นพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ ได้เล่าถึงพื้นฐานแนวคิดจากการมองเห็นปัญหาที่ประชาชนประสบ
"ผมเชื่อว่าหลายๆ คน เป็นแบบนี้กันครับ เวลาที่ไม่สบาย เจ็บป่วยเล็กน้อย มักจะไม่ไปโรงพยาบาลเพื่อรอคิวตรวจหลายชั่วโมง ยิ่งบางที่อาจต้องรอเป็นวันๆ เลย หลายท่านเลยสะดวกที่จะไปซื้อยาในร้านยาเองซะมากกว่า ด้วยส่วนหนึ่งเป็นเพราะร้านยามีอยู่ทุกที่ทุกหนแห่ง เข้าถึงง่าย และไม่ต้องทำประวัติ ไม่ต้องรอคิว สามารถเข้ารับบริการได้ตามเวลาที่ท่านสะดวกเลย"
จึงเป็นที่มาของการพัฒนาและยกระดับร้านยาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมดูแลประชาชน
"สปสช. จึงได้ร่วมมือกับสภาเภสัชกรรม เชิญชวนร้านยาเข้าร่วมให้บริการกับพี่น้องประชาชนที่มีสิทธิบัตรทอง เพื่อร่วมให้บริการยาสำหรับผู้ป่วยที่เจ็บป่วยเล็กน้อยใน 16 โรคพื้นฐาน เช่น ปวดหัว เวียนหัว ปวดข้อ เจ็บกล้ามเนื้อ มีไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดท้อง ท้องเสีย ท้องผูก ถ่ายปัสสาวะขัด ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะเจ็บ ตกขาวผิดปกติ หรือมีอาการทางผิวหนัง เช่น ผื่น คัน หรือมีความผิดปกติต่างๆ เกิดขึ้นกับตาหรือหู โดยมีเภสัชกร คอยแนะนำ-คัดกรอง เบื้องต้น พร้อมติดตามอาการคนไข้หลังรับยา 3 วัน "
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าร้านยาไหนที่เข้าร่วมโครงการ?
สังเกตได้จาก สติกเกอร์ติดหน้าร้าน ภายใต้ชื่อ "ร้านยาคุณภาพของฉัน"
ซึ่งผ่านการอบรมและควบคุมโดยสภาเภสัชกรรม และได้รับใบประกาศนียบัตร เพื่อให้บริการเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศและอยู่ภายใต้จรรยาบรรณวิชาชีพ โดยเข้าใช้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ยังมีบริการสร้างเสริมสุขภาพอื่นๆ เช่น แจกยาคุม ถุงยางอนามัย ฯลฯ สามารถเข้ารับได้โดยใช้แอปเป๋าตัง ซึ่งส่วนนี้จะเริ่มให้บริการในวันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป
สำหรับขั้นตอนการให้บริการจะมี 2 รูปแบบ คือ
1) คนไข้ติดต่อไปยัง สปสช. จะมีเจ้าหน้าที่แนะนำให้รับบริการที่ร้านยาคุณภาพของฉัน
2) หากผู้ป่วยมาที่ร้านยาเอง เภสัชกรจะคัดกรองสิทธิ์คนไข้ว่าได้รับบริการตามสิทธิ์บัตรทองหรือไม่ หากมีสิทธิ์ก็รับยาตามอาการพร้อมคำแนะนำได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือแนะนำให้พบแพทย์ ในกรณีที่พบว่ามีอาการที่ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์
ข้อมูลเพิ่มเติม โทรสอบถามสายด่วน สปสช.1330 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ต่อไปเมื่อออกไปข้างนอกบ้าน สังเกตร้านยาว่าติดป้าย "ร้านยาคุณภาพของฉัน" หรือไม่
ถ้าใช่ จดไว้ เผื่อป่วยไข้ จะได้ตรงไปรับบริการ สะดวก รวดเร็ว ทันใจ ปลอดภัย