3 ประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวีย - เดนมารค์ สวีเดนและนอร์เวย์ ได้ยกเลิกข้อบังคับที่เกี่ยวกับโควิด-19 ทั้งหมดแล้ว นั่นหมายถึง "ชีวิตแบบปกติก่อนโควิด" กลับมาแล้วนั่นเอง
"สังคมเรากลับสู่สภาวะปกติ เหมือนก่อนโควิดแล้ว 99%" ดร.ฟิลิป น็อป แห่งรพ.เก็นทอฟเต้ ม.โคเปเฮเกน ให้ข้อมูลกับ MedPage Today "ถึงแม้จะยังพบเห็นว่ามีน้ำยาฆ่าเชื้อ น้ำยาล้างมือทำความสะอาด วางพร้อมใช้อยู่ทุกๆ ที่ แต่คนก็ไม่ค่อยใช้กันแล้ว"
เดนมาร์ค เป็นประเทศแรกในยุโรป ที่ประกาศยกเลิกมาตรการควบคุมโควิดสำหรับประชาชนในประเทศ ตั้งแต่ 10 กันยายน 2021 ตามมาด้วยนอร์เวย์ (25 กันยายน) และสวีเดน (29 กันยายน)
แม้จากการตรวจสอบตัวเลขผู้ติดเชื้อในรอบ 7 วัน ช่วงต้นเดือนตุลาคม ใน 3 ประเทศ ล่าสุด ยังคงพบผู้ติดเชื้ออยู่ก็ตาม ในเดนมาร์คพบ 552 ราย สวีเดนพบ 499 ราย และนอร์เวย์พบ 432 ราย และผู้เสียชีวิต ก็ยังมีอยู่บ้าง (อัตรา 1 คน/สัปดาห์) ก็ตาม
แต่ตัวเลขเหล่านี้ มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ
ปัจจัยความสำเร็จ
ทั้ง 3 ประเทศ มีปัจจัยความสำเร็จที่คล้ายคลึงกัน 2 จุด คือ อัตราการฉีดวัคซีนในระดับสูง และ ความเชื่อมั่นของประชาชานต่อรัฐบาลของพวกเขา
เดนมาร์ค
เดนมาร์ค มีอัตราการฉีดวัคซีนครบ 2 โดส ในกลุ่มอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปที่ระดับ 86% และสูงถึง 96% ในกลุ่มผู้มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป
การบังคับฉีดวัคซีน (Vaccine mandate) ไม่มีความจำเป็นสำหรับเดนมาร์ค
เดนมาร์คเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่าจ่ายภาษีแพงสุดในอัตรา 50% ของรายได้ (income tax) และอัตราการคอรัปชั่นต่ำ สองสิ่งนี้คืนกลับมาเป็นสวัสดิการที่ดูแลประชาชนในทุกด้าน ทุกระดับอย่างเท่าเทียม ยกระดับมาตรฐานชีวิตและการครองชีพประชาชนให้อยู่ในระดับสูงได้ การมีการรักษาพยาบาลฟรี การศึกษาฟรี การดูแลผู้สูงอายุฟรี เหล่านี้ทำให้ช่องว่างระหว่างรวยและจนมีน้อยมาก พื้นฐานที่ดีและไร้ความแตกต่าง ผู้คนจึงมีความเชื่อใจกันและกัน ส่งผลถึงความเชื่อใจในองค์กรรัฐ ก็มีสูงตามไปด้วย เหล่านี้ ทำให้สังคมเข้มแข็งและมั่นคง
"ประชาชนเดนมาร์ค เชื่อในข้อมูลหลักฐานจริง มากกว่าจะคล้อยตามง่ายๆ ไปกับทฤษฎีลวงหลอกต่างๆ"
และเหตุผลสำคัญที่ประชาชนให้ความเชื่อมั่นต่อรัฐสูงก็เพราะ "ข้อมูลที่ภาครัฐเปิดเผยมีความโปร่งใส ประเทศเดนมาร์คมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อม ทั้งด้านกายภาพและด้านดิจิตอล บนแผนยุทธศาสตร์ ที่พร้อมรับมือกับการแทรกแทรงใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น และยังเป็นระบบที่เปิดกว้างให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมและติดตาม ผลที่อาจจะเกิดขึ้นจากการแทรกแทรงเหล่านั้นได้อีกด้วย" ผลลัพธ์ก็คือ การออกมาตรการรัฐที่มีประสิทธิมาก และยิ่งมาตรการมีประสิทธิภาพ ความเชื่อมั่นของประชาชนก็มีมากขึ้นและพร้อมร่วมมือปฏิบัติตาม
สวีเดน
สวีเดน ก็เช่นเดียวกัน ระบบสังคมที่เท่าเทียม และประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อรัฐสูง แม้ว่าจะตกลงไปบ้างช่วงในช่วงแรกของการระบาด ที่รัฐบาลสวีเดนได้ประกาศล็อกดาวน์ใหญ่ทั่วประเทศ เมื่อพบว่ามีจำนวนผู้เสียชีวิตพุ่งสูงรวดเร็ว ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุในศูนย์ดูแล
