20 พฤศจิกายน 2564 ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จะเริ่มทำการวิจัยทางคลินิกด้วยวัคซีนโมเดอร์นา เพื่อใช้เป็นเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันในกลุ่มประชากรคนไทยที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แบบ Primary series (วัคซีนป้องกันโควิดพื้นฐาน) ครบ 2 โดสมาแล้ว 3-6 เดือนในเดือนธันวาคม 2564 นี้
การวิจัย จะแบ่งกลุ่มวิจัย ออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
1. กลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิดเชื้อตาย (inactivated vaccine) ได้แก่ ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม ครบสองเข็ม
2. กลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิดไวรัลเวกเตอร์ (viral vector vaccine) ได้แก่ แอสตร้าเซนเนก้า ครบสองเข็ม
เหตุผลการวิจัย
เป็นที่ทราบและยอมรับในเชิงวิชาการว่าภูมิคุ้มกันหลังจากได้รับวัคซีน Primary series จะลดระดับลงตามระยะเวลาที่ผ่านไปหลังจากได้รับวัคซีนเข็มที่สอง ประกอบกับสถานการณ์การระบาดของสายพันธ์ุเดลต้ายังคงเป็นปัญหาในปัจจุบันและยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การเพิ่มระดับของภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนเข็มกระตุ้น หลังจากที่ได้รับวัคซีน Primary series มาครบแล้ว จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันการติดเชื้อในปัจจุบันและต่อเนื่องในปี 2565
เป้าหมายการวิจัย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการทำวิจัยในประเทศต่างๆ อยู่บ้างในการใช้วัคซีนโมเดอร์นาเป็นเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันเข็มที่สาม แต่วัคซีนแบบ Primary series ในประเทศต่างๆ ทั้งในอเมริกา หรือยุโรป นั้นมีความแตกต่างจากประเทศไทย การวิจัยทางคลินิกในครั้งนี้จะเป็นการใช้วัคซีนโมเดอร์นาเป็นเข็มกระตุ้นภูมิ กับกลุ่มบุคคลที่ได้รับวัคซีนชนิดที่ใช้อยู่ในประเทศไทยจริงๆ ใน 2 กลุ่ม (ข้างต้น)
ผลการวิจัยที่จะเกิดขึ้น จะช่วยแสดงหลักฐานทางวิชาการเพื่อให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในวงกว้างได้อย่างเหมาะสม ปลอดภัย และเพื่อประโยชน์ในการวางแผนกระตุ้นภูมิคุ้มกันสำหรับประชาชนคนไทยในปีหน้านี้ รวมทั้งวางแผนควบคุม ป้องกันโรคโควิด-19 ในประเทศไทยได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพต่อไป
โครงการวิจัยอื่นๆ
ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้ดำเนินการวิจัยหลายโครงการที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิดในประเทศไทย มีดังนี้
1. โครงการวิจัยเปรียบเทียบวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา 2019 เข็ม 3 ระหว่าง AstraZeneca vs Pfizer ในผู้ป่วยเบาหวาน
[
20 พ.ย.64]
⚠️โครงการวิจัยนี้ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ รหัสการอนุมัติโครงการ EC No. 094/2564 TCTR20210731003
ผู้ป่วยเบาหวานสามารถเข้าร่วมโครงการวิจัยได้ ต้องมีคุณสมบัติ
- เป็นผู้ป่วยเบาหวาน
- อายุมากกว่า 18 ปี
- ได้รับการฉีดวัคซีน Sinovac หรือ sinopharm ครบ 2 เข็มในเดือนสิงหาคม
- ไม่เคยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
- ไม่ตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
สแกน QR Code เพื่อสมัครเข้าร่วมโครงการ หรือคลิก
ลิงค์สมัครร่วมโครงการ
2. โครงการ “VACC 2 School” นำร่องฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มให้กับเด็กและเยาวชน
[
22 พย 64]
เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย “การศึกษาอัตราอุบัติการณ์และปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อโคโรน่าไวรัส 2019 ภายหลังจากการฉีดวัคซีน BBIBP-CorV(Sinopharm)ในอาสาสมัครอายุ 10 - ต่ำกว่า 18 ปี ในประเทศไทย ตามที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ รหัสการอนุมัติโครงการ EC No. 134/2564 วันที่ได้รับการอนุมัติ 17 กันยายน 2564 ทั้งนี้ เด็กและเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการจะต้องมีหนังสือแสดงความยินยอมจากผู้ปกครองที่ลงนามยืนยันการเข้าร่วมโครงการโดยสมัครใจทุกท่าน และนำมาส่ง ณ วันที่ฉีด