(2) เราประกาศและได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามแห่งแรกและเป็นโรงพยาบาลสนามที่ดีที่สุดของประเทศขึ้นในมหาวิทยาลัยตั้งแต่เป็น 307 เตียงในเดือนมีนาคม 2563 จนมาถึงเวฟที่ 2 ในเดือนกุมภาพันธ์ และเวฟที่ 3 – 4 ในเดือนเมษายน ที่ขยายเป็น 470 เตียง เราช่วยดูแลผู้ป่วยโควิดจากโรงพยาบาลต่าง ๆ ที่เข้าตาจน ไม่มีเตียงคนไข้ใหม่เพิ่มและช่วยแก้ปัญหาเตียงไม่พอในรพ.หลักโดยทรัพยากร วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือและกำลังบุคลากรของเราเองทั้งหมด วันนี้ รพ.สนามธรรมศาสตร์มีผู้ป่วยที่เรารับมาดูแลสะสมมากกว่า 3,200คนแล้ว และเรายังไม่หยุดรับ ไม่หยุดให้ความช่วยเหลือ ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์รุนแรงมากขึ้น และผู้ป่วยซึ่งควรจะเป็นเคสเขียวไม่มีอาการเปลี่ยนเป็นเคสเหลืองที่ต้องใช้ยาต้านไวรัส ยารักษาปอดอักเสบที่นี่หลายสิบคน จนโรงพยาบาลสนามของเราคล้าย รพ.หลักเข้าไปทุกที แต่ที่ต่างก็คือมีอัตรากำลังแพทย์พยาบาลน้อยกว่าโรงพยาบาลหลักเกือบสิบเท่า
(3) เราประกาศจัดตั้งศูนย์รับวัคซีนธรรมศาสตร์ รังสิต ซึ่งเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนเพียงแห่งเดียวในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยขึ้นเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 64 และฉีดวัคซีนต่อเนื่องมา 41 วันแล้ว และมีศักยภาพในการฉีดวัคซีนไม่น้อยกว่าวันละ 2,000 คน และปลายเดือนนี้เราจะเพิ่มศักยภาพการฉีดวัคซีนเป็นวันละ 3,000 คนโดยใช้ทรัพยากรและบุคลากรของ รพ.ธรรมศาสตร์และอาสาสมัครทั้งหมด ขณะนี้เราฉีดวัคซีน Astra Zeneca ให้กับผู้ที่รอโอกาสและความหวังในการได้รับภูมิคุ้มกันไปได้กว่า 73,000 คน และตั้งใจจะฉีดไปเรื่อย ๆ ทุกวันจนกว่าไม่มีวัคซีนจะให้ฉีดอีก เพราะพวกเราเชื่อว่า การมีวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันให้ผู้คนเป็นทางรอดเดียวของสังคมไทยจากสงครามโควิดนี้ น่าเศร้าใจที่เราคงจะฉีดต่อเนื่องไปได้อีกเพียง 4 วัน และวันที่ 23 กรกฎาคมก็จะเป็นวันสุดท้ายที่เราจะมีโอกาสช่วยเหลือผู้คนได้ เพราะไม่มีวัคซีนส่งมาให้เราฉีดอีกแล้ว อาสาสมัครและบุคลากรวันละ 150 คน ที่ทำงานติดต่อกันมาจนครบ 45 วันคงจะเศร้าใจที่ประเทศไม่มีวัคซีนให้กับประชาชนอีกแล้ว แต่ผู้คนที่ลงทะเบียนรอวัคซีนอยู่อีกกว่าห้าหมื่นคนไว้ที่เราที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเลยคงจะรู้สึกเหมือนกับฟ้าถล่มลงต่อหน้าต่อตา ที่โอกาสของพวกเขาที่จะได้รอดพ้นจากการคุกคามของโรคระบาดนี้ จะสูญสลายไปในทันที เมื่อได้รับทราบข่าวการปิดศูนย์รับวัคซีน เพราะไม่มีวัคซีนอีกแล้วจากพวกเรา
(4) นอกจากการขยายเตียงโควิดและเพิ่ม Negative Pressure อย่างไม่หยุดหย่อนแล้ว เราก็ได้วางแผนจัดเตรียมสถานที่และเตรียมแพทย์ พยาบาลเฉพาะทางสำหรับดูแลผู้ป่วยโควิดในลักษณะ Palliative Care ขึ้นที่โรงพยาบาล เราคงเป็นโรงพยาบาลไม่กี่แห่งในประเทศนี้ที่เตรียมทีมแพทย์ พยาบาล และจัดสถานที่ทำเป็น Negative Pressure สำหรับการดูแลผู้ป่วยโควิดแบบประคับประคองในประเทศ⛑บุคลากรทางการแพทย์ทราบดีอยู่แล้วว่า Palliative Care สำหรับโควิดคืออะไร แต่สำหรับบุคลากรภายนอก เราคงอธิบายได้เพียงว่าการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองนี่คือสิ่งที่บุคลากรทางการแพทย์มีความยากลำบากใจที่จะดำเนินการ เพราะมันคือการดำเนินการบริหารจัดการเตียง ICU โควิดที่มีความจำเป็นสูงสุดในภาวะนี้ โดยพยายามบริหารจัดการเตียง ICU โควิดที่มีจำนวนจำกัดให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยพูดคุยกับญาติของผู้ป่วยที่มีโอกาสรอดชีวิตต่ำมากหรือไม่มีเลย