หมุนเวียนสับเปลี่ยนวงรอบ 8 ชั่วโมง/ผลัด)
  3. ชุดล่ามแปลภาษา : แรงงานจังหวัดรับผิดชอบจัดเจ้าหน้าที่ชุดล่ามแปลภาษาประจำสถานที่กักกันโรคตลอด 24 ชั่วโมง
  4. การสนับสนุนการปฏิบัติด้านอื่น ๆ : อำเภอและหน่วยงานในพื้นที่จัดเจ้าหน้าที่ติดต่อประสานงานประจำศูนย์ประสานงานกักกันโรคหมุนเวียนสับเปลี่ยนในวงรอบ 8 ชั่วโมง/ผลัด 

2.3 ระยะเวลาดำเนินโครงการ 6 เดือน (เมษายน – กันยายน 2564)

2.4 งบประมาณรวมทั้งสิ้น 438,075,800 บาท (งบดำเนินงาน 223,587,200 บาท และงบลงทุน 214,488,600 บาท)

สรุปได้ ดังนี้
  1. การปรับปรุงอาคารกองร้อยกำลัง จำนวน 14 แห่ง/กองร้อยฯ* 52,863,000
  2. การจัดหาเต็นท์สนาม ขนาด 250 เตียง จำนวน 14 แห่ง/กองร้อยฯ* 385,212,800
    รวมทั้งสิ้น 438,075,800
หมายเหตุ * โครงการ OQ จะดำเนินการในพื้นที่ 14 แห่ง/กองร้อยฯ รองรับพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตาก จังหวัดเชียงราย จังหวัดระนอง จังหวัดสงขลา จังหวัดจันทบุรี จังหวัดสระแก้ว และจังหวัดหนองคาย
3. สงป. แจ้งว่า นายกรัฐมนตรีเห็นชอบให้ ตช. ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น  ภายในกรอบวงเงิน 438,075,800 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ OQ สำหรับแรงงานต่างด้าวและผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองในพื้นที่กองร้อยฯ สำหรับอัตราค่าใช้จ่ายในการขอรับการจัดสรรในครั้งนี้ในส่วนที่เป็นการบริหารจัดการโครงการดังกล่าวที่เป็นลักษณะงบดำเนินงาน ให้เป็นไปตามการพิจารณาความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายจากกระทรวงการคลัง (กค.) ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอให้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี พ.ศ. 2559 และเมื่อสถานการณ์คลี่คลายลงและเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว ขอให้ ตช. (บช.ตชด.) พิจารณาปรับใช้ประโยชน์จากการปรับปรุงอาคารและการจัดหาเต็นท์สนามดังกล่าว เพื่อรองรับภารกิจอื่น ๆ ของ บช.ตชด. หรือประโยชน์อื่นตามความเหมาะสมต่อไป

ข่าวการประชุมคณะรัฐมนตรี
16 มีนาคม 2564

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด