ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

สธ.แจงปรับกระจายวัคซีน ตามสถานการณ์ระบาด ยันแอสตร้าฯ ส่งมิถุนายนตามแผน

สธ.แจงปรับกระจายวัคซีน ตามสถานการณ์ระบาด ยันแอสตร้าฯ ส่งมิถุนายนตามแผน Thumb HealthServ.net
สธ.แจงปรับกระจายวัคซีน ตามสถานการณ์ระบาด ยันแอสตร้าฯ ส่งมิถุนายนตามแผน ThumbMobile HealthServ.net

ปลัดกระทรวงสาธารณสุขแจงการกระจายวัคซีนโควิด 19 ปรับแผนตามสถานการณ์การระบาด ทั้งจากจำนวนประชากรแต่ละจังหวัด พื้นที่ระบาด และพื้นที่เศรษฐกิจการท่องเที่ยว ยันทุกคนได้รับการฉีดตามความสมัครใจ

สธ.แจงปรับกระจายวัคซีน ตามสถานการณ์ระบาด ยันแอสตร้าฯ ส่งมิถุนายนตามแผน HealthServ
24 พฤษภาคม 2564 นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า แผนการกระจายวัคซีนมีการพิจารณา ทั้งจากจำนวนประชากรแต่ละจังหวัด พื้นที่ระบาด และพื้นที่เศรษฐกิจการท่องเที่ยว ทั้งนี้ แผนการกระจายวัคซีนสามารถปรับเปลี่ยนได้เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด เช่น ขณะนี้มีการระบาดในเพชรบุรี นนทบุรี เพิ่มมากขึ้น จึงต้องมีการปรับการกระจายวัคซีน ไม่ว่าจะปรับแผนการกระจายวัคซีนอย่างไร ประชาชนจะได้รับการฉีดวัคซีนทุกคนตามความสมัครใจ
 
“ยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขมีแผนจัดหาวัคซีนมาให้แต่ละพื้นที่ ส่วนแผนการฉีดให้ประชาชนขึ้นกับการพิจารณาของแต่ละพื้นที่ สำหรับวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า จากการหารือกับบริษัทผู้ผลิตมาอย่างต่อเนื่องทางแอสตร้าเซนเนก้าทราบถึงแผนการฉีดวัคซีนของประเทศไทย และจะจัดส่งวัคซีนให้ได้ตามแผนคือมิถุนายนนี้ตามที่ได้ตกลงกัน อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังมีวัคซีนซิโนแวค กำลังตรวจรับรองรุ่นการผลิต 2.5 ล้านโดส และมิถุนายนนี้จะสั่งเข้ามาอีก 3 ล้านโดสเพื่อนำมาใช้ควบคู่กัน” นายแพทย์เกียรติภูมิกล่าว

วัคซีนโดสละ 0.5 ซีซีตามมาตรฐาน

วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าให้ได้ 12 โดสต่อ 1 ขวด ว่า ไม่ได้กำหนดเป็นนโยบายว่าต้องได้ 12 โดส แต่บอกว่าพยายามดึงยาให้ได้ โดยสิ่งที่ต้องย้ำคือต้องได้โดสละ 0.5 ซีซีตามมาตรฐาน เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนตามที่ผู้ผลิตวัคซีนกำหนด ทุกคนจะได้วัคซีนครบโดสเป็นมาตรฐานเดียวกันหมด จากขวดเดียวกัน

มิถุนา พร้อมฉีดทั้งซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้า

ส่วนกรณีหน่วยบริการหลายแห่ง เลื่อนการฉีดแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 2 ออกไปเนื่องจากกังวลเรื่องวัคซีนจะมาไม่ทันตามกำหนดนั้น ขอชี้แจงว่าบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ไม่ได้กำหนดส่งในวันที่ 1 มิถุนายน แต่จะเริ่มจัดส่งภายในเดือนมิถุนายน และทางบริษัทก็รับทราบกำหนดการที่รัฐบาลวางแผนฉีดวัคซีนแบบปูพรมอยู่แล้ว
 
