ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

CGTN: ผลทดลองข้อมูลจริงยืนยัน วัคซีนโควิดจีน ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

CGTN: ผลทดลองข้อมูลจริงยืนยัน วัคซีนโควิดจีน ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ Thumb HealthServ.net
CGTN: ผลทดลองข้อมูลจริงยืนยัน วัคซีนโควิดจีน ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ThumbMobile HealthServ.net

ปักกิ่ง--18 มกราคม 2566 การทดลองทางคลินิกและข้อมูลจากการใช้งานจริงพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า วัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตในจีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยวัคซีนของจีนได้ช่วยปกป้องชีวิตประชาชนทั้งในจีนและทั่วโลก ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ไม่อาจลบล้างได้ และแม้แต่ผู้ที่ปฏิเสธก็ไม่อาจคัดค้านได้

ตัวเลือกมากมาย

 
จีนเป็นประเทศเดียวที่มีการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ด้วยเทคนิคที่หลากหลาย ซึ่งวัคซีนแต่ละชนิดทำงานในลักษณะที่แตกต่างกัน
 
นอกจากวัคซีน mRNA ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่อย่างของไฟเซอร์ (Pfizer Inc.) แล้ว ประชาชนยังสามารถเลือกรับวัคซีนเชื้อตายแบบดั้งเดิมที่ผ่านการทดสอบมาเป็นอย่างดี ซึ่งกลายเป็นวัคซีนหลักในจีน
 
ขณะเดียวกัน บริษัทจีนยังผลิตวัคซีนชนิดไวรัลเวกเตอร์และวัคซีนจากโปรตีนส่วนหนึ่งของเชื้อ เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น
 
นอกจากกลไกการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกันแล้ว วัคซีนของจีนยังมาในรูปแบบที่แตกต่างหลากหลาย เช่น แบบฉีด สูดดม และพ่นจมูก ซึ่งสามารถเลือกได้ตามความพึงพอใจ
 
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์วัคซีนทั้งหมด 13 รายการในจีน

 
 
 

ปลอดภัยไว้ก่อน


“จีนให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของวัคซีนเป็นอันดับแรกเสมอ” นายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ “วัคซีนที่ผลิตในจีนมีประวัติความปลอดภัยที่ดี และมีอัตราการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์โดยรวมในระดับต่ำ”

ประชาชนหลายพันล้านคนฉีดวัคซีนของจีน ซึ่งเป็นหลักฐานที่ยืนยันความปลอดภัยของวัคซีนได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ณ วันที่ 12 มกราคม ประชาชนกว่า 1.3 พันล้านคนในจีนได้รับวัคซีนไปแล้วกว่า 3.4 พันล้านโดส โดยมากกว่า 241 ล้านคนในจำนวนนี้มีอายุมากกว่า 60 ปี
 
ข้อมูลสถิติจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งประเทศจีนระบุว่า มีรายงานผู้ป่วยอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงจำนวน 188 รายในจีนแผ่นดินใหญ่ ระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม 2563 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2564 หลังจากฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้งหมด 265 ล้านโดส หรือคิดเป็นอัตราส่วน 0.07 ต่อ 100,000 โดส ซึ่งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งประเทศจีนเรียกอัตรานี้ว่า “หายากมาก”
 
วัคซีนของจีน 3 รายการได้รับการขึ้นบัญชีวัคซีนสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก (WHO) นอกจากนี้ วัคซีนโคโรนาแวค (CoronaVac) ของซิโนแวค (Sinovac) ยังเป็นวัคซีนเดียวในบัญชีที่แนะนำให้ใช้กับเด็กอายุ 3-4 ขวบ และในเดือนสิงหาคม 2565 วัคซีนโคโรนาแวคได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลในชิลีและเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของจีนให้ใช้กับทารกอายุ 6 เดือน
 
 
 
 

ประสิทธิภาพเด่นชัด

 
ตามกฎหมายของจีน วัคซีนต้องผ่านการทดลองทางคลินิกจึงจะได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล ซึ่งในระหว่างนั้นประสิทธิภาพของวัคซีนต้องได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ วัคซีนของจีนจำนวนมาก อย่างเช่นวัคซีนจากซิโนฟาร์ม (Sinopharm) และซิโนแวค ต่างได้รับการทดสอบกับคนหลายเชื้อชาติ
 
ในการทดลองระยะที่ 3 ของวัคซีนโคโรนาแวคในประเทศตุรกี ซึ่งมีประชาชนเข้าร่วมการทดลองมากกว่า 10,000 คน พบว่าวัคซีน 2 โดสมีประสิทธิภาพ 83.5% โดยนักวิจัยกล่าวว่าวัคซีน “มีประสิทธิภาพสูงพร้อมด้วยความปลอดภัยและความทนต่อยา”
 
องค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่า การทดลองระยะที่ 3 ของวัคซีนซิโนฟาร์ม ซึ่งเป็นการทดลองขนาดใหญ่ในหลายประเทศ ยังแสดงให้เห็นประสิทธิภาพถึง 79% ซึ่งสูงจนองค์การอนามัยโลกแนะนำให้ใช้
 
เมื่อครั้งที่องค์การอนามัยโลกขึ้นบัญชีวัคซีนจีนตัวแรกสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉินในเดือนพฤษภาคม 2564 นายเทดรอส อาดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก เปิดเผยว่าได้ตัดสินใจขึ้นบัญชีวัคซีนจีนเพราะ “ความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และคุณภาพ”
 
เมื่อเปรียบเทียบกับวัคซีนอื่นที่ผลิตโดยโมเดอร์นา (Moderna) และไฟเซอร์ในช่วงเวลานั้น วัคซีนเชื้อตายของจีนมีข้อได้เปรียบคือ สามารถจัดเก็บและขนส่งโดยใช้ตู้เย็นมาตรฐานที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่พร้อมจัดเก็บและขนส่งวัคซีนจำนวนมากที่อุณหภูมิต่ำ
 
 
 
 

ช่วยเหลือทั่วโลก

จีนบริจาคและส่งออกวัคซีนโควิด-19 จำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นการแสดงความรับผิดชอบในระดับสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเทศที่พัฒนาแล้วบางประเทศกักตุนวัคซีนไว้สำหรับประชาชนของตนเอง
 
บริษัทวิเคราะห์ข้อมูล แอร์ฟินิตี (Airfinity) เปิดเผยว่า สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรแทบไม่ส่งออกวัคซีนเลย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 ขณะที่นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา ได้เรียกร้องให้สหรัฐอเมริกายกเลิกข้อจำกัดการส่งออกวัคซีนและส่วนประกอบของวัคซีนโควิด-19 ในเดือนพฤษภาคม 2564 หลังจากที่ประชาชนมากกว่าครึ่งในสหรัฐอเมริกาได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งโดสแล้ว
 
กว่า 120 ประเทศและองค์กรระหว่างประเทศได้รับวัคซีนที่ผลิตในจีนกว่า 2.2 พันล้านโดส ประชาชนในกว่า 100 ประเทศได้รับวัคซีนของจีน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้นำของกว่า 30 ประเทศ
 
วัคซีนของจีนเป็นความสำเร็จอันล้ำค่าในการต่อสู้กับโควิด-19 และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในหลายประเทศ ดังนั้น คุณูปการนี้ไม่ควรถูกทำให้เสื่อมเสียหรือถูกบิดเบือน

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด