นายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรม สบส. ให้สัมภาษณ์ว่า จากกรณี ที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อโซเชียล ถึงการใช้ศาสตร์พลังจิต รักษาผู้ป่วยอัมพฤกษ์ แขนขาอ่อนแรง หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ปวดคอ ปวดหลัง หรือรักษาคนตาบอดให้กลับมามองเห็น ฯลฯ โดยหมอเทวดา “อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต” ซึ่งในแต่ละครั้งผู้ป่วยนับร้อยรายเดินทางเข้ามารับการรักษา ซึ่งการรักษาด้วยศาสตร์พลังจิต
ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันว่าการใช้พลังจิตสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยให้ทุเลาลง หรือหายขาดได้
ดังนั้น เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับบริการในด้านระบบบริการสุขภาพที่ถูกต้อง เหมาะสม กรม สบส.จึงสั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่กองกฎหมายของกรม สบส. และศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 4 ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ตำรวจ สภ.บางบัวทอง ปลัดอำเภอบางบัวทอง และ สสจ.นนทบุรี ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ณ ศูนย์ฝึกอบรมของ “อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต” ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี
ซึ่งจากการลงพื้นที่ในวันนี้พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ ไม่พบตัวผู้ดูแลศูนย์ฝึกอบรมฯ และ อ.เอก จึงดำเนินการสอบถ้อยคำจากผู้ให้บริการเช่าพื้นที่ โดยได้ความว่า อ.เอก ได้ขอเช่าพื้นที่เพื่อเปิดเป็นสำนักงาน ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม 2566 โดยมิได้แจ้งว่าจะมีการให้บริการรักษาพยาบาลผู้ป่วย
จากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้น “อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต” มิได้เป็นผู้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และมิได้เป็นผู้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
อีกทั้ง สถานที่ให้บริการ “ศูนย์อบรมศาสตร์พลังจิต อาจารย์เอก” ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ก็มิได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาลแต่อย่างใด พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ จึงเตรียมเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับ อ.เอก ในเบื้องต้นในฐานความผิดตามกฎหมาย 3 ฉบับ ดังนี้
1) พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ในฐานประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาลโดยมิได้รับอนุญาต
2) พระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525ในฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยมิได้รับอนุญาต และ
3) พระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2556 ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยโดยมิได้รับอนุญาต
นายแพทย์ภานุวัฒน์ฯ กล่าวต่อว่า การรักษาโรคทุกประเภทนั้น ขอให้ผู้ป่วยหรือญาติเลือกรับบริการจากแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพ และจะต้องกระทำการรักษาในสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ด้วยการรักษาพยาบาลผู้ป่วยเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน หากผู้ป่วยรับการรักษาพยาบาลโดยบุคคลที่มิใช่แพทย์ ซึ่งขาดความชำนาญ และมีกระบวนการรักษาพยาบาลที่ไม่ถูกต้องตามมาตรฐานวิชาชีพ ก็อาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ ร่างกายของตัวผู้ป่วย รวมทั้ง อาจจะทำให้ผู้ป่วยสูญเสียโอกาสที่จะได้รับการรักษาพยาบาลที่ถูกต้อง จนเป็นเหตุให้โรคลุกลาม หรืออาการกำเริบจนเป็นอันตรายต่อชีวิตได้
ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นหรือทราบเบาะแส การกระทำผิดในลักษณะของหมอเถื่อน คลินิกเถื่อน หากอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครฯ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ทางหมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7000 หากอยู่ในส่วนภูมิภาคก็สามารถแจ้งได้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่เพื่อดำเนินการต่อไป
จากกรณี ที่มีการโพสต์คลิป อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต รักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องหมอนรองกระดูก ด้วยการให้นอนคว่ำ และเดินถีบผู้ป่วยแต่ละคน โดยผู้ถ่ายคลิปบรรยายว่า ที่นอนอยู่นี่ มีอาการกระดูกทับเส้นทั้งหมด ไม่ต้องใช้เวลานาน แค่ให้อาจารย์ถีบแล้วลุกขึ้นเลย แล้วทดสอบเลยว่า เบาขึ้นไหม ดีขึ้นไหม ซึ่งมีคนยกมือตอบว่า โดนถีบแล้ว อาการดีขึ้น เบาขึ้น
อีกคลิปมาจากเพจ ฝ่ามือพลังจิต อาจารย์เอก โพสต์คลิปรักษาชาวบ้านด้วยการตบ พร้อมเขียนข้อความระบุว่า คนป่วย 2,000 กว่าคน ตบ ๆ หาย ถีบ ๆ หาย ในคลิป อาจารย์เอก เดินรักษาผู้มีอาการป่วย ด้วยการตบที่บริเวณ อกและไหล่อย่างแรง พร้อมบอกว่า เป็นการรักษาคอ บ่า ไหล่ ทำให้มีชาวเน็ตเข้ามาตั้งคำถามว่า การรักษาในลักษณะนี้ สามารถทำให้หายได้จริงหรือไม่
อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต
ผู้สื่อข่าวได้ไปคุยกับอาจารย์เอก ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า การรักษาโรคต่าง ๆ มันแล้วแต่ศาสตร์ ซึ่งการรักษาหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทในวิธีของตน กินกล้วยยังไม่ทันหมดลูกก็หาย การันตีได้ รักษามาแล้วเป็นหมื่นคน ถ้ามั่ว คนเป็นพันคนจะแห่มาหาทำไม ศาสตร์นี้คนละขั้วกับแพทย์แผนปัจจุบัน แต่สามารถรักษาควบคู่กันได้ ยืนยันไม่อุปโลก ไม่ได้มโน พร้อมขอท้าแพทย์แผนปัจจุบัน ทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้มารักษากับตน พร้อมบอกกล้ามาวัดดวงกันไหม
นายกีรติ สมคิด หรือ อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต ชี้แจงกรณีท้าทาย นายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่า ตนไม่ได้ท้าทาย แบบนักเลงท้าตี ท้าต่อย แต่เป็นการเชิญให้มาพิสูจน์ให้รู้ว่าศาสตร์ที่ตนคิดค้นขึ้นมานี้มันมีจริงและดีจริง ควรจะให้การสนับสนุนให้เป็นรูปแบบ เพราะตอนนี้ตนยังไม่มีใบรับรองอะไร เพราะเป็นศาสตร์ที่ตนเพิ่งคิดค้นขึ้นมาเป็นครั้งแรก และอยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารในการขอจดทะเบียนแพทย์ทางเลือก
จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาพูดคุยและร่วมกันพิสูจน์หากมีตรงไหนที่ยังไม่ถูกต้องตนเองพร้อมปฏิบัติตาม ซึ่งเป้าหมายอยากให้ศาสตร์วิชาการรักษาของตนเป็นที่ดึงดูดของคนจากทั่วทั้งโลกให้มารักษาที่ประเทศไทย และต้องการทำให้นานาประเทศเห็นว่าในประเทศไทยมีการรักษาแบบนี้และผลของการรักษาก็เห็นแล้วว่า หายจริง
ชมคลิป
3PlusNews เที่ยงวันทันเหตุการณ์ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566