คำตอบสำหรับคำถามนี้ อยู่ที่อิสราเอล
ศูนย์วิจัยชีบา แห่งอิสราเอล (Israel Sheba Medical Center) ได้เผยแพร่งานวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพจากการรับวัคซีนโควิดเข็มที่ 4 เป็นการศึกษาในกลุ่มเจ้าหน้าที่ของศูนย์เมื่อเดือนธันวาคมปี 2564 วิธีวิจัยทำโดยการแบ่งอาสาสมัครออกเป็น 2 กลุ่ม ทั้งสองกลุ่มนี้ได้รับวัคซีนสามเข็มแรกเป็นไฟเซอร์ทั้งหมด อาสาสมัครกลุ่มแรก 154 คน จะได้รับวัคซีนไฟเซอร์เป็นวัคซีนเข็มที่ 4 ส่วนอาสาสมัครอีกกลุ่มจำนวน 120 คนจะได้รับวัคซีนโมเดอร์นาเป็นวัคซีนเข็มที่ 4 จากนั้นจะนำผลที่ได้จากการทดสอบไปเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 4
ผลการศึกษาพบว่า
"สิ่งที่เราเห็น หลังจากฉีดวัคซีนไฟเซอร์ไปแล้ว 2 สัปดาห์ จำนวนแอนติบอดี้ (antibody) และ แอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์ (neutralizing antibodies) เพิ่มขึ้นค่อนข้างดี และเพิ่มสูงขึ้นกว่าการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เล็กน้อย แต่นั่นอาจจะยังไม่เพียงพอสำหรับจะต้านโอมิครอน ที่เรารู้ขณะนี้คือ ระดับของภูมิคุ้มกันที่ร่างกายต้องการเพื่อป้องกันโอมิครอน มีสูงกว่าที่วัคซีนจะให้ได้ แม้ว่าจะเป็นวัคซีนที่ดีก็ตาม" - ศ.กิลี เรเยฟ-โยเซย์ (Gili Regev-Yochay)
รายงานที่ออกมานี้ เป็นฉบับร่างและยังไม่ได้ตีพิมพ์
แต่ทีมวิจัยก็สรุปว่าการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ให้เฉพาะประชากรในกลุ่มเปราะบางยังถือเป็นการดำเนินนโยบายที่เหมาะสมแล้ว แต่ไม่ใช่กับประชากรทั้งหมด
อิสราเอลเริ่มเดินเครื่องฉีดวัคซีนเข็มที่สี่ให้ผู้สูงอายุและบุคลากรทางการแพทย์ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคม มีผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่สี่ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 537,000 คน หรือคิดเป็นร้อยละห้าของประชากรทั่วประเทศ
เข็มสี่จะเป็นปัญหาเหลื่อมล้ำ
แอนดรู พอลลาร์ด ผู้อำนวยการ อ๊อกซ์ฟอร์ด วัคซีนกรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ประชาชนทุกคนเป็นประจำทุกๆ 4-6 เดือน เพราะจะเป็นการสร้างปัญหา "ความเหลื่อมล้ำ" ในการกระจายวัคซีนทั่วโลกมากขึ้น
เพราะยิ่งเหลื่อมล้ำ ก็ยิ่งจะเพิ่มโอกาสที่จะเกิดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ใหม่ตามมา
การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ควรจะพุ่งเป้าไปที่กลุ่มเปราะบางเป็นหลัก เพราะว่าคนกลุ่มนี้เสี่ยงต่อ โควิด-19 มากกว่ากลุ่มอื่น
ความเสี่ยงจากการกระตุ้นมากเกินไป
ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา ให้ข้อมูลเหตุผลที่อธิบายถึงความกังวลต่อการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ดังนี้
"ปกติแล้วเซลส์จะสร้างแอนติบอดี้ได้นานพอสมควรในสภาวะปกติ แต่ถ้าเกิดมีการกระตุ้นบ่อยครั้ง อายุของเซลล์จะสั้นลง ระดับของภูมิคุ้มกันก็จะตกลงไป เป็นคำเตือนที่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่รองรับได้ ด้วยเหตุผลอันนี้ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีการกระตุ้นทุกครั้งที่มีการเกิดของสายพันธุ์ใหม่ใหม่เข้ามา เพราะจะทำให้ใช้ระบบภูมิคุ้มกันของเราสิ้นเปลืองเกินไป ในการกระตุ้น คงไม่ได้กระตุ้นแต่ตัวดี แต่อาจกระตุ้นตัวที่มันไม่ดีที่มายับยั้งการทำงานของตัวดีด้วย ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่การกระตุ้นเข็มที่ 4 อาจจะไม่ค่อยได้ประโยชน์เท่ากับการกระตุ้นเข็มที่ 3"
ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรอการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของกลุ่มคนที่ได้รับสามเข็มกับสี่เข็ม ว่าจะมีอัตราการป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาล และอัตราการเสียชีวิตเป็นอย่างไรต่อไป รวมทั้งบริบทสถานการณ์ของแต่ละประเทศก็มีส่วนสำคัญ โดยเฉพาะกรณีที่ประเทศนั้น มีประชากรกลุ่มผู้สูงอายุหรือกลุ่มผู้เปราะบางมาก การฉีดเข็ม 4 อาจมีความจำเป็นมากกว่า
ThaiPBS, Reuters, CVC ภาพ