3 พ.ย. 65 นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า การช่วยเหลือเด็กในสถานสงเคราะห์เอกชนแห่งหนึ่งที่จังหวัดสมุทรสงครามนั้น กระทรวง พม. ได้ดำเนินการโดยยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง เด็กต้องปลอดภัย และประชาชนต้องมั่นใจได้ว่าการดูแลเด็กที่มีอยู่ทั่วประเทศจะต้องได้มาตรฐาน และเด็กจะต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้องตามกฎหมายและมนุษยธรรมด้วย ขณะนี้ เราจะยังไม่บอกว่าใครถูกใครผิด แต่อาจจะมีจุดอ่อนที่จะต้องแก้ไขในเรื่องของการดูแลสถานสงเคราะห์เอกชน ซึ่งกฎหมายที่กำกับดูแลอยู่กันคนละกระทรวง แต่กระทรวง พม. จะไม่หนีความรับผิดชอบ ไม่ว่าเด็กจะอยู่ที่ไหน เพราะเด็กจะต้องได้รับการดูแลอย่างปลอดภัย เป็นเด็กที่มีทักษะครบ มีความฉลาดในทุกมิติ รวมไปถึงการมีศีลธรรมและจริยธรรมด้วย ทั้งนี้ การช่วยเหลือและคุ้มครองเด็กดังกล่าวเป็นการบูรณาการร่วมกันกับทางจังหวัดนำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เจ้าหน้าที่ตำรวจ และกระทรวง พม. นำโดยปลัดกระทรวง พม. และอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน ที่ได้ลงพื้นที่ด้วยตนเอง
นายจุติ กล่าวต่อไปว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเด็กในครั้งนี้ มีพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ที่กระทรวง พม. จะต้องรับผิดชอบและต้องแก้ไขปัญหา ซึ่งในวันนี้ตนได้มอบนโยบายให้กับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบสถานสงเคราะห์เอกชนในพื้นที่ทั่วประเทศ ว่าได้รับใบอนุญาตและได้มาตรฐานหรือไม่ รวมถึงสถานสงเคราะห์ผู้สูงอายุเอกชนด้วย ซึ่งเราต้องเข้าไปแก้ไขให้ถูกต้อง ได้มาตรฐาน และอาจจะต้องใช้ผู้ดูแลมืออาชีพที่ได้รับการฝึกจากกระทรวง พม. เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะนี้ขึ้นอีก ส่วนอำนาจการปิดสถานสงเคราะห์เด็กเอกชนเป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด โดยทำงานเป็นคณะทำงานร่วมกันหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการจะแยกเด็กที่เหลือออกมาจากสถานสงเคราะห์เอกชนดังกล่าวนั้น เด็กคนไหนที่มีพ่อแม่อยู่ เราต้องติดต่อพ่อแม่ของเด็กก่อน เพื่อสอบถามการตัดสินใจว่าจะเอาลูกกลับไปอยู่ด้วยหรือไม่ ส่วนเด็กที่ไม่มีพ่อแม่ เราต้องดูแลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวง พม. ยึดผลประโยชน์ของเด็กเป็นสำคัญ