การตรวจที่ รพ ต่างๆขณะนี้ ผลเป็นบวกเยอะมาก แบบมีเชื้อ - 6 เมษายน 64 LINK
การตรวจที่ รพ ต่างๆขณะนี้ ผลเป็นบวกเยอะมาก แบบมีเชื้อ
และที่แยงจมูกครั้งแรกไม่เจอ ก็สรุปไม่ได้ ต้องแยงต่ออีก 2-3 ครั้ง ใน 10 วัน และผลอีก 2-3 วันจึงจะทราบ
ทางที่ดี ถ้ามีความเสี่ยง แยกตัว ดีที่สุด ที่บ้าน และมาตรวจที่ 7-10 วัน
คนที่พบมีเชื้อไปแล้ว ถ้าไม่มีอาการ และเอกซเรย์ปอดไม่มีปอดบวม (เพราะโควิดมีปอดบวมโดยไม่มีอาการได้)
แยกตัวต่อ และกลับมา รพ ทันทีที่อาการเปลี่ยน
ไม่เช่นนั้น รพ ล้นหลาม
รพ. ตรวจคนไข้ drive through ตั้งแต่ 1 เมย 64 ประมาณ 1,000 + ราย พบผู้ติดโควิด -19 ถึงเมื่อวาน 106 ราย ( ประมาณ 9%) ส่วนใหญ่ไปเที่ยว สถานบันเทิง
ยันต์กันผีโควิด-19 - 6 เมษายน 64 LINK
ยันต์กันผีโควิด-19
6/4/64
1- รักษาวินัยส่วนตน
2-รักษาระยะห่าง
3- ระยะเวลาที่ใกล้ชิด
4- พฤติการณ์ ณ ขณะนั้น
5- สถานที่ อับ
ในสถานบันเทิงเช่น ผับ ขาดทุกข้อ
แต่ที่ที่สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน เช่น การโดยสารรถคันเดียวกันโดยเฉพาะรถสาธารณะคนหนาแน่น
ทั้งนี้เนื่องจากมีคนที่ติดเชื้อและแพร่เชื้อได้กระจายอยู่ทั่วไปที่ไม่ได้ตรวจ “โดยไม่มีอาการ”
แล้วรถโดยสาร รถสาธารณะ รถไฟฟ้า โรงเรียน ทุกหนแห่ง คนเดินไปมา ไม่รู้ว่าใครติดหรือไม่ ? - 5 เมษายน 64 LINK
แล้วรถโดยสาร รถสาธารณะ รถไฟฟ้า โรงเรียน ทุกหนแห่ง คนเดินไปมา ไม่รู้ว่าใครติดหรือไม่ ?
แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่าตัวเองติดหรือเปล่า ติดมาจากไหนมา เพราะทุกแห่งมีติดอยู่แล้ว แต่ไม่เคยมีการตรวจเชิงรุก
หลักฐานว่ามีการติดอยู่แล้ว
ในพื้นที่หมู่บ้านหนึ่ง ของจังหวัดหนึ่ง ที่ไม่ได้มีสถานบริการอย่างเช่น กทม หรือในเขต จว ใหญ่ มีบ้านเรือน ตลาดตามปกติ
ตรวจ 1,159 รายในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนพฤศจิกายน 2563 พบว่ามีผู้ติดเชื้อ 129 ราย
และต่อมาในการตรวจ 455 ราย ช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2564 พบว่ามีผู้ติดเชื้อ 32 ราย
หลักปฎิบัตื ป้องกันการแพร่ คืออะไร ?
อยู่ที่ใดก็ติดเชื้อได้ ถ้าไม่ได้มีวินัยและรักษาระยะห่าง - 5 เมษายน 64 LINK
อยู่ที่ใดก็ติดเชื้อได้ ถ้าไม่ได้มีวินัยและรักษาระยะห่าง 5/4/64
การตรวจผู้ติดเชื้อที่เห็นในขณะนี้ และระบุเน้นมีที่มาจากผับสถานบริการ
• ต้องไม่ลืมว่าการติดเชื้อนั้นเกิดขึ้นได้ทุกที่ ที่ไม่รักษาระยะห่างและคนทั่วไปวางใจเพราะเป็นการแพร่โดยไม่มีอาการ แต่เมื่อตรวจจริง
มาดูข้อมูลจริงๆ ในพื้นที่หมู่บ้านหนึ่ง ของจังหวัดหนึ่ง ที่ไม่ได้มีสถานบริการอย่างเช่น กทม หรือในเขต จว ใหญ่
ตรวจ 1,159 รายในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนพฤศจิกายน 2563 พบว่ามีผู้ติดเชื้อ 129 ราย
และต่อมาในการตรวจ 455 ราย ช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2564 พบว่ามีผู้ติดเชื้อ 32 ราย
ในโรงงานเดียว จังหวัดหนึ่งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ตรวจ 1,901 ราย พบว่าติดเชื้อ 283 รายและสามารถแพร่เชื้อได้ 148 ราย
และในช่วงเดือนมีนาคมตรวจ 1,854 รายมีติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 538 รายและแพร่เชื้อได้ 200 ราย
หรือ ในเรือนจำ ที่แออัด มีติดเชื้อ หนึ่งรายก็แพร่ไปหมด
มาตรการ มาตรฐานในการป้องกันการแพร่เชื้อต้องตั้งอยู่ในหลักการ การแพร่เชื้อ และการป้องกัน ในบริบทเดียวกัน
การตรวจ ในปัจจุบันนี้ ต้องระบุ เป็นการตรวจเชิงรุก ในกลุ่มที่เกิดเหตุ ตามสถานการณ์ เท่านั้น
ขอแค่คนเดียว ก็พอ!! - 4 เมษายน 64 LINK
ขอแค่คนเดียว ก็พอ!!
