กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เน้นย้ำประชาชน ควรใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์ เพื่อมุ่งเน้นให้ประชาชนใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการรักษาโรคได้อย่างมีคุณภาพ และ มาตรฐาน อีกทั้งขับเคลื่อนบังคับใช้กฎหมายตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามมาตรการควบคุมช่อดอกกัญชา เนื่องในวันกัญชาโลก
นายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า เนื่องในวันกัญชาโลก ที่จะถึงในวันที่ 20 เมษายน ทางกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เรายังขับเคลื่อนกัญชาทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งเน้นให้ประชาชนใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการรักษา เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งในการดูแลผู้ป่วยที่มีพื้นฐานจาก ภูมิปัญญาไทย โดยเน้นการบูรณาการการรักษาผู้ป่วยและประชาชน อย่างมีประสิทธิภาพร่วมกับสหวิชาชีพ เพื่อให้ครอบคลุมในทุกมิติของการให้บริการ และตอบสนองต่อความต้องการของผู้ป่วยอย่างแท้จริง
สรุปภาพรวมตั้งแต่ ปี 2562 – ปัจจุบัน
การรักษาด้วยกัญชาทางการแพทย์แผนไทย ตั้งแต่ปี 2562 – ปัจจุบัน มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วยตำรับยากัญชาทางการแพทย์รวมกว่า 79,423 ราย รักษาในกลุ่มอาการนอนไม่หลับ จำนวน 197,516 ครั้ง อาการปวดตามร่างกาย (ปวดขา ปวดเข่า ปวดบ่า ปวดไหล่) 18,179 ครั้ง อาการปวดหลัง 9,558 ครั้ง อาการลมปะกัง หรือ ลมตะกัง 8,659 ครั้ง อีกทั้ง อาการอื่นๆ อาทิ อาการสันนิบาตลูกนก (โรคพาร์กินสัน) ลมจับโปงแห้งเข่า ปวดศีรษะ อาการชา รวม 14,131 ครั้ง
มีการจัดทำแนวทางการนำกัญชาทางการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกมาบูรณาการในระบบบริการสุขภาพ มี 4 แนวทาง คือ
1) แนวทางการดูแลผู้ป่วยกลุ่มโรคมะเร็งและผู้ป่วยระยะประคับประคอง (Palliative care)
2) แนวทางการดูแลกลุ่มผู้ป่วยระยะกลาง (Intermediate care)
3) การดูแลผู้ป่วยโรคพาร์กินสันด้วยกัญชาทางการแพทย์แผนไทย
4) การดูแลผู้ป่วยด้วยการแพทย์แผนไทยในหน่วยบริการปฐมภูมิ (Primary Care Cluster)
ส่งเสริมใช้ในครัวเรือน
ทั้งนี้ที่ผ่านมา กัญชา มีการใช้ในชุมชน พื้นบ้านในทุกภาคของประเทศ จากการถอดองค์ความรู้การใช้กัญชาของชาวบ้านทั้ง 4 ภูมิภาค พบว่า มีการใช้ในวิถีชีวิต เป็นอาหาร ยา เครื่องนุ่มห่ม เครื่องสำอาง ซึ่งกัญชาเป็นพืชที่มีการปลูกและใช้ต่อเนื่องกันมาแม้ในช่วงที่ยังเป็นยาเสพติด และชาวบ้านมักจะใช้ต้นกัญชาที่ปลูกเองเพื่อจะได้เก็บเมล็ดพันธุ์ปลูกในรอบต่อๆไป ปลูกน้อยแค่พอใช้ เช่น 2-3 ต้น ในแต่ละรุ่นปลูกไว้หลังบ้านหรือที่นา ไม่ได้เลือกต้นตัวผู้หรือตัวเมีย และจะไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลง หรือสารเคมีกำจัดแมลง
ดังนั้นจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้ว่ากัญชานั้นสามารถนำมาใช้ในวิถีชีวิตได้ เพียงแต่ในปัจจุบันเราไม่ส่งเสริมในเชิงสันทนาการ แต่เอาประโยชน์จากคุณค่าของกัญชามาทำเป็นยาเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสในการเข้าถึงยา และใช้ยาจากภูมิปัญญาได้อย่างปลอดภัย
