10 มิถุนายน 2564 นายสมศักดิ์ กิตติธรกุล นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย แถลงข่าว กรณีการจัดซื้อวัคซีนเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด ณ ห้องพระนาง องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ
ศบค. ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เรื่องแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยมี เนื้อหาสำคัญคือ
ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถจัดหาวัคซีน เพื่อฉีดให้กับประชาชนได้นั้น
เมื่อพิจารณาดูตามประกาศดังกล่าว เป็นการให้หลักการกว้างๆ และมีเงื่อนไขต่างๆ ประกอบมาด้วย ซึ่งดูแล้วอาจจะเกิดปัญหาในทางปฏิบัติ อย่างเช่น
กรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะดำเนินการร่วมกันในการจัดซื้อ เช่น บางจังหวัด อบจ.จะร่วมมือกับ เทศบาลหรือ อบต. ในจังหวัด จัดหาวัคซีน จะต้องมีแนวทางอย่างไร จะได้ไม่มีปัญหาในทางปฏิบัติ หรือแนวทางในการร่วมมือกับส่วนราชการอื่น เป็นต้น
รวมทั้งกรณีการจองของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่ให้
จองซื้อผ่านทางเว็บไซด์ และมีกระบวนการดำเนินการขั้นตอนต่างๆ ผ่านทางเว็บไซด์ทั้งหมด ก็คงจะมีปัญหาในเรื่องของระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง ที่ไม่เอื้ออำนวยให้ทำได้เช่นกัน
ดังนั้น ทางสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย จึงใคร่ขอให้ทางกระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือซักซ้อมถึงแนวทางปฏิบัติในกรณีดังกล่าวให้ชัดเจน ตามที่ทางสมาคมฯ ได้มีหนังสือหารือไปแล้วเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 และหากเห็นว่ามีระเบียบข้อไหนที่ยังเป็นปัญหาอุปสรรค ก็ขอให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเว้นหรือออกระเบียบใหม่ออกมาบังคับใช้ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในทางปฏิบัติและไม่มีปัญหากับหน่วยตรวจสอบในอนาคตกับพวกเราอีกด้วย
สำหรับแนวทางการดำเนินงานในขั้นตอนต่อไปนั้น ตอนนี้ที่เห็นหน่วยงานของรัฐตามประกาศของ ศบค.ก็มีเฉพาะ
ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เท่านั้น ที่เปิดให้มีการจองซื้อยี่ห้อ “ซิโนฟาร์ม” ดังนั้นถ้า อบจ.ไหนมีความประสงค์จะจัดซื้อก็ขอให้เข้าไปดำเนินการในเว็บไซด์ตามขั้นตอนของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ที่กำหนดไว้
ในส่วนของสมาคมฯก็จะมีหนังสือสอบถามไปยังทุก อบจ.ทั่วประเทศ เพื่อรวบรวมข้อมูลและมอบให้กับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ที่ได้
เคยประสานงานในเบื้องต้นไว้แล้วได้ช่วยประสานงานอีกทางหนึ่ง
สำหรับในเรื่องของการบริหารจัดการวัคชีนรวมทั้งกระบวนการในเรื่องของการฉีด ก็คงเป็นเรื่องที่ทาง อบจ.แต่ละจังหวัดจะต้องหารือแนวทางกับคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด หรือผู้ว่าราชการจังหวัด ของแต่ละจังหวัดตามประกาศของศบค.ต่อไป
ส่วนกรณีที่ทาง ศบค.เป็นห่วงเรื่องความเหลื่อมล้ำของประชาชนที่จะได้รับวัคซีนไม่เท่าเทียมกันนั้น ก็ยอมรับว่า อปท.แต่ละแห่งมีศักยภาพไม่เท่ากัน โดยเฉพาะในเรื่องงบประมาณ แต่อยากให้มองว่าในส่วนของ อปท.ที่เข้ามานั้นเป็นเพียงหน่วยเสริมที่ช่วยเติมเต็ม เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้กับทางรัฐบาล และเป็นการช่วยลดความเหลื่อมล้ำมากกว่า แต่ภารกิจหลักในการจัดหาวัคซีนเป็นของรัฐบาล ดังนั้น
หากพื้นที่ไหนที่ อปท.ไม่มีงบประมาณหรือดูแลได้ไม่ทั่วถึง ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องดูแล ต่อไป และขออย่ามองว่าเป็นเรื่องของการเมืองหรือการแย่งทำงานกับรัฐบาล แต่ขอให้มองเป็นการช่วยเหลือกันในยามวิกฤติ จะดีกว่า