ถ้าเข้าไปใน รพ เข้าในเรือนจำ เข้าในสถานบันเทิง
ในเรือนจำ ถ้าผู้คุมติด กลับบ้าน แพร่ได้
ใน รพ หมอ พยาบาล ติด ต้องดูแลคนหมู่มาก
คิด อัตราการแพร่ ตามตำราไม่ได้ (R0)
ต้องดูตามลักษณะของหมู่กลุ่ม การสัมผัสใกล้ชิด ไม่ใช่ หนึ่งไปหนึ่งหรือไปสองเท่านั้น
ฉีดๆๆ และมีวินัยต่อ LINK
ฉีดๆๆ และมีวินัยต่อ
วัคซีน ยังเป็นเรื่องความจำเป็นอย่างเร่งด่วน คลุมให้มากสุดทั่วประเทศให้เร็วที่สุด
แม้ว่ามีผลข้างเคียง แต่เราเริ่มสังเกตุ มองออก และป้องกัน รักษาได้
ต้องขยาย การฉีด จัดหาวัคซีน รวมที้งภาครัฐ เอกชน ใช้ระบบการฉีด ทะเบียน ติดตาม แบบเดียวกัน
เอกชน ไม่ถือโอกาสค้ากำไรอย่างไม่สมเหตุสมผล
และ เมื่อเกิดผลช้างเคียงอย่างเลี่ยงไม่ได้ กรณีของเอกชน เป็นการรับผิดชอบของใคร?
อิสราเอล ฉีดทั้งประเทศแล้ว และได้ผล แต่ยังตระหนักว่า “ยังคงติดเชื้อได้ แต่ตนเองไม่ตาย และถ้าเกิดติดยังสามารถปล่อยได้ โดยเชื้อที่ปล่อยน้อย และปล่อยสั้นลง”
ฉีดๆๆๆๆๆๆๆ และมีวินัยต่อ แต่แน่นอน เศรษฐกิจ ธุรกิจ คนหารายวัน ฟื้นแน่
ระลอก 3 เห็นได้จาก - 3 เมษายน 64 LINK
ระลอก 3 เห็นได้จาก
- ผู้ติดเขื้อที่พบหาเส้นทางโยงไยไม่ได้ชัดเจน และทำให้มีโอกาศขยายการติดไปได้โดยติดตามไม่ได้
- และเริ่มเห็นคนติดเชื้อที่มีความผิดปกติ จากการตรวจเช่นเอกซเรย์ปอดหรือการตรวจทางระบบอื่น ทั้งๆที่ไม่มีอาการ และที่มีอาการ
การรักษาระยะห่าง วินัย เป็นเรื่องจำเป็น:บทเรียน - 2 เมษายน 64 LINK
การรักษาระยะห่าง วินัย เป็นเรื่องจำเป็น:บทเรียน
โรงงานแห่งหนึ่งที่สมุทรสาคร bubble and seal ผล แพร่กันต่อ ตรวจครั้งแรกวันที่ 27 มกราคม ประมาณ 2200 คน มีเชื้อ จาก แยงจมูก 300 คน ค้ดออก ที่เหลือ 1,900 คน ทำงานต่อ ที่โรงงาน และที่พักในและนอกโรงงาน
ตรวจหลังจากนั้น
ครั้งที่ 1 : 14/2/64
มี เลือด บวก 283 และในจำนวนนี้ยังปล่อยเชื้อได้ 148 คน
ตรวจครั้งที่ 2 : 5/3/64 มีเลือดบวก 538 ราย และเป็นคนที่เลือดบวกทั้งครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สอง 230 ราย แสดงว่ามีผู้ที่ติดเชื้อใหม่อีก และเมื่อตรวจหาเชื้อพบว่าสามารถปล่อยเชื้อได้ 200 ราย
หมายความว่า
- การแยงจมูกตรวจเชื้อครั้งเดียว ไม่แน่นอน
- การคิดว่าคนที่เหลือ ไม่มีเชื้อ จากการตรวจแยง ปลอดภ้ย เป็นเรื่องไม่ปลอดภัย
- การที่พบเลือดเป็นบวก และมีภูมิคุ้มกันที่ยับยั้งไวรัสในเลือดได้ในระดับสูงไม่ได้เป็นเครื่องแสดงว่าปล่อยเชื้อไม่ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากเพราะเกี่ยวโยงไปถึงเรื่องวัคซีนพาสปอร์ตที่ดูประวัติการฉีดวัคซีนและดูผลเลือด
- การแพร่โดยไม่มีอาการยังคงเป็นการแพร่ที่มีประสิทธิภาพจากการตรวจครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สองห่างกันสามสัปดาห์มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 255 ราย (583-238) และใน การตรวจครั้งที่ สองนี้ พบ ว่ายังแพร่เชื้อได้ 200 ราย
- ถึงแม้ว่าผู้ที่ติดเชื้อจะไม่มีอาการแต่ความสามารถในการแพร่ต่อไปเรื่อยๆ ยังมีอยู่อย่างสมบูรณ์ เมื่อออกไปยังชุมชนทั่วไปที่เปราะบาง จะเกิดอาการชึ้น
ประการสำคัญก็คือการแพร่ไปเรื่อยๆ ในลักษณะที่ไม่รู้ตัวแบบนี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้ไวรัสมีการพัฒนาการและกลายเป็นสายพันธุ์ที่เพิ่มความสามารถในการแพร่กระจาย และดื้อต่อประสิทธิภาพของวัคซีนที่ใช้อยู่