(Abnormal Uterine Bleeding)
โดย นพ.ธีรศักดิ์ธำรงธีระกุล
และทีมแพทย์ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากวิภาวดี
อาการตกเลือด หรือเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดเป็นกลุ่มอาการที่พบได้บ่อยมากในผู้หญิง แบ่งอาการออกเป็นดังนี้
1.การตกเลือดจากโพรงมดลูกคือจุดเลือดที่ออกอยู่ในโพรงมดลูกเช่นการแท้งการมีเลือดระดูออกมากหรือผิดปกติหรือโรคมะเร็งของเยื่อบุมดลูก
2.การตกเลือดที่อวัยวะสืบพันธุ์ที่ไม่ใช่มดลูกคือเลือดไหลออกทางช่องคลอดโดยที่จุดเลือดไม่ได้เกิดในโพรงมดลูก แต่อยู่ต่ำลงมาได้แก่ปากมดลูกหรือในช่องคลอดเช่นมะเร็งปากมดลูกแผลฉีกขาดในช่องคลอดแต่ในครั้งนี้จะกล่าวถึงเฉพาะภาวะที่เป็นการตกเลือดในโพรงมดลูกเท่านั้นซึ่งเกิดได้ทั้งช่วงที่กำลังมีระดูและช่วงนอกระดู
ระดูคือน้ำเลือดที่ไหลออกจากโพรงมดลูกประกอบด้วยเลือดและเศษเนื้อเยื่อที่ไหลออกมาเป็นรอบทุก28+7วันและระยะเวลาของการมีระดูม่เกิน7วันจำนวนเลือดเฉลี่ยประมาณ 30-80มล.ถ้าจำนวนเลือดที่ออกเกิน200มล. ถือว่าผิดปกติเพราะว่าอาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจางได้โดยปกติแล้วรอบ
รอบระดูแบ่งออกเป็น 3ระยะคือ
1.ระยะการเจริญของถุงไข่เป็นระยะของรังไข่ที่จะใช้ในการเตรียมตัวให้ไข่เติบโตมากพอและมี หนึ่งใบเท่านั้นที่พร้อมจะตกออกมาจากถุงไข่ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 10-14วัน ระยะนี้ถุงไข่จะสร้างฮอร์โมน เอสโตรเจน กระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูกให้เจริญ
2.ระยะไข่ตกประมาณ วันที่ 14 – 15ของรอบเดือน มีการแตกของถุงไข่
3.ระยะหลังไข่ตก หลังจากที่ ถุงไข่ แตกแล้ว ระยะนี้ถุงไข่จะเป็นcorpus luteumมีการหลั่งโปรเจสเตอโรน เจน ในเลือดเป็นจำนวนมาก กระตุ้นเยื่อบุมดลูกให้สมบูรณ์เตรียมรับตัวอ่อน ถ้าไม่ตั้งครรภ์ก็จะหยุดทำงาน เยื่อบุมดลูกก็หลุดลอกออกมาพร้อมกับเลือดเป็นระดูความผิดปกติใดๆ ในการทำหน้าที่หรือการเจริญเติบโตของรังไข่ดังกล่าวอาจมีผลทำให้มีเลือดระดูออกผิดปกติโดยที่ในโพรงมดลูกอาจไม่มีพยาธิสภาพใดๆ ก็ได้
เลือดออกผิดปกติจากมดลูกมีหลายแบบ
1.เลือดออกเป็นรอบแต่มีปริมาณมากคือ เลือดออกเป็นรอบปกติแต่มากกว่าปกติ (มากกว่า200มล.) หรือออกนานเกิน7วัน
2.เลือดออกเป็นรอบแต่รอบสั้น กว่า 22วันจำนวนเลือดที่ออกผิดปกติ สาเหตุมักเกิดจากความบกพร่องในหน้าที่ของรังไข่
3.เลือดออกไม่เป็นรอบเลือดอาจจะออกกะปริดกะปรอย มักเกิดจากแผลที่เยื่อบุมดลูก รวมทั้งการแท้งและการมีครรภ์นอกมดลูกด้วย
4.เลือดออกเป็นรอบแต่ ค่อนข้างยาวคือนานกว่า 35วันพบในหญิงที่มีระยะ ก่อนตกไข่ยาวและในภาวะที่ไม่มีการตกไข่
5.เลือดออกเป็นรอบแต่มีปริมาณน้อยอาจพบในคนที่มี พังผืดในโพรงมดลูก และผู้ที่รับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดนาน
6.เลือดออกระหว่างรอบระดูที่เป็นปกติจะเกิดในช่วงกลางรอบระดูที่มีการตกไข่นอกจากนี้ยังมีสาเหตุจากเนื้องอกในโพรงมดลูกมะเร็งเยื่อบุมดลูกและมะเร็งปากมดลูก
