นพ.ยสเนติ์ คำปลิว แพทย์ประจำศูนย์สุขภาพและอาชีวอนามัย โรงพยาบาลวิภาวดี กล่าวว่า ไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดเชื้อชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza virus) ในทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้มีไข้ ไอ น้ำมูก คัดจมูก จาม อาจมีอาการปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลียคล้ายกับไข้หวัด แต่อาการจะรุนแรงกว่า นอกจากนี้ ยังอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหลอดลมและปอดอักเสบ นอกจากนั้น ยังทำให้คนไข้ที่มีโรคประจำตัวมีอาการกำเริบจากการติดเชื้อ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน โรคที่เกี่ยวกับตับและไต เป็นต้น
ไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดทั่วโลกเกิดจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ A และ B ซึ่งในอดีตไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสายพันธุ์ A เป็นหลัก ซึ่งเชื้อไวรัสสายพันธุ์ A นี้ประกอบไปด้วย A/H1N1 และ A/H3N2 แต่ในปัจจุบันพบว่าผู้ป่วยได้รับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ B บ่อยขึ้น โดยมีการระบาดร่วมกันของไวรัสสายพันธุ์ B ทั้ง 2 สายพันธุ์คือ Victoria และ Yamagata ซึ่งสัดส่วนในการระบาดของทั้ง 2 ตระกูลไม่แน่นอน คาดการณ์ยากว่าจะเกิดการระบาดจากสายพันธุ์ใด จึงเป็นปัญหาใหญ่ ดังนั้น องค์การอนามัยโลก หรือ WHO จึงมีการแนะนำวิธีในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงอัตราเสี่ยงต่อการติดเชื้อ โดยการป้องกันโรคด้วยการ ฉีดวัคซีน ซึ่งสามารถฉีดได้ในผู้ใหญ่และเด็ก ที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อน ได้แก่ เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี โดยเฉพาะเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปี ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ และ หลังคลอดจนถึง 2 สัปดาห์ ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจ โรคไตวายเรื้องรัง โรคตับ โรคเบาหวาน และคนที่เป็นโรคอ้วน (BMI มากกว่า 40) นอกจากนี้ บุคลากรทางการแพทย์เองควรได้รับวัคซีน เพราะมีโอกาสได้รับเชื้อจากคนไข้หรือเป็นคนส่งผ่านเชื้อไปยังคนไข้รายอื่น
นพ.ยสเนติ์ กล่าวเสริมว่า ในสำหรับประเทศไทยมีผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ในสัดส่วน 1,000- 2,000 รายต่อประชากร 100,000รายต่อปี การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ด้วยวัคซีนจึงมีความจำเป็น ที่ผ่านมา วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่นำมาใช้สร้างภูมิคุ้มกันเป็นชนิด 3 สายพันธุ์ (Trivalent Influenza vaccine) ซึ่งผลิตจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ A ทั้ง 2 สายพันธุ์ และสายพันธุ์ B 1 สายพันธุ์ โดยเลือกจากสายพันธุ์ B/Victoria หรือ B/Yamagata แต่ล่าสุด องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้แนะนำวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ครอบคลุมไวรัสทั้ง 4 สายพันธุ์ (Quadrivalent Influenza vaccine) ประกอบไปด้วย A/H1N1 A/H3N2 และ B/Victoria B/Yamagata
ในเมืองไทยก็เช่นกัน เราสามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ด้วยวัคซีนที่ครอบคลุมทั้ง 4 สายพันธุ์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ลดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นร่วมด้วยได้
นพ.ยสเนติ์ กล่าวแนะนำปิดท้ายว่า การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ให้ครอบคุลมทั้ง 4 สายพันธุ์ ควรฉีดเป็นประจำทุกปี เนื่องจากวิวัฒนาการของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในแต่ละปี เป็นเชื้อต่างชนิดกันและบางสายพันธุ์คาดการณ์การระบาดได้ยาก วัคซีนแต่ละชนิดไม่สามารถป้องกันเชื้อข้ามสายพันธุ์ได้ ดังนั้น ควรฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันสูงอย่างต่อเนื่องและครอบคลุม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี และห่างไกลจากโรคไข้หวัดใหญ่”
นพ.ยสเนติ์ คำปลิว แพทย์ประจำศูนย์สุขภาพและอาชีวอนามัย โรงพยาบาลวิภาวดี