โรคกระดูกพรุนส่งผลกระทบต่อประชากรโลก 500 ล้านคน และเป็นสาเหตุสำคัญของความเจ็บปวด ความพิการ และการสูญเสียความสามารถในการพึ่งพาตัวเองในผู้สูงอายุ โดยหนึ่งในสามของผู้หญิงและหนึ่งในห้าของผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 50 ปีทั่วโลกต่างประสบภาวะกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุน
คนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคกระดูกพรุนไม่ทราบว่ากระดูกของตนเองอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งกระดูกหักเป็นครั้งแรกเพียงเพราะลื่นหรือล้มจากความสูงเพียงเล็กน้อย หรือบางครั้งเพียงเพราะก้มลงไปผูกเชือกรองเท้า
ดร. ฟิลิปป์ อัลบูต์ (Dr. Philippe Halbout) ซีอีโอของมูลนิธิโรคกระดูกพรุนนานาชาติ กล่าวว่า "กระดูกสันหลังหักหรือสะโพกหักอาจทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นี่คือเหตุผลว่าทำไมการป้องกันโรคกระดูกพรุนแต่แรกจึงสำคัญมาก แม้ว่าส่วนใหญ่ความหนาแน่นของกระดูกจะถูกกำหนดโดยปัจจัยทางพันธุกรรม แต่ก็มีสิ่งที่เราสามารถทำได้เพื่อเสริมสร้างกระดูกของเราให้แข็งแรง ตลอดจนลดความเสี่ยงการเกิดโรคกระดูกพรุนและกระดูกหักในอนาคต"
ห้าขั้นตอนเพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุน
มูลนิธิโรคกระดูกพรุนนานาชาติแนะนำห้าขั้นตอนเพื่อสุขภาพกระดูกที่ดีขึ้นและป้องกันโรคกระดูกพรุน
หนึ่ง รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีความสมดุล โดยต้องมีแคลเซียม โปรตีน วิตามิน และสารอาหารสำคัญอื่น ๆ ในปริมาณที่เพียงพอ รวมถึงวิตามินดีที่ร่างกายสร้างได้เองเมื่อผิวหนังสัมผัสกับแสงแดดและมีอยู่ในอาหารบางจำพวก
สอง เคลื่อนไหวร่างกายอยู่เสมอ การออกกำลังกายมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพกระดูก โดยพบว่าภายในหนึ่งสัปดาห์ผู้ใหญ่ที่ติดเตียงจะสูญเสียมวลกระดูกมากกว่าที่สูญเสียไปในหนึ่งปี วิธีที่ดีที่สุดคือการออกกำลังกายแบบลงน้ำหนักและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ตั้งแต่การวิ่งจ็อกกิง เวทเทรนนิง ไปจนถึงการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ เช่น การเดินหรือการใช้ยางยืดออกกำลังกาย นอกจากนี้ การออกกำลังกายแบบสร้างสมดุลยังช่วยลดความเสี่ยงของการล้มด้วย โดยทั่วไปแนะนำให้ออกกำลังกายอย่างน้อยครั้งละ 30-40 นาที สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ส่วนผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุนควรทำตามแผนการออกกำลังกายตามเป้าหมาย เพราะเป็นส่วนสำคัญของการรักษาควบคู่กับการรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
สาม หยุดพฤติกรรมที่ทำลายกระดูก เช่น การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
สี่ ควบคุมน้ำหนักตัวให้เหมาะสม การมีน้ำหนักน้อยเกินไป (ค่าดัชนีมวลกายต่ำกว่า 19 kg/m2) ถือเป็นปัจจัยเสี่ยง ที่น่ากังวลเป็นพิเศษคือคนหนุ่มสาวที่มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารผิดปกติ รวมถึงผู้สูงอายุที่มีความอยากอาหารลดลง
ห้า การรับรู้ถึงปัจจัยเสี่ยงส่วนบุคคลตั้งแต่เนิ่น ๆ คือสิ่งสำคัญ เช่น การเกิดภาวะกระดูกหักเมื่ออายุเกิน 50 ปี ส่วนสูงลดลงมากกว่า 4 เซนติเมตร (1.5 นิ้ว) และมีพ่อแม่ที่มีประวัติสะโพกหัก เหล่านี้คือปัจจัยเสี่ยงสำคัญเพียงบางส่วนที่ควรมีการประเมิน และอาจได้รับคำแนะนำให้วัดความหนาแน่นของมวลกระดูกด้วยเครื่อง DXA Scan เป็นลำดับถัดไป เพื่อวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระดูกพรุนหรือไม่และจำเป็นต้องได้รับการรักษาหรือไม่
มูลนิธิโรคกระดูกพรุนนานาชาติมีแบบทดสอบออนไลน์เพื่อประเมินความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน (
IOF Osteoporosis Risk Check) ซึ่งสามารถทำได้ง่าย ๆ และบ่งชี้ปัจจัยเสี่ยงได้
ศาสตราจารย์ ไซรัส คูเปอร์ (Cyrus Cooper) ประธานมูลนิธิโรคกระดูกพรุนนานาชาติ กล่าวเสริมว่า "ภาวะกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุนอาจส่งผลกระทบร้ายแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิต เราจึงขอเรียกร้องให้ผู้คนทุกวัยให้ความสำคัญกับการป้องกันโรคกระดูกพรุน ปรึกษาเรื่องสุขภาพกระดูกกับแพทย์ และอย่าลังเลที่จะขอรับการประเมินและการดูแลหากคุณมีความเสี่ยง โปรดจำไว้ว่ากระดูกที่แข็งแรงจะช่วยให้คุณไปไหนมาไหนได้และพึ่งพาตัวเองได้เมื่อสูงวัย"
วันกระดูกพรุนโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 20 ตุลาคม เป็นวันที่เรียกร้องให้ทั่วโลกรวมพลังกันต่อสู้กับโรคกระดูกพรุนและภาวะกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
www.worldosteoporosisday.org
พันธมิตรของวันกระดูกพรุนโลก ได้แก่ แอมเจน (Amgen), ซันสวีท (Sunsweet), ซิลลิค ฟาร์มา (Zuellig Pharma), แอ๊บบอต (Abbott), ฟาร์มาโนเวีย (Pharmanovia), เทอราเม็กซ์ (Theramex)
มูลนิธิโรคกระดูกพรุนนานาชาติ เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนรายใหญ่ที่สุดในโลกที่อุทิศตนให้กับการป้องกันโรคกระดูกพรุนและภาวะกระดูกหัก ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
www.osteoporosis.foundation