7.ระดูขาดก่อนแล้วตกเลือดมากและนาน ผู้ป่วยมักมีอาการซีดร่วมด้วยพบบ่อยในวัยใกล้หมดระดูที่ไม่มีการตกไข่
สาเหตุภาวะเลือดออกผิดปกติจากมดลูกแบ่งเป็น 2สาเหตุคือ
สาเหตุทางร่างกาย
1.โรคระบบทั่วไป
1.1โรคเลือด
1.2โรคตับ
1.3โรคไต
1.4โรคอ้วน
1.5ผลของยาที่ทำให้เลือดออกผิดปกติได้แก่ยาสตีรอยด์ทั้งเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนยาป้องกันเลือดแข็งตัว ยารักษามะเร็งส่วนยาเม็ดคุมกำเนิดและ โปรเจสโตโรนทั้งชนิดรับประทานหรือฉีดเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดในการทำให้เลือดออกผิดปกติ
2.โรคทางระบบสืบพันธุ์
2.1เนื้องอกมดลูกสาเหตุของการที่เลือดออกมาก เนื่องจากกล้ามเนื้อมดลูกถูกเบียดเบียนไปทำให้ไม่สามารถหดบีบเส้นเลือดได้
2.2เยื่อบุมดลูกขึ้นผิดที่ในมดลูกและนอกมดลูก พบได้ค่อนข้างบ่อย มักมีอาการปวดระดูร่วมด้วย
2.3ติ่งเนื้อเยื่อบุมดลูกยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดติ่งเนื้อที่แน่ชัดในปัจจุบันการส่องตรวจภายในมดลูกสามารถวินิจฉัยภาวะนี้ได้บ่อยขึ้นกว่าการขูดมดลูก
2.4มะเร็งเยื่อบุมดลูกผู้ป่วยส่วนมากมีอาการเลือดออกภายหลังวัยหมดระดู เป็นภาวะที่ร้ายแรงที่สุดที่ต้องวินิจฉัยแยกโรคให้ได้
2.5เนื้องอกรังไข่ที่สร้างฮอร์โมนเอสโตรเจน และสร้างฮอร์โมนแอนโดรเจน
2.6การอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
2.7การตั้งครรภ์ (การแท้งหรือการตั้งครรภ์นอกมดลูก)
2.8ห่วงคุมกำเนิดชนิดที่ไม่ได้บรรจุฮอร์โมนโปรเจสโตเจน
สาเหตุทางระบบต่อมไร้ท่อ
1.ความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่ออื่น
1.1โรคต่อมธัยรอยด์
1.2โรคต่อมหมวกไต
1.3ความผิดปกติของ ต่อมใต้สมอง
2.ความผิดปกติของฮอร์โมนระบบสืบพันธุ์
2.1 Polycystic ovearian diseaseเป็นภาวะที่พบบ่อยลักษณะเฉพาะของผู้ป่วย คือ มีขนดกอ้วน และมีบุตรยากร่วมกับภาวะไม่มีตกไข่ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรคนี้ แต่อาการที่พบคือมีเลือดออกเป็นระยะๆ ระดูมาไม่บ่อยแต่เลือดระดูจะออกมากและนานถ้าไม่ได้รับการรักษาผู้ป่วยมีโอกาสเกิดendometrial hyperplasiaและมะเร็งเยื่อบุมดลูกสูงขึ้น
2.2ภาวะเลือดออกผิดปกติจากมดลูกDysfunctional uterine bleeding (DUB)
การวินิจฉัยภาวะเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูกเริ่มด้วย
1.แพทย์จะซักถามประวัติที่สำคัญ จะมีการตรวจร่างกายโดยทั่วไป และการตรวจภายในเบื้องต้น เพื่อหาตำแหน่งของเลือดออกว่ามาจากภายในมดลูกปากมดลูกท่อปัสสาวะหรือรูทวารตรวจหาร่องรอยกระทบกระแทกวัสดุแปลกปลอมการติดเชื้ออักเสบคลำขนาดและลักษณะของมดลูกคลำปีกมดลูกมีการกดเจ็บ หรือก้อนผิดปกติหรือไม่เป็นต้น
2.การตรวจทางห้องปฏิบัติการและตรวจพิเศษเช่น การตรวจเลือด การตัดตรวจเนื้อเยื่อมดลูกการขูดมดลูกการส่องกล้องตรวจภายในมดลูกHysterosalpingographyอัลตราซาวนด์ (ultrasound)และการส่องกล้องตรวจช่องท้อง (laparoscopy)
ข้อเขียนโดยนพ.ธีรศักดิ์ธำรงธีระกุล
และทีมสูติ-นรีแพทย์ รพ.วิภาวดีโทร0-2941-2800กด1