"การเริ่มต้นรับมือกับการระบาดที่ต่างกัน จะให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันไปในแต่ละประเทศ"
ปัจจุบันสวีเดนกลับสู่สภาวะเหมือนก่อนโควิดแล้ว ด้วยอัตราการฉีดวัคซีน 80% ในกลุ่มอายุ 16 ปีขึ้นไป และกว่า 84% ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส ประชาชนเลิกใส่หน้ากากและหยุดระยะห่าง มาก่อนประกาศยกเลิกของรัฐบาลอีก
"เพราะชาวสวีเดนเชื่อมั่นในหน่วยงานรัฐสูง อัตราการฉีดวัคซีนจึงสูง การยกเลิกมาตรการจำกัดของรัฐ เป็นประโยชน์ต่อสังคมมากกว่า"
ในสต๊อกโฮล์ม เมืองหลวงของสวีเดน ร้านอาหารกลับมาให้บริการและจองเต็ม ผู้คนรับประทานอาหาร พูดคุยกันปกติ ไร้กังวล ในสถานีรถไฟใต้ดิน ผู้คนไม่สวมหน้ากากอนามัยแล้ว กับใครที่สวมจะถูกมองว่า "ไม่ได้ฉีดวัคซีนและเป็นคนที่จะต้องได้รับการป้องกัน"
ด้วยพื้นฐานสวัสดิการสาธารณสุขที่ดีของชาวสวีเดนเอง ทำให้ชาวสวีนเดนเชื่อว่า สถาบันทางสังคมต่างๆ นั้นทำงานเพื่อพวกเขา จะไม่ละเมิดหรือทำร้ายเขาอย่างแน่นอน และความเชื่อมั่นต่อองค์กรและระบบสาธารณสุขของรัฐนี่เอง คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญในการฉีดวัคซีนของชาวสวีเดน
"ตอนนี้ ประชาชนได้กลับมาสัมผัสถึงอิสระเสรีในการใช้ชีวิตอีกครั้ง เป็นอิสระที่ได้มาจากการฉีดวัคซีน และถึงแม้จะมีโอกาสที่จะเกิดการแพร่ระบาดขึ้นมาอีก ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบสัญญาณใดๆ รัฐบาลสวีเดนก็พร้อมจะฉีดเข็ม 3 ให้กับกลุ่มเปราะบางในทันที"
นอร์เวย์
ในนอร์เวย์ ประชาชนกว่า 90% ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ตามคำกล่าวของ แอนน์ สเปอร์ลุนด์ ศจ.แห่งม.ออสโล และท่านเล่าต่อว่า "เห็นสัญญาณการกลับมาใช้ชีวิตปกติมากขึ้น การใช้บริการร้านอาหารและบาร์ การเริ่มเปิดการแสดงคอนเสิร์ต โรงเรียนเปิดเรียน โดยที่การใช้ชุดตรวจชนิดรู้ผลเร็วในโรงเรียนเป็นกิจวัตรปกติไปแล้ว"
"ฉันเห็นด้วยกับการเปิดเมืองให้ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนก่อนยุคโควิดอีกครั้ง พร้อมๆ กับต้องยอมรับว่าโควิด-19 ยังคงมีอยู่ สิ่งสำคัญคือชาวนอร์เวย์ส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนแล้ว เราหวังว่าต่อไป โควิดมันจะเป็นเหมือนโรคหวัดตามฤดูกาล ซึ่งเราต้องจับตาดูต่อไป"
ทั้ง 3 ประเทศ มีการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกรณีพบการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ใหม่อยู่ตลอด และถึงแม้เหตุการณ์ระบาดจะเกิดขึ้นจริงๆ ประชาชนก็มีความมั่นใจว่ารัฐบาลจะช่วยให้พวกเขา ผ่านมันไปได้
"การยกเลิกมาตรการจำกัดจะดีหรือไม่ ยังไม่มีใครตอบได้ การระบาดอาจเกิดขึ้น และมาตรการก็จะถูกนำกลับมาใช้อีกก็ได้ จากการศึกษาติดตามด้านพฤติกรรม เราค่อนข้างมองแง่ดีว่า ถึงแม้จะมีเวฟ 3 เกิดขึ้น ความเชื่อมั่นระหว่างกัน จะนำพาให้เราผ่านมันไปได้" - จากทวีตของ Michael Bang Petersen
Fact file
อัตราการติดเชื้อและผู้เสียชีวิตในทั้ง 3 ประเทศ (3 มค 2020 - 12 ตค 2021)
เดนมาร์ค
ผู้ติดเชื้อ 364,464 ราย เสียชีวิต 2,671 ราย
สวีเดน
ผู้ติดเชื้อ 1.157 ล้านราย เสียชีวิต 14,905 ราย
นอร์เวย์
ผู้ติดเชื้อ 193,559 ราย เสียชีวิต 871 ราย