มาตรการ Universal Prevention (UP)
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ป่วยโดยเฉพาะลิง และหนู
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง รวมถึงลมหายใจและสิ่งของของผู้ป่วย
- หมั่นล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลทำความสะอาดทุกครั้ง หลังสัมผัสสัตว์ หรือสัมผัสสิ่งของสาธารณะ
- ใช้ผ้าปิดจมูกและปาก เมื่อไปในสถานที่เสี่ยงมีโรคระบาด
- หากพบผู้ป่วยให้แยกผู้ป่วยที่ติดเชื้อออกจากผู้อื่นทันที
โรคฝีดาษลิงจะมีอาการคล้ายโรคฝีดาษ ดังนี้
- มีไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ
- ต่อมน้ำเหลืองโต
- ปวดกล้ามเนื้อและอ่อนเพลีย บางกรณีอาจมีอาการไอหรือปวดหลังร่วมด้วย
- หลังจากมีไข้ประมาณ 1-3 วัน ผู้ป่วยจะมีผื่นขึ้นโดยเริ่มจากใบหน้าแล้วแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย จากนั้นจะกลายเป็นตุ่มหนอง และสุดท้ายจะมีสะเก็ดคลุมแล้วหลุดออกมา
อาการป่วยดังกล่าวจะเป็นอยู่ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากโรคเองได้
ในกรณีผู้ที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำหรือมีโรคประจำตัว อาจเกิดโรคแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ปอดบวม หรือเสียชีวิต
❤ ทั้งนี้ ขอให้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์พาหะ และหลังจากเดินทางกลับจากประเทศที่มีการระบาด ให้สังเกตอาการตนเอง โรคนี้เกิดจากการสัมผัสใกล้ชิด ไม่ได้ติดง่าย มาตรการที่ใช้ป้องกันโควิด19 ยังใช้ป้องกันฝีดาษวานรได้
ฝีดาษลิง (monkey pox) เป็นโรคติดต่อจากสัตว์ ซึ่งมีอาการคล้ายคลึงกับฝีดาษหรือไข้ทรพิษ
คือ มีไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดหลัง แต่ในฝีดาษลิงมักพบต่อมน้ำเหลืองโตร่วมด้วย ขณะที่ไข้ทรพิษมักมีอาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น อาเจียน ปวดท้อง
ลักษณะของอาการแสดงทางผิวหนังจะมีความคล้ายคลึงกับโรคสุกใส โดยเริ่มจากเป็นผื่นแดงเล็ก ๆ กลายเป็นตุ่มแดง ตุ่มน้ำใส และตุ่มหนอง ที่กระจายทั่วตัว
แต่ในฝีดาษลิงและไข้ทรพิษ จะเริ่มจากผื่นแดง เป็นตุ่มแดง ตุ่มน้ำใส และตุ่มหนอง แล้วจึงตกสะเก็ด รอยโรคจะอยู่ในระยะเดียวกัน ขณะที่ในโรคสุกใส รอยโรคแต่ละตำแหน่งจะเกิดขึ้นไม่พร้อมกัน ทำให้ผู้ป่วยอาจพบรอยโรคในหลายระยะในเวลาเดียวกันได้
หากมีอาการดังกล่าว เเนะนำให้รีบมาพบเเพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยเเละรับการรักษาโดยทันที
ทั้งนี้ ขอให้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์พาหะ และหลังจากเดินทางกลับจากประเทศที่มีการระบาด ให้สังเกตอาการตนเอง
ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ ช่วยป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ด้วยนะ