       “ประเทศไทยยังมีวัคซีนซิโนแวคพร้อมอยู่ และมั่นใจว่าบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า จะส่งวัคซีนตามข้อกำหนด โดยสัญญาระบุว่าหากวัคซีนที่ผลิตในไทยยังจัดส่งไม่ได้ก็ต้องจัดหามาจากแหล่งผลิตอื่นส่งให้ไทย ยืนยันเรามีวัคซีนฉีดให้กับพี่น้องประชาชนตามกำหนดของรัฐบาลแน่นอน และในช่วงบ่ายวันนี้บริษัทไฟเซอร์ได้มาหารือเกี่ยวกับเอกสารสำหรับยื่น ถือเป็นการนับหนึ่ง ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผน อย่าไปกังวล” นายอนุทิน กล่าว
 
      สำหรับในวันที่ 7 มิถุนายน ที่จะเริ่มฉีดวัคซีนให้ผู้ที่ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อม จะใช้วัคซีนที่มีทั้งหมดในประเทศไทยไม่เฉพาะวัคซีนของแอสตร้าฯ ทุกคนจะได้รับวัคซีนที่ดี มีมาตรฐานที่เหมาะสม สำหรับการรับรองวัคซีนซิโนแวค ทางบริษัทผู้ผลิตได้ยื่นเรื่องกับองค์การอนามัยโลกแล้วอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ อย่างไรก็ตามวัคซีนซิโนแวคก็ถูกตรวจสอบและรับรองจากสถาบันการแพทย์หลายสถาบันว่าเป็นวัคซีนที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพสูง รวมทั้งในไทยผ่านการรับรองจาก อย., กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และจากข้อมูลการฉีดไปกว่า 3 ล้านโดส พบว่ามีภูมิคุ้มกันขึ้นสูงเช่นกัน ขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีทางเอาวัคซีนที่ไม่มีคุณภาพมาฉีดให้ประชาชน

สถานการณ์โรงพยาบาลบุษราคัม

สำหรับโรงพยาบาลบุษราคัม ขณะนี้ได้รับดูแลผู้ป่วยโควิด 19 แล้ว 737 ราย ส่งต่อรักษา 29 ราย ยังอยู่ระหว่างรักษา 669 ราย เป็นผู้ป่วยกลุ่มอาการเล็กน้อย 474 ราย กลุ่มอาการปานกลาง 195 ราย กลับบ้านได้เพิ่ม 6 ราย สะสม 39 ราย ซึ่งผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาเริ่มมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จึงมีการเตรียมพร้อมเฟส 2 ขยายเตียง จำนวน 1,080 เตียง พร้อมวางผนังกั้น จัดทำห้องควบคุมความดันลบ ระบบกล้องวงจรปิด ระบบอากาศ และระบบสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าให้เสร็จ 27 พฤษภาคมนี้ และเปิดรับผู้ป่วยในวันที่ 28 พฤษภาคม 2564

อย่างไรก็ตาม ขอชื่นชมทีมบุคลากรแพทย์ พยาบาล เภสัชกร และเจ้าหน้าที่ จากจังหวัดต่างๆ ซึ่งเข้าปฏิบัติงานชุดแรก อาทิ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จ.เชียงราย โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ โรงพยาบาลบ้านหมี่ จ.ลพบุรี โรงพยาบาลสงขลา โรงพยาบาลสกลนคร เป็นต้น ให้การดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มที่ ด้วยความสามารถ ประสบการณ์และความตั้งใจสูง ทำให้กระบวนการดูแลรักษาเป็นไปได้อย่างราบรื่น และจะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนทีมชุด 2 ในวันที่ 27 พฤษภาคม นี้ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการดูแลผู้ป่วย

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด