เร็วทันใจ คนไทยทั้งประเทศ วัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสที่บริจาคโดยสหรัฐฯ มาถึงไทยแล้ว
จาก
แถลงการณ์ของ นายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย ว่า "สหรัฐฯ จะบริจาควัคซีนไฟเซอร์จำนวน 1.5 ล้านโดสให้กับไทย เราสองประเทศเป็นเพื่อนกันมากว่า 200 ปี และสหรัฐฯ มุ่งมั่นที่จะช่วยคนไทยให้ปลอดภัยและมีสุขภาพดี" นั้น
วันนี้ 30 กรกฏาคม 2564 - วัคซีนไฟเซอร์จำนวน 1,503,450 โดสที่ สหรัฐฯ ได้บริจาคให้กับประเทศไทย ได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในช่วงเช้า การขนส่งวัคซีนครั้งประวัติศาสตร์นี้เป็นการเน้นย้ำถึงการสนับสนุนที่สหรัฐฯ มีต่อพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของเราในเอเชีย
เรายังภูมิใจที่ได้ยืนยันว่า สหรัฐฯ จะบริจาควัคซีนให้กับไทยรวมทั้งหมด 2.5 ล้านโดส โดยจะบริจาคเพิ่มเติมอีก 1 ล้านโดสนอกไปจากจำนวนที่มาถึงแล้วในวันนี้
สหรัฐฯ อยู่เคียงข้างคนไทย
รัฐบาลสหรัฐฯ ยืนเคียงข้างไทย หุ้นส่วนของเรา ในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 และเริ่มกระบวนการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ ความร่วมมือกันนี้สะท้อนคำมั่นของประธานาธิบดีไบเดนที่จะมอบวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพให้กับประเทศต่าง ๆ ที่ขาดแคลน
รัฐบาลภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีไบเดนและรองประธานาธิบดีแฮร์ริสประกาศว่า สหรัฐฯ จะแบ่งปันวัคซีนจำนวน 80 ล้านโดสในส่วนของสหรัฐฯ เองเพื่อช่วยยุติโรคระบาดใหญ่ในทั่วโลกนี้ และการส่งมอบวัคซีนไฟเซอร์ในครั้งนี้แสดงถึงความสำคัญที่สหรัฐฯ ให้กับความร่วมมือระหว่างเรากับไทย ในแผนการบริจาควัคซีน 80 ล้านโดสของประธานาธิบดีไบเดนนั้น สหรัฐฯ จะมอบวัคซีน 23 ล้านโดสให้กับประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย เพื่อที่จะช่วยให้ภูมิภาคนี้รวมถึงประเทศไทยปลอดภัย การบริจาควัคซีนเหล่านี้เป็นความช่วยเหลือนอกเหนือไปจากความช่วยเหลือมูลค่า 4,000 ล้านเหรียญที่สหรัฐฯ ให้ผ่านทางโคแวกซ์ ซึ่งเป็นโครงการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ให้แก่นานาประเทศอย่างเท่าเทียม
วัคซีนให้เปล่าไร้เงื่อนไข
การบริจาควัคซีนจำนวน 1.5 ล้านโดสครั้งนี้ รวมถึงวัคซีนหลายล้านโดสที่สหรัฐฯ มอบให้กับประเทศเพื่อนบ้านของไทย จะช่วยให้ไทยและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเร่งการฉีดวัคซีนเพื่อให้พลเมืองของตนปลอดภัย ตลอดจนฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว
วัคซีนของเรานั้นให้เปล่าโดยไม่มีเงื่อนไข สหรัฐฯ ดำเนินการเช่นนี้ด้วยวัตถุประสงค์หนึ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือการช่วยชีวิตผู้คน และด้วยความตระหนักอย่างถ่องแท้ว่า ไม่มีใครปลอดภัยจนกว่าทุกคนจะปลอดภัย ดังนั้น เราจึงยินดีที่ได้ทราบว่า รัฐบาลไทยมุ่งมั่นที่จะกระจายวัคซีนเหล่านี้อย่างเป็นธรรมให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยทุกคน รวมทั้งมุ่งเน้นการจัดสรรวัคซีนให้กับกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสุด
วัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์-ไบออนเทค ซึ่ง Pfizer Inc. บริษัทยาของสหรัฐฯ และ BioNTech SE บริษัทไบโอเทคโนโลยีของเยอรมนี ร่วมกันพัฒนาขึ้น เป็นวัคซีนตัวแรกที่ได้รับอนุญาตทะเบียนแบบฉุกเฉินจากองค์การอนามัยโลก และข้อมูลขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่า วัคซีนนี้มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 ได้ร้อยละ 95
มิตรสาธารณสุขไทยและทั่วโลก
กว่า 60 ปี สหรัฐฯ และไทยได้ผนึกกำลังรับมือกับปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่อสาธารณสุข ความร่วมมือนี้เพิ่มพูนขึ้นนับตั้งแต่เกิดการระบาด โดยสหรัฐฯ ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับภาคีชาวไทยในการเสริมสร้างความเข้มแข็งเพื่อตอบสนองต่อโรคโควิด-19 ในไทย รวมถึงช่วยให้ไทยเข้าถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สำคัญได้ จนถึงปัจจุบัน ความช่วยเหลือทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 จากรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ส่งเสริมรัฐบาลไทยในการเตรียมความพร้อมระบบห้องปฏิบัติการ ดำเนินการค้นหาผู้ป่วยและเฝ้าระวังเหตุการณ์สำหรับอาการป่วย สนับสนุนผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการเพื่อการตอบสนองและเตรียมความพร้อมต่อการระบาด เสริมสร้างการสื่อสารความเสี่ยง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อในสถานพยาบาล ตลอดจนช่วยเหลือผู้พลัดถิ่นตามแนวชายแดน นอกจากนี้ เรายังได้มอบเครื่องช่วยหายใจ หน้ากากกรองอากาศ ชุดตรวจหาการติดเชื้อ หน้ากากอนามัย แว่นตานิรภัย และอุปกรณ์ป้องกันอื่น ๆ สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล และอาสาสมัครสาธารณสุขชาวไทยที่กล้าหาญซึ่งกำลังทำงานเพื่อควบคุมการระบาดด้วย
ความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ และไทยได้ช่วยชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วนทั่วโลกผ่านความก้าวหน้าด้านการวิจัย การพัฒนา และการรักษา และเราก็ยังคงทำงานด้วยกันอย่างแข็งขันเพื่อหยุดยั้งโรคโควิด-19 ตั้งแต่การระบาดระลอกแรกเมื่อปีที่แล้ว
นับตั้งแต่ปี 2491 เป็นต้นมา สหรัฐฯ เป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดขององค์การอนามัยโลก เราเข้าใจว่าความมั่นคงด้านสุขภาพทั่วโลกขึ้นอยู่กับระบบสาธารณสุขที่ยืดหยุ่นพร้อมฟื้นตัว โปร่งใส และตอบสนองต่อสถานการณ์ได้ดี สหรัฐฯ มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการตอบโต้การระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก และเป็นผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดในโครงการสนับสนุนด้านการเงิน COVAX Advance Market Commitment เพื่อการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 อย่างเท่าเทียม
หลังจากการส่งมอบวัคซีนเรียบร้อย ตามด้วยแถลงการณ์ ดังนี้
"สหรัฐฯ ดำเนินการเช่นนี้ด้วยวัตถุประสงค์หนึ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือการช่วยชีวิตผู้คน และด้วยความตระหนักอย่างถ่องแท้ว่า ไม่มีใครปลอดภัยจนกว่าทุกคนจะปลอดภัย" - อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ไมเคิล ฮีธ
"We are doing this with the singular objective of saving lives and with the full knowledge that none of us are safe until all of us are safe." - Michael Heath, Chargé d' Affaires a.i. of the U.S. Mission in Thailand