ให้ยอมรับการดูแลแบบประคับประคองโดยไม่มีการ CPR หรือเจาะเส้นเลือดดำที่คอเพื่อช่วยยืดชีวิตอีก เพื่อให้เวลาอีกสามสี่วันที่จะยืดชีวิตของผู้ป่วยรายนั้นไว้ชั่วคราว กลายเป็นสามสี่วันที่อาจจะช่วยผู้ป่วยวิกฤตรายอื่นให้ได้มีโอกาสรอดชีวิตไปได้ เป็นเรื่องเศร้าถ้าจะบอกว่าเราจะต้องขอให้อาจารย์แพทย์ทางด้าน Palliative Care มาดูแลผู้ป่วยโควิดวิกฤตไปหลายรายแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งหมดที่บอกเล่ามาโดยสังเขปนี้ คืองานที่พวกเราชาวธรรมศาสตร์ช่วยกันแบกหามทำกันมาเอง ด้วยกำลังบุคลากร เครื่องไม้เครื่องมือและทรัพยากรของพวกเราเองทั้งหมด ปีนึงมานี้เราใช้งบประมาณของเราเองไปแล้วมากกว่าหนึ่งร้อยล้านบาทสำหรับโควิด ถ้าไม่มีศิษย์เก่าและผู้สนับสนุนที่เห็นคุณค่าของงานของเรามาช่วยบริจาคสบับสนุนให้ โรงพยาบาลคงล้มละลายไปนานแล้ว และที่สำคัญก็คือพวกเราทำเรื่องเหล่านี้มาได้ด้วยความเชื่อมั่น ในสิ่งที่ใครบางคนที่พวกเรารักและศรัทธา เคยบอกไว้ว่า ให้ทำหน้าที่ของพวกเราต่อไปในภาวะวิกฤติ และให้คิดเอาเองว่าหน้าที่ของพวกเราคืออะไร
พวกเราต่างล้วนเชื่อว่าหน้าที่ของพวกเราคือการดูแลพี่น้องประชาชนคนไทยที่เจ็บป่วยทุกข์ทรมานด้วยโรคร้ายนี้ ให้ดีที่สุด ให้มากที่สุด และพวกเราจะทำจนเต็มกำลังความสามารถ และแล้วพวกเราก็ได้ทำเต็มกำลังความสามารถในรอบนี้มากว่าสามเดือนติดต่อกันโดยไม่หยุดเลย ด้วยความเชื่อมั่นว่า การรบหน่วงเวลาช่วยดูแลผู้คนที่ทุกข์ทรมานอยู่ในแนวรบของเรา จะช่วยทำให้ประเทศและประชาชนไม่แพ้สงครามนี้ในท้ายที่สุด ด้วยนโยบายของรัฐบาลเรื่องการจัดสรรและกระจายวัคซีนอย่างกว้างขวางและเร่งด่วนให้แก่ผู้คนทั้งประเทศ
เราเพิ่งได้ทราบว่าวัคซีนจะไม่มีมาอีกแล้ว และอีกนานจนกำหนดไม่ได้ที่ผู้คนที่พวกเราดูแลอยู่จะได้รับภูมิคุ้มกันเพียงพอจะต้องรอคอยวัคซีนต่อไป
เราร้องขอมากเกินไปหรือเปล่านะ ที่จะขอให้รัฐบาลรับประกันสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปของคนไทย โดยการจัดหาวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทย มาฉีดให้คนไทย ตามที่รัฐบาลสัญญาไว้
เราได้แต่ถามตัวเองว่าทำไม⁉️ ทำไมรัฐบาล ทำไมกระทรวงซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในเรื่องนี้หลอกลวงเรา หลอกลวงผู้คนทั้งประเทศให้อดทน รอคอยและมีความหวัง ซึ่งท้ายที่สุดก็ปรากฎว่าไม่มีทางเป็นจริงได้เลย ⁉️
ทำไมนะ รัฐบาลของเรา จึงไม่สามารถจัดหาวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทย โดยเงินที่จ่ายจากภาษีของคนไทยมาช่วยป้องกันชีวิตและดูแลรักษาผู้คนร่วมแผ่นดินเอาไว้ก่อน ให้ได้ภายในสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ข้างหน้าที่เหตุการณ์จะวิกฤติร้ายแรงที่สุดนี้
เราอดรำพึงรำพันกับตัวเองอีกไม่ได้ว่า ถ้ารัฐบาลไม่มีสติปัญญาและไม่มีความสามารถที่จะช่วยรักษาชีวิตของคนไทยไม่ให้ล้มตายเป็นใบไม้ร่วงอย่างที่เป็นมาตลอดสัปดาห์ด้วยการฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะไว้วางใจได้ และเป็นวัคซีนที่ผลิตในประเทศ บนแผ่นดินไทย และอยู่ในเขตอธิปไตยของชาติเราเองแล้วรัฐบาลจะยังคงจากหน้าเป็นรัฐบาลอยู่ต่อไปเพื่ออะไร ⁉️แต่ช่างเถอะ พวกเราเป็นเพียงบุคลากรด่านหน้า เป็นมดงานตัวเล็กๆที่จะยอมเสียสละตัวเองเพื่อดูแลประชาชน และคงต้องก้มหน้า กัดฟันและยืนหยัดทำภารกิจที่พวกเราคิดเอาเองว่าเป็นความรับผิดชอบของเราต่อไป โดยไม่มีสิทธิตั้งคำถาม แม้จะรู้ว่าอาทิตย์นี้ อาจจะเป็นการรบป้องกันครั้งสุดท้าย ก่อนที่พวกเราและระบบสาธารณสุขของเราจะหมดกำลังและล่มสลายลงก็ตาม
#เราจะสู้จนวันสุดท้ายมาถึง