7 กันยายน 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในการเตรียมลงนามสัญญาจัดหาวัคซีนโควิด 19 (ไฟเซอร์) ฝาสีม่วงแดง จำนวน 3 ล้านโดส สำหรับฉีดเด็กอายุ 6 เดือนถึงอายุน้อยกว่า 5 ปี ระหว่าง นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และนางสาวเด็บบราห์ ไซเฟิร์ท ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไฟเซอร์ประเทศไทย และอินโดไชน่า
นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ว่า วัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กเล็กที่จัดหา 3 ล้านโดสนั้น บริษัทจะเริ่มทยอยส่งมอบให้ประเทศไทยได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 เป็นต้นไป ซึ่งนับว่าเร็วเป็นพิเศษเนื่องจากกรมควบคุมโรค มีสัญญาการสั่งซื้อที่ได้รับการอนุมัติจากครม.อยู่แล้ว เพียงแต่เพิ่มชนิดของวัคซีนที่มีการผลิตเพื่อฉีดเด็กอายุ 6 เดือนถึงอายุน้อยกว่า 5 ปีโดยเฉพาะ ทั้งนี้ กลุ่มเด็กเล็กมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่เชื้อโควิดสูง เนื่องจากเป็นวัยที่ยังไม่สามารถดูแลป้องกันตนเองได้ การที่เด็กได้รับวัคซีนจะช่วยลดโอกาสของการเจ็บป่วยและลดการแพร่เชื้อไปยังผู้สูงอายุในครอบครัวอีกด้วย
8 กันยายน 2565 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ได้ลงนามสัญญาจัดหาวัคซีนโควิด 19 (ไฟเซอร์) ฝาจุกสีม่วงแดงจำนวน 3 ล้านโดส กับทางบริษัทไฟเซอร์ ประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย เพื่อใช้ฉีดป้องกันโควิด 19 ในเด็กอายุ 6 เดือนถึงอายุน้อยกว่า 5 ปี โดยวัคซีนมีปริมาณโดสละ 0.2 มิลลิลิตร ซึ่งเท่ากับ 3 ไมโครกรัม รวมทั้งสิ้น 3 เข็มต่อคน หลังจากฉีดเข็มที่ 1 จะเว้นระยะห่าง 3 สัปดาห์ แล้วฉีดเข็มที่ 2 จากนั้นเว้นระยะอีก 8 สัปดาห์ จึงจะฉีดเข็มที่ 3 ซึ่งมีแผนการกระจายวัคซีนไปทุกจังหวัดเมื่อได้รับการส่งมอบวัคซีนลอตแรกจำนวน 1 ล้านโดสในเดือนตุลาคม 2565 โดยวัคซีนสามารถป้องกันโรคโควิด 19 ได้สูงร้อยละ 80.3 ซึ่งเด็กเล็กในวัยนี้เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่เชื้อโควิดสูงเนื่องจากยังไม่สามารถดูแลป้องกันตนเอง การที่เด็กได้รับวัคซีนจะช่วยลดโอกาสของการเจ็บป่วยในเด็กกลุ่มนี้และอีกทั้งลดการแพร่เชื้อไปยังผู้สูงอายุในครอบครัวอีกด้วย