ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์ผ่านเพจ Center for Medical Genomics กล่าวถึงสถานการณ์การที่ นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกจับตามอง สายพันธุ์ "เดลทาครอน" ที่กำลังระบาดมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด19 ปลายปีที่ 3 ซึ่งโอมิครอนกำลังอ่อนกำลังลง และดูเหมือน "เดลทาครอน" หลายสายพันธุ์กำลังระบาดขึ้นมาแทนที่ เช่น XBC, XAY, XBA และ XAW
เดลทาครอน “XBC” มีการกลายพันธุ์ต่างไปจากโควิด19 สายพันธ์ดั้งเดิม “อู่ฮั่น” มากที่สุดถึงกว่า “130” ตำแหน่ง
จากการถอดรหัสพันธุ์กรรมทั้งจีโนมของ "เดลทาครอน" พอจะประเมินได้ว่าเป็นไวรัสโควิดที่มีศักยภาพในการโจมตีปอดอย่าง “เดลตา” และอาจแพร่ระบาดได้รวดเร็วเหมือน “โอไมครอน”
พบ "เดลทาครอน" ในประเทศฟิลิปปินส์
เมื่อต้นปี 2565 ที่ผ่านมา มีรายงานการตรวจพบ "เดลทาครอน" ในประเทศฟิลิปปินส์ระยะหนึ่งจากนั้นได้สูญหายไป ไม่เกิดการระบาดรุนแรงขยายวงกว้าง แต่มาในช่วงปลายปี 2565 กลับพบ “เดลตาครอน” ในประเทศฟิลิปปินส์อีกครั้งในรูปแบบของโควิดสายพันธุ์ XBC, XBA, XAY และ XAW ระบาดขึ้นมาใหม่
ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด (worst-case scenario) ลูกผสมเดลต้า-โอไมครอนอาจมีอันตรายพอๆ กับสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งคร่าชีวิตผู้ที่ติดเชื้อไปประมาณ 3.4% ซึ่งสูงกว่าอัตราการเสียชีวิตของโอไมครอนเกือบสองเท่า ตามผลการศึกษาในปี 2565 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Reviews Immunology
นอกจากนี้ “เดลตาครอน”อาจมีความสามารถในการแพร่ติดต่อได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับโอมิครอน
แต่การทำนายความรุนแรงของสายพันธุ์ลูกผสมหรือสายพันธุ์ย่อยอุบัติใหม่เป็นเรื่องยาก เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ไม่แน่ใจว่าเหตุใดโอมิครอนจึงดูเหมือนจะก่อโรคโควิด-19 ที่รุนแรงน้อยกว่า เมื่อเทียบกับเดลตา
ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าทำไมโควิด-19 จึงเปลี่ยนจาก “โรคทางเดินหายใจส่วนล่าง” ในช่วง 2 ปีแรกที่เดลตาและสายพันธุ์ก่อนหน้าระบาด มาเป็น “โรคทางเดินหายใจส่วนบน” ที่มีความรุนแรงลดลงในปีที่ 3 การเปลี่ยนแปลงอาจเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงนอกเหนือไปจากโปรตีนหนามซึ่งไวรัสใช้ในการเกาะติดเซลล์ของมนุษย์และหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน
ทำไมประเทศไทยควรกังวล
เพราะประเทศฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในอาเซียนที่อยู่ใกล้ประเทศไทยขณะนี้ตรวจพบผู้ติดเชื้อโอมิครอน XBB จำนวนถึง 81 รายพร้อมไปกับพบลูกผสม XBC ใน 11 จังหวัด ถึง 193 ราย ในขณะที่สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนิเชีย บรูไน กัมพูชา ก็พบ XBB และ XBC ด้วยเช่นกัน
บรรดานักวิทยาศาสตร์อาเซียนได้ช่วยกันถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสโคโรนา 2019 และแชร์ไว้บนฐานข้อมูลรหัสพันธุกรรมโควิดโลก “กิสเสด (GISAID)”
พบลูกผสม XBB ใน
- สิงคโปร์ 1137 ราย 12.154%
- อินโดนีเซีย 90 ราย 0.623%
- บรูไน 77 ราย 4.254%
- มาเลเซีย 32 ราย 0.358%
- ฟิลิปปินส์ 20 ราย 0.490%
- กัมพูชา 1 ราย 0.197%
- ไทย XBB จำนวน 1 ราย และ XBB.1 จำนวน 2 ราย
พบลูกผสม XBC ใน
- ฟิลิปปินส์ 35 ราย 0.857%
- บรูไน 15 ราย 0.829%
- สิงคโปร์ 1 ราย 0.011%
- มาเลเซีย 1 ราย 0.011%
ทุกประเทศในอาเซียนที่ตรวจพบ XBB และ XBC รายงานตรงกันว่าผู้ติดเชื้อมีอาการไม่ต่างจากการติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม (คือไม่รุนแรง อัตราการเสียชีวิตต่ำ)
จากฐานข้อมูลรหัสพันธุกรรมโควิดโลก “กิสเสด (GISAID)” ยังไม่พบสายพันธุ์ลูกผสม “XBB” และ “XBC” ในประเทศไทย