สืบเนื่องจากการ
แถลงข่าวการนำเข้าวัคซีนชิโนฟาร์ม โดยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เมื่อวันที่ 28 พค 64 โดยนพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัย นายอนุทิน ชาญวีระกูล รมว.กระทรวงสาธารณสุข นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการสำนักงานอาหารและยา (อย) และ มีการระบุว่ามีแผนจะนำเข้าวัคซีนชิโนฟาร์มจากประเทศจีน (ซึ่งผ่าน
การอนุมัติจาก อย.ในวันเดียวกัน) ล็อตแรกจำนวน 1 ล้านโดส ในเดือนมิถุนายน 64 นี้ พร้อมกับเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ซักถามในหลายๆ ประเด็นเกี่ยวเนื่อง เพื่อให้เกิดความชัดเจนทั้งในรายละเอียดวัคซีน และกระบวนการต่างๆ รวมทั้งประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมาก คือ ผู้ที่จะได้รับการฉีดวัคซีนดังกล่าว และราคาค่าบริการ
วันที่ 29 พค 64 ศจ.นพ.นิธิ มหานนท์ ได้
ลงประกาศชี้แจงเพิ่มเติมในเพจส่วนตัว โดยมีรายละเอียดดังนี้
ต้องขอโทษที่แถลงข่าวพูดเร็วเกินไปมีคนคิดเลขไม่ทันเข้าใจไปว่า #ราชวิทยาลัยฯ จะหากำไรจากวัคซีนตัวเลือก…..ขอเรียนว่าไม่เป็นความจริงและสรุปสั้นๆดังนี้ครับ
ถ้าทุนที่ซื้อวัคซีนมา = X , ค่าขนส่ง = Y , ค่าเก็บรักษา = Z , ค่าประกัน = V ราชวิทยาลัยจะจัดให้ องค์ภาครัฐ องค์กรภาคเอกชนที่ต้องการนำไปฉีดให้กับบุคลากรภายในที่มีชื่อตัวตนระบุชัดเจนในราคา X+Y+Z+V เท่านั้น ไม่มีการบวกเพิ่มแม้แต่บาทเดียว และยังมีข้อกำหนดว่าทุกแห่งจะไปขายให้บุคลากรหรือคนอื่นต่อไม่ได้เป็นอันขาด แต่ท่านจะไปจ้างสถานพยาบาลใดๆ ฉีดให้ สถานพยาบาลนั้นๆ จะไปคิดค่าบริการอื่นใดเป็นข้อตกลงระหว่างสถานพยาบาลและองค์กรที่รับวัคซีนจากราชวิทยาลัยไป ดังนั้นประชาชนที่องค์กรนั้นๆจะดูแล จะได้รับบริการฉีดวัคซีน "ฟรี" ครับ…… อันนี้เป็นการแบ่งเบาภาระงบประมาณและการกระจายการฉีดวัคซีนให้ประเทศร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข…..แต่ประชาชนเป็นคนๆอาจจะไม่สามารถรับวัคซีน”ทางเลือก”นี้ได้ อย่างไรก็ดีคิวของท่านในวัคซีน”หลัก”ของประเทศจะได้เร็วขึ้น (ผมหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นนะครับ)
นอกจากนี้ถ้าเป็นบริษัทเอกชนราชวิทยาลัยมีข้อกำหนดว่าท่านต้องซื้อวัคซีนเพิ่มอีกร้อยละสิบเพื่อบริจาคให้รัฐนำไปฉีดให้กับประชาชนที่ด้อยโอกาสและไม่ได้อยู่กับองค์กรใดๆเช่นผู้ค้าขายอิสระบนทางเท้า หรือในตลาด
#ใครทำอะไรได้ก็ช่วยกัน
#ฉีดวัคซีนทุกครั้งสังคมไทยได้ประโยชน์
#คิดถึงคนที่ด้อยโอกาสด้วย
นิธิ มหานนท์ 29 พค 64