ด้านการบังคับใช้กฎหมาย
ในส่วนของการบังคับใช้กฎหมายตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 ทางกรมฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินหน้าบังคับใช้กฎหมาย และ ดำเนินคดีผู้กระทำผิด ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร และ ส่วนภูมิภาค
สำหรับในเขตกรุงเทพมหานครได้ลงพื้นที่ 10 เขต รวมจับ ปรับ ดำเนินคดี 15 ราย ผิดเงื่อนไขใบอนุญาตฯ สั่งพักใช้ใบอนุญาต 4 ราย กรณีไม่พบผู้กระทำความผิด 8 ราย
สำหรับส่วนภูมิภาค 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ , ปทุมธานี , ชลบุรี (พัทยา), สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะเต่า) ,ตราด (เกาะช้าง), ภูเก็ต (สภ.ป่าตอง/สภ.กะรน/สภ.วิชิต/สภ.ฉลอง ซอยใสยวน อ่าวฉลอง /ซอยบางลาง ป่าตอง) , นนทบุรี (กรณีร้องเรียน ตลาดนกฮูก) รวม จับ ปรับ ดำเนินคดี 25 ราย ผิดเงื่อนไขใบอนุญาตฯ ตักเตือน สั่งพักใช้ใบอนุญาต 6 ราย กรณีไม่พบผู้กระทำความผิด 20 ราย สำหรับผู้ฝ่าฝืนหรือกระทำความผิด ต้องมีโทษตามกฎหมาย
สถานประกอบการ
ปัจจุบันมีสถานประกอบการจำหน่ายสมุนไพรควบคุม (กัญชา) ยื่นขออนุญาตเพื่อจำหน่ายหรือแปรรูป ส่งออก ศึกษาวิจัย ทั้งเขตกรุงเทพมหานคร และอีก 76 จังหวัด ทั่วประเทศ
ในเขตกรุงเทพมหานคร ได้ยื่นคำขอ จำนวน 2,260 คำขอ ออกใบอนุญาต 1,862 ราย คิดเป็นร้อยละ 82.68%
สำหรับพื้นที่ส่วนภูมิภาค 76 จังหวัด ได้ยื่นคำขอ จำนวน 8,986 คำขอ ออกใบอนุญาต 6,679 ราย คิดเป็น 74.32%
กัญชายังมีการสื่อสารชัดเจนว่า ห้ามจำหน่ายให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์หรือสตรีให้นมบุตร ห้ามจำหน่ายให้กับนักเรียน นิสิต หรือ นักศึกษา ห้ามให้บริการสูบกัญชาในสถานประกอบการทั่วไป ห้ามจำหน่ายเพื่อการค้าผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ห้ามโฆษณากัญชาในทุกช่องทางเพื่อการค้า และห้ามสูบกัญชาในสถานที่ต้องห้าม เช่น วัดหรือสถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา หอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก เป็นต้น การกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 46 กรณีจำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุม โดยมิได้รับอนุญาต มีบทกำหนดโทษเป็นไปตามมาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 ระบุโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
จากการดำเนินการที่ผ่านมาทั้งหมดเราจึงขับเคลื่อนกัญชาทางการแพทย์เพื่อให้เป็นพืชสมุนไพรที่นำมาใช้ประโยชน์ทางการรักษาได้อย่างปลอดภัย ควบคู่กับการดำเนินการเพื่อส่งเสริมคุ้มครองภูมิปัญญาทางการแพทย์แผนไทยอย่างเหมาะสม หากมีข้อสงสัย หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ กองคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้านไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โทร. 0 2149 5607-8 หรือ 0 2591 7007 ต่อ 3708, 3713